ข่าวสารจากฝ่ายประธานสูงสุด
พรของการเชื่อฟัง
“บทเรียนสำคัญที่สุดที่เราจะเรียนรู้ได้ในความเป็นมรรตัย” ประธานโธมัส เอส. มอนสันสอน “คือเมื่อพระผู้เป็นเจ้าตรัสและเราเชื่อฟัง เราจะถูกต้องเสมอ”1
เราจะได้รับพรเช่นกัน ดังที่ประธานมอนสันกล่าวในช่วงการประชุมใหญ่สามัญเมื่อไม่นานมานี้ว่า “เมื่อเรารักษาพระบัญญัติ ชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้น สมหวังมากขึ้น และซับซ้อนน้อยลง เราจะทนรับความท้าทายและปัญหาของเราได้ง่ายขึ้น เราจะได้รับพรที่ [พระบิดาบนสวรรค์] ทรงสัญญาไว้”2
ในข้อความต่อไปนี้ที่คัดลอกมาจากคำสอนของประธานมอนสันในฐานะประธานศาสนจักร ท่านเตือนเราว่าพระบัญญัติเป็นเครื่องนำทางแน่นอนที่สุดที่พาไปสู่ความสุขและสันติ
แนวทางสำหรับการเดินทาง
“พระผู้เป็นเจ้ามิได้ประทานพระบัญญัติเพื่อทำให้เราท้อแท้หรือเป็นอุปสรรคขัดขวางความสุขของเรา แต่ที่จริงแล้วคือสิ่งตรงกันข้าม พระองค์ผู้ทรงสร้างเราและทรงรักเราอย่างสมบูรณ์ทรงทราบว่าเราต้องดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะมีความสุขมากที่สุด พระองค์ทรงจัดเตรียมแนวทางซึ่งถ้าเราดำเนินตาม จะเห็นเราฟันฝ่าการเดินทางที่มักไม่ปลอดภัยนี้ไปโดยสวัสดิภาพ เราจำคำร้องของเพลงสวดที่คุ้นหูได้ ‘รักษาพระบัญญัติ! ในนี้มีความปลอดภัย ในนี้มีสันติ’ [ดู “รักษาพระบัญญัติ,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 154]”3
ความเข้มแข็งและความรู้
“การเชื่อฟังเป็นเครื่องหมายของศาสดาพยากรณ์ คือสิ่งที่ให้ความเข้มแข็งและความรู้แก่ท่านเหล่านั้นตลอดทุกยุคทุกสมัย สำคัญยิ่งที่เราต้องตระหนักว่าเรามีสิทธิ์ได้รับแหล่งความเข้มแข็งและความรู้จากแหล่งนี้เช่นกัน นี่คือสิ่งที่มีพร้อมไว้ให้เราแต่ละคนวันนี้เมื่อเราเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า …
“ความรู้ที่เราแสวงหา คำตอบที่เราใฝ่ฝัน และความเข้มแข็งที่เราปรารถนาวันนี้เพื่อรับมือกับความท้าทายในโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จะเป็นของเราได้เมื่อเราเต็มใจเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า”4
เลือกเชื่อฟัง
“แนวโน้มในยุคสมัยของเราคือการทำตามใจ นิตยสารและรายการโทรทัศน์แสดงภาพดาวรุ่งในจอภาพยนตร์ วีรบุุรุษในสนามกีฬา—คนที่เยาวชนมากมายอยากเลียนแบบ—โดยไม่นำพากฎของพระผู้เป็นเจ้าและทำบาปกันอย่างเปิดเผย ซึ่งดูเผินๆ เหมือนไม่มีผลเสีย ท่านอย่าเชื่อ! มีเวลาของการคิดบัญชี—แม้การทำให้บัญชีสมดุล ซินเดอเรลลาทุกคนมีเที่ยงคืน—ถ้าไม่ในชีวิตนี้ก็ในชีวิตหน้า วันพิพากษาจะมาถึงทุกคน … ข้าพเจ้าขอให้ท่านเลือกเชื่อฟัง”5
ปีติและสันติสุข
“บางครั้งท่านอาจเห็นว่าคนที่ออกไปอยู่ในโลกมีความสนุกสนานยิ่งกว่าเรา บางท่านอาจรู้สึกถูกจำกัดให้อยู่กับมาตรฐานความประพฤติซึ่งเรายึดมั่นในศาสนจักร พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าประกาศต่อท่านว่า ไม่มีสิ่งใด สามารถนำปีติมาสู่ชีวิตท่านหรือนำสันติสุขมาสู่จิตวิญญาณท่านได้มากกว่าพระวิญญาณซึ่งมาหาเราได้เมื่อเราติดตามพระผู้ช่วยให้รอดและรักษาพระบัญญัติ”6
ดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรง
“ข้าพเจ้าเป็นพยานต่อท่านว่าพรที่สัญญาไว้กับเราไม่อาจประมาณได้ แม้เมฆลมมรสุมจะรวมตัวกัน แม้ฝนจะเทลงมาที่เรา แต่ความรู้ในพระกิตติคุณและความรักที่เรามีต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดจะปลอบโยนและค้ำจุนเรา จะนำปีติมาสู่ใจเราเมื่อเราดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงและรักษาพระบัญญัติ จะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ชนะเราได้”7
ติดตามพระผู้ช่วยให้รอด
“ใครหรือคือองค์มหาบุรุษแห่งโทมนัส ผู้คุ้นเคยกับความโศกเศร้า กษัตริย์ผู้ทรงพระสิริ พระเจ้าจอมโยธาพระองค์นี้ พระองค์ทรงเป็นพระอาจารย์ของเรา พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ลิขิตความรอดของเรา พระองค์ทรงเรียกเรา ‘จงตามเรามาเถิด’ พระองค์ทรงสอนว่า ‘ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้นเถิด’ พระองค์ทรงวิงวอนว่า ‘จงรักษาบัญญัติของเรา’
“ขอให้เราดำเนินตามพระองค์ ขอให้เราทำตามแบบอย่างของพระองค์ ขอให้เราเชื่อฟังพระคำของพระองค์ โดยการทำเช่นนั้น เท่ากับเราถวายของขวัญแห่งความกตัญญูอันล้ำเลิศแด่พระองค์”8