ปาฏิหาริย์ของ ระดับความร้อนปานกลาง
คุณต้องการเดี๋ยวนี้—หรือคุณต้องการให้ถูกต้อง
สมมติว่าชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่บ้านคนเดียวและกำลังหิว (ไม่น่าเป็นไปได้ ใช่ แต่แค่ลองสมมติ) ตอนนี้ให้สมมติว่าเขาตัดสินใจลองทำแซนด์วิชกริลชีสด้วยตนเองเป็นครั้งแรก1 สมมติว่าพ่อแม่ของชายหนุ่มคนนี้ไม่เคยสอนวิธีทำกริลชีสและเขาไม่เคยสังเกตให้ดีเวลาที่พ่อแม่ทำ
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้มีส่วนผสมครบทุกอย่าง ขนมปัง เนยแข็ง เนยเล็กน้อยไว้ทาขนมปังด้านนอก (และมายองเนสเล็กน้อยไว้ทาด้านในเพราะเขาฉลาด) ต่อจากนั้น เขาหยิบกระทะออกมาวางบนเตา (เราสมมติด้วยว่าเขาไม่มีกระทะไฟฟ้าชนิดแบนหรือเครื่องทำแซนด์วิช)
ตอนนี้จินตนาการว่าเขามีความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง—ความคิดที่คนจำนวนมากไม่ใส่ใจพอ (หรือบ้าพอ) จะคิด คือ “ถ้าผมเปิดไฟแรง มันจะสุกเร็วขึ้น”
ลองนึกดูว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น (หรือคุณอาจไม่ต้องนึกภาพก็ได้)
เขาน่าจะได้ขนมปังกรอบสีน้ำตาลทองกำลังดีหรือเนยละลายเหนียวนุ่มกำลังดี—แต่ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แต่เขากลับได้ขนมปังที่หน้าตาและความรู้สึก (และอาจจะรสชาติ) เหมือนหินลาวาและเนยแข็งละลายครึ่งเดียว ซึ่งดูไม่น่ากินเอาเสียเลย
ปัญหาของเขาตามที่ท่านเห็นคือความไม่ใส่ใจ (ซึ่งพอจะให้อภัยได้) ผนวกกับความไม่อดทน (ซึ่งแม้จะเข้าใจได้แต่ให้อภัยได้น้อยกว่า) ถ้าเขาทำผิดซ้ำสอง จะยิ่งให้อภัยได้น้อยลง เพราะจะโทษความไม่ใส่ใจไม่ได้แต่เกือบทั้งหมดเกิดจากความไม่อดทน
เพื่อให้แซนด์วิชน่ากิน เขาจะต้องค้นพบปาฏิหาริย์ของระดับความร้อนปานกลาง
ปานกลางไม่ใช่น่าเบื่อ
การตั้งระดับความร้อนปานกลางบนเตาเหมาะกับการทำแซนด์วิชกริลชีสและอาหารอีกหลายอย่างสุกกำลังดีโดยด้านนอกไม่สุกเกินไป ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือต้องใช้เวลาและความเอาใจใส่มากขึ้น ซึ่งต้องใช้ ความอดทน
พระเจ้าตรัสว่า “จงดำเนินต่อไปด้วยความอดทนจนกว่าเจ้าจะได้รับการทำให้ดีพร้อม” (คพ. 67:13) ข้อนี้พระองค์กำลังตรัสถึงความดีพร้อมแบบที่เหนือกว่าการทำแซนด์วิชกริลชีสให้สุกกำลังดี พระองค์ทรงต้องการให้เราเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างสูงสุดของความอดทน ส่วนหนึ่งของการทำตามแบบอย่างของพระองค์หมายถึงการขยายมุมมองของเรา มองเลยสถานการณ์ขณะนั้น และเห็นรางวัลใหญ่หลวงกว่าที่มาจากวินัยในตนเอง ศรัทธา การเชื่อฟัง ความพยายามต่อเนื่องสม่ำเสมอ ความอดกลั้น และความรัก—กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีความอดทน
นิยามของความอดทนบอกเป็นนัยว่าต้องรอ ซึ่งฟังดูน่าเบื่อ แต่ดังประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดสอนเรา ความอดทนเป็นมากยิ่งกว่ารอ “ความอดทนหมายถึงการรออยู่และอดทน หมายถึงอยู่กับบางสิ่งและทำสุดความสามารถ—ทำงาน หวัง และใช้ศรัทธา อดทนต่อความยากลำบากอย่างไม่ย่อท้อแม้เมื่อความปรารถนาของใจเกิดขึ้นช้า ความอดทนไม่เพียงอดทนเท่านั้น แต่อดทนด้วยดี!”2
ความอดทนไม่ใช่แค่วางแซนด์วิชกริลชีสไว้บนกระทะแล้วลืม แต่เฝ้าดูและพลิกแซนต์วิชเมื่อถึงเวลา
ความอดทนไม่ใช่แค่มาให้ถึงโรงเรียนหรือเซมินารีหรือโบสถ์ แต่เรียนรู้หรือนมัสการอย่างกระตือรือร้น
ความอดทนไม่ใช่แค่รอรับประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนเพราะท่านขอ แต่คือการอ่าน ศึกษา ไตร่ตรอง สวดอ้อนวอน และดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของหนังสือนั้นอย่างต่อเนื่อง
ความอดทนไม่ใช่แค่นั่งอยู่เฉยๆ ขณะเพื่อนหัวเราะเยาะศาสนาของเรา แต่คือการสวดอ้อนวอนให้พวกเขา ต้องการให้พวกเขามีการเปลี่ยนแปลงในใจและทำสิ่งที่ท่านทำได้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น
ความอดทนไม่ใช่แค่รอถึงอายุ 16 ค่อยออกเดท แต่คือการเรียนรู้ว่าต้องรักการเชื่อฟังและพยายามเข้าใจว่าการทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์จะเป็นพรแก่ท่านอย่างไร
ลดระดับความร้อนลง
ความอดทนและความยับยั้งตน หรือการควบคุมตนเอง ทั้งสองส่วนเป็น “ผลของพระวิญญาณ” (ดู กาลาเทีย 5:22–23) ถึงแม้จะมีเรื่องเร่งด่วนต้องดำเนินการทันทีหรือตอบสนองทันควัน (เฉกเช่นมีอาหารบางอย่างต้องใช้ไฟแรง) ท่านควรเห็นตนเองมีความอดทนและควบคุมตนเองมากขึ้น ถ้าท่านรู้สึกว่านี่กำลังเกิดขึ้น นั่นเป็นสัญญาณว่าพระวิญญาณทรงทำงานในชีวิตท่าน
ปาฏิหาริย์ของระดับความร้อนปานกลางอาจให้แซนด์วิชกริลชีสที่สุกกำลังดี เนื้อในแฮมเบอเกอร์ที่หน้าตาไม่เหมือนลูกยางฮ็อกกี้ที่จุดตรงกลางเป็นสีชมพู เป็นสีน้ำตาลไม่ใช่สีดำ และข้าวนุ่มฟูไม่ใช่ข้าวแข็งและเคี้ยวลำบาก แต่ความอดทนจะให้ “ผลอย่างสมบูรณ์” (ยากอบ 1:4) ในชีวิตท่าน ช่วยท่านมุ่งหน้าเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น ก่อให้เกิดอิทธิพลของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ และช่วยนำท่านสู่ชีวิตนิรันดร์ในที่สุด
เมื่อท่านสังเกตเห็นสิ่งที่ทำให้ท่านไม่อดทน ให้นึกถึงแซนด์วิชกริลชีส (หรืออาหารอื่นที่ทำให้ท่านเข้าใจ) และสิ่งที่ท่านอาจจะเสียไปถ้าให้ความไม่อดทนชี้นำการกระทำของท่าน ถ้าท่านทำผิดฐานไม่อดทนบ่อยเกินไป ท่านควรรู้ว่ามีคนมากมายเป็นแบบนี้ ท่านกลับใจได้ พยายามทำตามแบบอย่างและคำสอนของพระเยซูคริสต์อีกครั้ง มีแซนด์วิชกริลชีสให้ทำมากกว่าหนึ่งคู่ และไม่สายเกินไปที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับความดีพร้อมซึ่งเกิดขึ้นได้ผ่านความอดทน
ร่วมวงสนทนา
เรื่องที่ต้องไตร่ตรองในวันอาทิตย์
-
การทดลองที่ต่อเนื่องหรือสถานการณ์ประจำวันอะไรบ้างที่ทำให้ท่านไม่อดทน
-
ท่านจะฝึกความอดทนมากขึ้นในทุกสถานการณ์เหล่านี้ได้อย่างไร
สิ่งที่ท่านจะทำ
-
ศึกษาพระคัมภีร์เรื่องความอดทนตามที่ระบุไว้ในคู่มือพระคัมภีร์
-
ท่านอาจสนทนากับครอบครัวหรือที่โบสถ์เกี่ยวกับเป้าหมายเฉพาะเจาะจงที่ท่านทำได้เพื่อให้อดทนมากขึ้น