การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด
เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบโดยเท่าเทียมกันที่จะทำตามแบบอย่างของพระอาจารย์และสอนเหมือนพระองค์
ครูที่ยอดเยี่ยม
เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ อดีตเพื่อนร่วมชั้นจากโอเวอร์ตัน รัฐเนวาดา บ้านเกิดของข้าพเจ้า ได้เสนอว่าเราจะรวมกันซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้ครูอนุบาลผู้เป็นที่รักของเราซึ่งฉลองวันเกิดปีที่ 98 ไปเมื่อไม่นานมานี้ ท่านสอนให้เรามีเมตตา สอนความสำคัญของการงีบหลับ รสชาติของความสุขจากนมกับขนมปังกรอบ และสอนให้เรารักกัน ขอบคุณมากครับซิสเตอร์เดวิสสำหรับการเป็นครูที่ยอดเยี่ยม
ข้าพเจ้ามีครูที่ยอดเยี่ยมอีกท่านขณะศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยริกส์เมื่อหลายปีมาแล้ว ข้าพเจ้ากำลังเตรียมรับใช้งานเผยแผ่ และคิดว่าจะเป็นประโยชน์หากเข้าชั้นเรียนเตรียมตัวเป็นผู้สอนศาสนา สิ่งที่ข้าพเจ้าประสบเปลี่ยนชีวิตข้าพเจ้า
นับจากวันแรกที่เข้าชั้นเรียน ข้าพเจ้าก็ตระหนักว่ากำลังอยู่ต่อหน้าครูผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเลยทีเดียว ครูคนนั้นคือบราเดอร์เอฟ. เมลวิน แฮมมอนด์ ข้าพเจ้ารู้ว่าบราเดอร์แฮมมอนด์รักพระเจ้าและท่านรักข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นได้จากใบหน้าของท่านและได้ยินจากน้ำเสียงของท่าน เมื่อท่านสอน พระวิญญาณทรงให้ความกระจ่างแก่ความคิดข้าพเจ้า ท่านสอนหลักคำสอน แต่เชื้อเชิญให้เรียนรู้ด้วยตนเองเช่นกัน คำเชื้อเชิญนั้นช่วยให้ข้าพเจ้าเห็นความรับผิดชอบอย่างชัดเจนในการเรียนรู้หลักคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าด้วยตนเอง ประสบการณ์นั้นเปลี่ยนข้าพเจ้าตลอดกาล ขอบคุณมากครับบราเดอร์แฮมมอนด์ที่สอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด
พี่น้องทั้งหลาย ทุกคนสมควรได้รับประสบการณ์การเรียนรู้เช่นนี้ทั้งจากที่บ้านและที่โบสถ์
ในบทนำของ จงตามเรามา ทำให้เราเห็นวิสัยทัศน์ของการสอนเหมือนพระคริสต์ว่าสามารถบรรลุผลอะไรได้บ้าง ในนี้กล่าวว่า “จุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนพระกิตติคุณทั้งหมดคือทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระเยซูคริสต์ของเราลึกซึ้งขึ้นและช่วยให้เราเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น … การเรียนรู้พระกิตติคุณในแบบที่เสริมสร้างศรัทธาของเราและนำไปสู่ปาฏิหาริย์ของการเปลี่ยนใจเลื่อมใสไม่เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่ขยายออกนอกห้องเรียนเข้าไปในใจบุคคลนั้นและในบ้าน”1
พระคัมภีร์ชี้แจงว่าการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดในอเมริกาสมัยโบราณมีผลและเป็นที่แพร่หลายยิ่งจนกระทั่ง “ผู้คนทั้งหมดได้รับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเจ้า, ทั่วผืนแผ่นดิน, ทั้งชาวนีไฟและชาวเลมัน, และไม่มีความขัดแย้งและการโต้เถียงในบรรดาคนเหล่านั้น, และทุกคนปฏิบัติต่อกันอย่างเที่ยงธรรม”2
การสอนของเราจะมีผลคล้ายกันต่อคนที่เรารักอย่างไร? เราจะสอนเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นและช่วยผู้อื่นเปลี่ยนใจเลื่อมใสลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้อย่างไร? ข้าพเจ้าขอให้คำแนะนำเล็กน้อย
เลียนแบบพระผู้ช่วยให้รอด
สิ่งสำคัญที่สุดอย่างแรกคือ ท่านต้องเรียนรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับองค์พระอาจารย์โดยไม่ต้องมีใครขอ พระองค์ทรงแสดงความรักต่อผู้อื่นอย่างไร? พวกเขารู้สึกอย่างไรเมื่อพระองค์ทรงสอน? พระองค์ทรงสอนอะไร? ความคาดหวังของพระองค์ต่อผู้ที่ทรงสอนมีอะไรบ้าง? หลังจากสำรวจคำถามเหล่านี้แล้ว ให้ประเมินและปรับเปลี่ยนวิธีที่ท่านสอนให้เหมือนพระองค์มากขึ้น
ศาสนจักรให้แหล่งข้อมูลการสอนมากมายในแอปพลิเคชันคลังค้นคว้าพระกิตติคุณและใน ChurchofJesusChrist.org ตัวอย่างแหล่งข้อมูลหนึ่งในนั้นมีชื่อว่า การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านอ่านและศึกษาทุกคำในนั้น หลักธรรมในแหล่งช่วยนี้จะช่วยให้ท่านในการพยายามสอนเหมือนพระคริสต์มากขึ้น
ปลดปล่อยพลังครอบครัว
คำแนะนำข้อต่อไปยกตัวอย่างได้จากประสบการณ์ของข้าพเจ้าเมื่อไม่นานมานี้ขณะแวะเยี่ยมเพื่อนรักคนหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ยินเสียงภรรยาของเขากำลังพูดคุยกับใครสักคนอยู่ จึงรีบขอตัวเพื่อให้เขากลับไปหาครอบครัว
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ข้าพเจ้าได้รับข้อความจากภรรยาผู้อ่อนหวานของเขา: “บราเดอร์นิวแมน ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ เราน่าจะเชิญให้คุณเข้ามาข้างใน แต่ดิฉันอยากเล่าว่าพวกเรากำลังทำอะไร ตั้งแต่ช่วงที่มีโรคระบาด เราสนทนาเนื้อหา จงตามเรามา กับลูกๆ ที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วทุกวันอาทิตย์ทางซูม เป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ดิฉันคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวของเราอ่านพระคัมภีร์มอรมอนด้วยตนเอง วันนี้เป็นบทเรียนสุดท้ายในพระคัมภีร์มอรมอน และเรากำลังจะศึกษาเสร็จตอนที่คุณมา … ดิฉันคิดว่าคุณคงสนใจจะฟังว่า จงตามเรามา ซูม และโรคระบาดให้โอกาสในเวลาอันเหมาะสมที่จะเปลี่ยนจิตใจอย่างไร … ทำให้ดิฉันสงสัยว่ามีปาฏิหาริย์เล็กๆ เกิดขึ้นมากมายแค่ไหนในช่วงเวลาผิดปกติเช่นนี้”
สำหรับข้าพเจ้านี่เหมือนกับเป็นสัมฤทธิผลของคำสัญญาที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันให้ไว้เมื่อเดือนตุลาคมปี 2018 ท่านกล่าวว่าการเรียนรู้พระกิตติคุณโดยมีบ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน “มีศักยภาพที่จะปล่อยพลังของครอบครัวขณะที่แต่ละครอบครัวตั้งใจทำตามอย่างจริงจังเพื่อเปลี่ยนบ้านของพวกเขาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธา ข้าพเจ้าสัญญาว่าขณะที่ท่านทำงานอย่างขยันหมั่นเพียรเพื่อปรับเปลี่ยนบ้านของท่านให้เป็นศูนย์การเรียนรู้พระกิตติคุณ เมื่อเวลาผ่านไป วันสะบาโต ของท่าน จะเป็นวันปีติยินดีอย่างแท้จริง ลูกๆ ของท่าน จะตื่นเต้นที่เรียนรู้และดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด … ครอบครัวท่านจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจนและต่อเนื่อง”3 ช่างเป็นคำสัญญาที่งดงามยิ่งนัก!
เพื่อให้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง การเปลี่ยนใจเลื่อมใสสู่พระเยซูคริสต์จะต้องใช้จิตวิญญาณทั้งหมดของเราและแทรกซึมเข้าไปในชีวิตเราทุกด้าน นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมต้องเน้นสิ่งนั้นเป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา—นั่นคือครอบครัวและบ้านของเรา
พึงระลึกว่าการเปลี่ยนใจเลื่อมใสเป็นเรื่องส่วนตัว
คำแนะนำสุดท้ายของข้าพเจ้าคือ พึงระลึกว่าการเปลี่ยนใจเลื่อมใสต้องมาจากภายใน เฉกเช่นอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคน เราไม่สามารถหยิบยื่นน้ำมันแห่งการเปลี่ยนใจเลื่อมใสให้ผู้อื่นได้ แม้ว่าเราอยากจะทำเช่นนั้นมากเพียงใดก็ตาม ดังที่เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์สอน: “น้ำมันอันมีค่านี้ได้มาทีละหยด … ด้วยความอดทนไม่ย่อท้อ ไม่มีวิธีลัดให้ทำ ไม่มีการตระเตรียมกะทันหันวินาทีสุดท้ายให้อยู่ในวิสัยที่ทำได้”4
จงตามเรามา มีรากฐานของความจริง เปรียบได้กับเทพที่ช่วยนีไฟเรียนรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์โดยกล่าวว่า “ดูนั่นสิ!”5 เช่นเดียวกับเทพองค์นั้น จงตามเรามา เชื้อเชิญให้เราดูในพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันเพื่อค้นหาพระผู้ช่วยให้รอดและฟังพระองค์ เช่นเดียวกับนีไฟ พระวิญญาณจะทรงสอนเราเป็นการส่วนตัวขณะอ่านและไตร่ตรองพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า จงตามเรามา เปรียบเสมือนกระดานกระโดดน้ำที่ช่วยให้เราแต่ละคนสามารถดำดิ่งลงไปถึงน้ำธำรงชีวิตจากหลักคำสอนของพระคริสต์
ความรับผิดชอบของบิดามารดามีความคล้ายคลึงในหลายๆ ด้าน ลูกๆ สืบทอดหลายสิ่งจากบิดามารดา แต่ประจักษ์พยานไม่ได้รวมอยู่ในนั้น เราไม่อาจหยิบยื่นประจักษ์พยานให้ลูกๆ ได้เหมือนที่เราไม่อาจบังคับเมล็ดให้เติบโต แต่เราสามารถจัดหาสภาพแวดล้อมที่บำรุงเลี้ยงได้ ด้วยดินดี ปราศจากหนามที่อาจ “รัดพระวจนะ” เราสามารถพยายามสร้างสภาวะที่สมบูรณ์แบบเพื่อให้ลูกๆ—และคนที่เรารัก—ได้พบสถานที่เหมาะสมสำหรับเมล็ดนั้นๆ “[ได้ยิน] พระวจนะ, และ [เข้าใจ]”6 และค้นพบด้วยตัวเองว่า “นี่คือเมล็ดดี”7
หลายปีมาแล้ว แจ็คลูกชายกับข้าพเจ้ามีโอกาสเล่นกอล์ฟที่สนามโอลด์คอร์สที่เซนต์แอนดรูว์สในสกอตแลนด์ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของกีฬากอล์ฟ เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก! เมื่อกลับมา ข้าพเจ้าพยายามถ่ายทอดให้ผู้อื่นถึงประสบการณ์อันน่าทึ่งนี้ แต่ข้าพเจ้าทำไม่ได้ รูปภาพ วีดิทัศน์ และคำอธิบายที่ดีที่สุดของข้าพเจ้าไม่เพียงพอ ในที่สุดข้าพเจ้าก็ตระหนักว่าวิธีเดียวที่คนจะรู้ถึงความสง่างามของเซนต์แอนดรูว์สคือต้องประสบด้วยตนเอง—มาเห็นความกว้างของแฟร์เวย์ สูดอากาศ สัมผัสลมบนใบหน้า และตีพลาดไปตกบนบ่อทรายบ้างและบนพุ่มไม้บ้าง ซึ่งเราทำได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
เช่นเดียวกับพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า เราสามารถสอน เราสามารถสั่งสอน เราสามารถอธิบาย เราสามารถพูดคุย เราสามารถชี้แจงแม้กระทั่งเป็นพยาน แต่จนกว่าคนนั้นจะสัมผัสถึงพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้ากลั่นลงมาบนจิตวิญญาณเขาดังหยาดน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ผ่านอำนาจของพระวิญญาณ8 ก็จะเหมือนกับการดูโปสการ์ดหรือรูปที่คนอื่นไปเที่ยวมา ท่านต้องไปเอง การเปลี่ยนใจเลื่อมใสเป็นการเดินทางส่วนตัว—การเดินทางแห่งการรวม
ทุกคนที่สอนในบ้านและที่โบสถ์สามารถเสนอโอกาสให้ผู้อื่นได้รับประสบการณ์ทางวิญญาณด้วยตนเอง โดยผ่านประสบการณ์เหล่านี้ พวกเขาจะ “รู้ความจริงของทุกเรื่อง” ด้วยตนเอง9 ประธานเนลสันสอนว่า “ถ้าท่านมีคำถามจริงใจเกี่ยวกับพระกิตติคุณหรือศาสนจักร เมื่อท่านเลือกให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัย พระองค์จะทรงนำท่านไปพบและเข้าใจความจริงนิรันดร์อันสมบูรณ์ที่จะนำทางชีวิตและช่วยให้ท่านอยู่อย่างมั่นคงบนเส้นทางพันธสัญญา”10
ปรับปรุงการสอนครั้งใหญ่
ข้าพเจ้าขอเชื้อเชิญผู้นำและครูผู้สอนทุกท่านในทุกองค์การของศาสนจักรให้ปรึกษาหารือร่วมกันกับบิดามารดาและเยาวชนเพื่อปรับปรุงการสอนครั้งใหญ่ในทุกระดับ—ทั้งในสเตค ในวอร์ด และในบ้าน ซึ่งจะทำได้เมื่อสอนหลักคำสอนและเชื้อเชิญการสนทนาที่เปี่ยมด้วยพระวิญญาณเกี่ยวกับความจริงที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนเราในช่วงเวลาศึกษาส่วนตัวอันเงียบสงบ
เพื่อนๆ ที่รักในพระคริสต์ของข้าพเจ้า เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบโดยเท่าเทียมกันที่จะทำตามแบบอย่างของพระอาจารย์และสอนเหมือนพระองค์ ทางของพระองค์คือทางที่แน่นอน เมื่อเราทำตามพระองค์ “เมื่อพระองค์จะเสด็จมาปรากฏเราจะเป็นเหมือนพระองค์, เพราะเราจะเห็นพระองค์ดังที่พระองค์ทรงดำรงอยู่; เพื่อเราจะมีความหวังนี้; เพื่อพระองค์จะทรงทำให้เราบริสุทธิ์แม้ดังที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์”11 ในพระนามของพระองค์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์ องค์พระอาจารย์ พระเยซูคริสต์ เอเมน