พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านอย่างไร
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเตือน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปลอบโยน และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยาน
ในคืนวันจันทร์เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้ากับลีซาภรรยาไปเยี่ยมบ้านของครอบครัวหนุ่มสาวในละแวกเดียวกันกับเรา ขณะอยู่ที่นั่น พวกเขาชวนเราอยู่สังสรรค์ในครอบครัว โดยบอกว่าลูกชายวัยเก้าขวบของพวกเขาเตรียมบทเรียนไว้แล้ว เราจึงอยู่!
หลังจากเพลงเปิด สวดอ้อนวอนเปิด และกิจธุระครอบครัว เด็กชายวัยเก้าขวบเริ่มอ่าน คำถามชวนคิดในบทเรียนที่เขาเขียนไว้ว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านอย่างไร” คำถามนี้เป็นการเริ่มต้นการสนทนาที่มีความหมายขณะทุกคนในครอบครัวแบ่งปันความคิดและความเข้าใจ ข้าพเจ้าประทับใจกับการเตรียมบทเรียนของครูคนนี้และคำถามที่ดีมากของเขาซึ่งทำให้ข้าพเจ้านึกทบทวนหลายครั้ง
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าเฝ้าถามตนเองว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านอย่างไร”—คำถามเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับเด็กปฐมวัยที่จะอายุครบแปดขวบและเตรียมรับบัพติศมา และกับเด็กที่เพิ่งรับบัพติศมาและรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว อีกทั้งเกี่ยวข้องกับผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสใหม่หลายพันคน
ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้เราแต่ละคน โดยเฉพาะเด็กปฐมวัยพิจารณาว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านอย่างไร” เมื่อข้าพเจ้าไตร่ตรองคำถามนี้ ข้าพเจ้านึกถึงประสบการณ์ในวัยเยาว์ทันที นี่เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าเล่าให้เอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์ฟังหลังจากการเรียกข้าพเจ้าสู่โควรัมอัครสาวกสิบสองได้ไม่นานและท่านลงไว้ในบทความนิตยสารศาสนจักรที่ท่านเขียนเกี่ยวกับชีวิตข้าพเจ้า1 บางท่านอาจเคยได้ยินแล้ว แต่หลายท่านอาจจะไม่เคยได้ยิน
เมื่อข้าพเจ้าอายุประมาณ 11 ขวบ วันหนึ่งในฤดูร้อนข้าพเจ้ากับคุณพ่อไปเดินเขาในเทือกเขาใกล้บ้านเรา ขณะคุณพ่อเดินขึ้นทางชัน ข้าพเจ้าก็กระโดดบนหินก้อนใหญ่ข้างทางจากก้อนหนึ่งไปอีกก้อนหนึ่ง ข้าพเจ้าตั้งใจจะปีนขึ้นไปจนถึงแผ่นหินด้านบนของหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง ขณะปีนอยู่นั้นข้าพเจ้าประหลาดใจเมื่อคุณพ่อคว้าเข็มขัดข้าพเจ้าไว้และดึงข้าพเจ้าลงอย่างรวดเร็ว พลางพูดว่า “อย่าปีนขึ้นไปบนหินก้อนนั้น แค่เดินอยู่ในทางก็พอ”
ครู่ต่อมาเรามองลงมาจากทางขึ้นเนินและตกตะลึงเมื่อเห็นงูหางกระดิ่งตัวใหญ่นอนอาบแดดอยู่บนหินก้อนที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะปีนขึ้นไป
ต่อมา ขณะขับรถกลับบ้าน ข้าพเจ้ารู้ว่าคุณพ่อกำลังรอให้ข้าพเจ้าถาม ข้าพเจ้าจึงถามว่า “คุณพ่อรู้ได้อย่างไรครับว่างูอยู่ตรงนั้น” คำตอบของท่านนำเราไปสู่การสนทนาเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์และวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยเราได้ ข้าพเจ้าไม่เคยลืมสิ่งที่ได้เรียนรู้วันนั้น
ท่านเห็นหรือไม่ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าสำนึกคุณอยู่เสมอที่คุณพ่อฟังสุรเสียงสงบแผ่วเบาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเสียงนั้นช่วยชีวิตข้าพเจ้า
สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์
ก่อนจะพิจารณาเพิ่มเติมว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านอย่างไร” เรามาทบทวนบางส่วนที่พระเจ้าทรงเปิดเผยเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีความจริงนิรันดร์หลายข้อที่เราพิจารณาได้ แต่วันนี้ข้าพเจ้าจะเน้นเพียงสามข้อ
หนึ่ง พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นสมาชิกองค์ที่สามในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ เราเรียนรู้ความจริงนี้ในหลักแห่งความเชื่อข้อที่หนึ่ง “เราเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, และในพระบุตรของพระองค์, พระเยซูคริสต์, และในพระวิญญาณบริสุทธิ์”2
สอง พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีรูปกายเป็นวิญญาณ ดังอธิบายไว้ในพระคัมภีร์ยุคปัจจุบัน “พระบิดาทรงมีพระวรกายเป็นเนื้อหนังและกระดูกสัมผัสได้ดังของมนุษย์; พระบุตรก็เช่นกัน; แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทรงมีพระวรกายเป็นเนื้อหนังและกระดูก, แต่เป็นรูปกายที่เป็นวิญญาณ. หากไม่เป็นเช่นนั้น, พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสถิตในพวกเราไม่ได้”3 หมายความว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีร่างวิญญาณ ไม่เหมือนพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์ผู้ทรงมีพระวรกาย ความจริงนี้ขยายความพระนามอื่นที่ประทานแก่พระวิญญาณบริสุทธิ์และเราคุ้นเคยดี ได้แก่ พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า พระวิญญาณของพระเจ้า พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญา และพระผู้ปลอบโยน4
สาม ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มาโดยการวางมือ ศาสนพิธีนี้ต่อจากบัพติศมา ทำให้เราคู่ควรแก่การเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของพระวิญญาณบริสุทธิ์5 เพื่อประกอบศาสนพิธีนี้ ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคที่มีค่าควรวางมือบนศีรษะบุคคลนั้น6 เรียกชื่อเขา กล่าวถึงสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตของพวกเขา และยืนยันเขาในพระนามของพระเยซูคริสต์ให้เป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย และเอ่ยประโยคสำคัญ “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์”
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านอย่างไร
เมื่อทบทวนความจริงพื้นฐานสามประการเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว เราจะกลับมาที่คำถามแรก “พระวิญญาณทรงช่วยท่านอย่างไร”
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเตือน
ดังที่อธิบายไว้ในประสบการณ์วัยเด็กของข้าพเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านได้โดยเตือนท่านล่วงหน้าให้รู้อันตรายทางกายและทางวิญญาณ ข้าพเจ้าเรียนรู้บทบาทการเตือนครั้งสำคัญของพระวิญญาณบริสุทธิ์อีกครั้งขณะรับใช้ในฝ่ายประธานภาคที่ประเทศญี่ปุ่น
ช่วงนั้นข้าพเจ้าทำงานใกล้ชิดกับประธานรีด ทาเทโอกะ ประธานคณะเผยแผ่เซ็นดะอิ ญี่ปุ่น งานประจำคณะเผยแผ่ส่วนหนึ่งของประธานทาเทโอกะคือวางแผนการประชุมหัวหน้าผู้สอนศาสนาทางภาคใต้ของคณะเผยแผ่ ไม่กี่วันก่อนการประชุม ประธานทาเทโอกะมีความรู้สึกในใจว่าต้องเชิญผู้สอนศาสนา ทุกคน ของโซนมาการประชุมผู้นำ แทนที่จะเชิญหัวหน้าเอ็ลเดอร์และซิสเตอร์เพียงไม่กี่คน
เมื่อเขาประกาศเจตนารมณ์ มีคนเตือนเขาว่าการประชุมนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้สอนศาสนาทุกคนแต่มีไว้สำหรับหัวหน้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขายกเลิกแผนงานเพื่อทำตามการกระตุ้นเตือนที่ได้รับ เขาเชิญผู้สอนศาสนาทุกคนที่รับใช้ในเมืองชายฝั่งหลายเมือง รวมทั้งเมืองฟุกุชิมะมาร่วมการประชุม เมื่อถึงวันที่กำหนด คือ 11 มีนาคม ปี 2011 ผู้สอนศาสนามาร่วมการประชุมคณะเผยแผ่ในเมืองโคริยะมะซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่ง
ระหว่างการประชุม เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 และสึนามิในเขตญี่ปุ่นบริเวณแถบที่ตั้งของคณะเผยแผ่เซ็นดะอิ น่าเศร้าที่เมืองชายฝั่งหลายเมือง—รวมทั้งเมืองที่ผู้สอนศาสนาออกจากเมืองนั้นมาร่วมการประชุม—ประสบความเสียหายอย่างรุนแรง คร่าชีวิตคนจำนวนมาก และเมืองฟุกุชิมะประสบเหตุนิวเคลียร์ตามมาติดๆ
ถึงแม้อาคารประชุมที่ผู้สอนศาสนากำลังประชุมวันนั้นได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว แต่โดยทำตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ประธานกับซิสเตอร์ทาเทโอกะและผู้สอนศาสนาทุกคนปลอดภัย พวกเขาอยู่ห่างจากพื้นที่ประสบภัยสึนามิและฝุ่นรังสีนิวเคลียร์หลายไมล์
เมื่อท่านเอาใจใส่การกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์—ความรู้สึกที่มักจะสงบแผ่วเบา—ท่านจะพ้นจากอันตรายทางโลกและทางวิญญาณโดยไม่รู้ตัว
พี่น้องทั้งหลาย พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยท่านโดยเตือนท่าน เหมือนที่ทรงเตือนคุณพ่อข้าพเจ้าและประธานทาเทโอกะ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปลอบโยน
เพื่อตอบคำถามนี้ต่อไป “พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านอย่างไร” ตอนนี้เราจะสำรวจบทบาทของพระองค์ในฐานะพระผู้ปลอบโยน เหตุการณ์ไม่คาดคิดในชีวิตเราทุกคนก่อให้เกิดความเศร้าเสียใจ ความเจ็บปวด และความผิดหวัง ทว่าท่ามกลางการทดลองเหล่านี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรับใช้เราในบทบาทสำคัญบทบาทหนึ่ง—ในฐานะพระผู้ปลอบโยน ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นพระนามหนึ่งของพระองค์ พระดำรัสปลอบขวัญจากพระเยซูคริสต์บรรยายบทบาทอันศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว “เราจะทูลขอพระบิดาและพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่านเพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป”7
เพื่ออธิบายเพิ่มเติม ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องจริงของครอบครัวที่มีลูกชายห้าคนซึ่งย้ายจากลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกามาอยู่ชุมชนเล็กๆ เมื่อหลายปีก่อน ลูกชายคนโตกับคนรองเริ่มเล่นกีฬามัธยมปลายและคบหาสมาคมกับเพื่อนๆ หัวหน้า และโค้ช—หลายคนเป็นสมาชิกที่ซื่อสัตย์ของศาสนจักร ความสัมพันธ์เหล่านี้ช่วยให้เฟอร์นันโดพี่ชายคนโตกับน้องชายคนถัดมารับบัพติศมา
ต่อมาเฟอร์นันโดย้ายไปอยู่ไกลบ้านเพื่อศึกษาต่อและเล่นฟุตบอลมหาวิทยาลัย เขาแต่งงานกับเบย์ลีย์คู่รักสมัยมัธยมปลายในพระวิหาร เมื่อเฟอร์นันโดกับเบย์ลีย์เรียนจบ พวกเขารอคอยวันที่ลูกสาวคนแรกจะเกิดอย่างใจจดใจจ่อ แต่ระหว่างครอบครัวของพวกเขาช่วยเฟอร์นันโดกับเบย์ลีย์ย้ายกลับบ้าน เบย์ลีย์กับน้องสาวของเธอกำลังขับรถอยู่บนทางด่วนและประสบอุบัติเหตุน่าสลดใจที่เกี่ยวข้องกับรถหลายคัน เบย์ลีย์กับลูกน้อยในครรภ์เสียชีวิต
แม้เฟอร์นันโดกับพ่อแม่พี่น้องของเบย์ลีย์จะเจ็บปวดที่สุด แต่พวกเขาประสบสันติสุขและการปลอบโยนเกือบจะทันทีเช่นกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์ในบทบาทพระผู้ปลอบโยนทรงประคับประคองเฟอร์นันโดผ่านความทุกข์ที่ไม่อาจเข้าใจได้นี้ พระวิญญาณทรงส่งต่อสันติสุขอันยั่งยืนที่ทำให้เฟอร์นันโดมีเจตคติของการให้อภัยและรักทุกคนที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุอันน่าโศกสลดครั้งนั้น
พ่อแม่ของเบย์ลีย์โทรบอกน้องชายเธอที่กำลังรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาในเวลานั้น เขาบรรยายความรู้สึกไว้ในจดหมายเมื่อทราบข่าวพี่สาวที่เขารักดังนี้ “การได้ยินเสียงพ่อแม่ทำให้ใจผมสงบอย่างน่าประหลาดท่ามกลางความปั่นป่วน ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี … เท่าที่นึกออกคือพี่สาวจะไม่อยู่ที่นั่นเมื่อผมกลับบ้าน … ประจักษ์พยานที่มั่นคงของคุณพ่อคุณแม่ในพระผู้ช่วยให้รอดและแผนของพระองค์ปลอบโยนผม ความรู้สึกอ่อนโยนทางวิญญาณที่ทำให้ผมน้ำตารื้นขณะศึกษาและสอนทำให้ใจผมอิ่มเอิบเช่นกัน สิ่งเหล่านั้นปลอบโยนผมและเตือนให้ผมนึกถึงสิ่งที่ผมรู้”8
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยท่านโดยปลอบโยนท่าน เช่นเดียวกับที่ทรงปลอบโยนเฟอร์นันโดกับครอบครัวของเบย์ลีย์
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยาน
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานและกล่าวคำพยานถึงพระบิดา พระบุตร และความจริงทั้งมวล9 พระเจ้าตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “แต่เมื่อองค์ผู้ช่วยเสด็จมา ซึ่งเป็นผู้ที่เราจะใช้จากพระบิดามาหาพวกท่าน … พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา”10
เพื่ออธิบายบทบาทอันล้ำค่าของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในฐานะพยาน ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องเฟอร์นันโดกับเบย์ลีย์ต่อ ถ้าท่านจำได้ ข้าพเจ้าบอกว่าเฟอร์นันโดกับน้องชายคนรองรับบัพติศมา แต่พ่อแม่กับน้องชายอีกสามคนไม่รับ ถึงแม้จะชวนหลายครั้งตลอดหลายปีให้พบกับผู้สอนศาสนา แต่ครอบครัวปฏิเสธทุกครั้ง
ครอบครัวของเฟอร์นันโดทุกข์ใจกับการจากไปอันแสนเจ็บปวดของเบย์ลีย์และลูกสาว ต่างกับเฟอร์นันโดและต่างกับครอบครัวของเบย์ลีย์ พวกเขาไม่พบความอบอุ่นใจหรือสันติสุข พวกเขาไม่เข้าใจว่าลูกชายของพวกเขาเองกับครอบครัวของเบย์ลีย์แบกภาระหนักเช่นนั้นได้อย่างไร
ในที่สุด พวกเขาสรุปได้ว่าสิ่งที่ลูกชายมีและพวกเขาไม่มีคือพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ และสิ่งนี้ต้องเป็นที่มาแห่งสันติสุขและความอบอุ่นใจของเขาแน่นอน หลังจากรับรู้เช่นนี้ พวกเขาจึงเชิญผู้สอนศาสนามาสอนพระกิตติคุณ ส่งผลให้พวกเขาได้รับพยานและประจักษ์พยานของตนเองเกี่ยวกับแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุข ซึ่งทำให้พวกเขาเกิดสันติสุขและความอบอุ่นใจที่พวกเขากำลังแสวงหาอย่างจริงจัง
สองเดือนหลังจากสูญเสียเบย์ลีย์กับหลานสาวที่ยังอยู่ในครรภ์ พ่อแม่ของเฟอร์นันโดกับน้องชายสองคนของเขารับบัพติศมาและการยืนยันและรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ น้องชายคนสุดท้องของเฟอร์นันโดเฝ้ารอบัพติศมาของเขาเมื่ออายุครบแปดขวบ พวกเขาแต่ละคนเป็นพยานว่าพระวิญญาณ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพยานถึงความจริงของพระกิตติคุณ โดยนำพวกเขาให้ปรารถนาจะรับบัพติศมาและรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
พี่น้องทั้งหลาย พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยท่านโดยเป็นพยานต่อท่านดังที่ทรงเป็นพยานต่อครอบครัวของเฟอร์นันโด
บทสรุป
ตอนนี้เราจะสรุป เราพูดไปแล้วถึงความจริงสามประการที่ทำให้เรามีความรู้เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นสมาชิกองค์ที่สามในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีรูปกายเป็นวิญญาณ และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มาโดยการวางมือ เราพูดถึงคำตอบสามข้อของคำถามที่ว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านอย่างไร” พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเตือน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปลอบโยน และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยาน
ความมีค่าควรที่จะรักษาของประทานนั้น
สำหรับท่านที่กำลังเตรียมรับบัพติศมาและการยืนยัน ท่านที่เพิ่งได้รับ หรือแม้แต่ได้รับนานแล้ว การรักษาของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์สำคัญยิ่งต่อความปลอดภัยทางกายและทางวิญญาณของเรา เราเริ่มทำเช่นนั้นโดยพยายามรักษาพระบัญญัติ สวดอ้อนวอนเป็นส่วนตัวและกับครอบครัว อ่านพระคัมภีร์ และสร้างความสัมพันธ์อันเปี่ยมด้วยความรักและการให้อภัยกับครอบครัวและคนที่เรารัก เราควรรักษาความนึกคิด การกระทำ และคำพูดของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ เราควรนมัสการพระบิดาบนสวรรค์ในบ้าน ที่โบสถ์ และในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เมื่ออยู่ในวิสัยที่ทำได้ จงอยู่ใกล้ชิดกับพระวิญญาณ และพระวิญญาณจะทรงอยู่ใกล้ชิดกับท่าน
ประจักษ์พยาน
ข้าพเจ้าขอทิ้งท้ายด้วยคำเชื้อเชิญและประจักษ์พยาน ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านดำเนินชีวิตอย่างเพียบพร้อมมากขึ้นตามคำร้องในเพลงที่เด็กปฐมวัยร้องกันบ่อยๆ ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านจำได้ “ฟัง ฟัง พระวิญญาณบริสุทธิ์จะกระซิบ ฟัง ฟัง สุรเสียงสงบแผ่วเบา”11
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ทั้งสูงวัยและเยาว์วัย ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานถึงการดำรงอยู่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งประกอบเป็นพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์—พระผู้เป็นเจ้าพระบิดา พระเยซูคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานว่าเอกสิทธิ์อย่างหนึ่งซึ่งเราได้รับในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในความสมบูรณ์แห่งเวลาคือของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรง ช่วยท่านและจะ ทรงช่วยท่านจริง ข้าพเจ้าเพิ่มเติมพยานพิเศษถึงพระเยซูคริสต์และบทบาทของพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ และถึงพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ของเราเช่นกัน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน