ผมมีความเสน่หาเพศเดียวกัน—สมาชิกศาสนจักรจะยินดีต้อนรับผมกลับมาหรือเปล่า?
วันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 หลังจากต่อสู้กับโรคอัลไซเมอร์มานาน คนที่เป็นหุ้นส่วนชีวิตผมมา 25 ปีก็ตายจากไป เจย์ เอลเดรดจ์เป็นแพทย์โรคหัวใจที่มีชื่อเสียงระดับโลก เราทั้งคู่รับใช้งานเผยแผ่สำหรับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเมื่อเราอายุยังน้อยแต่จากนั้นเราก็เหินห่างจากศาสนจักรเพราะความเสน่หาเพศเดียวกัน
การสิ้นชีวิตของเจย์โดยไม่คาดคิดทำให้ผมเสียใจมาก ผมรู้สึกใจสลาย สิ้นหวัง และโดดเดี่ยว
ขณะขับรถกลับบ้านหลังจากจัดเตรียมงานศพ ผมรู้สึกถึงอิทธิพลของพระวิญญาณแรงกล้ามากจนผมต้องจอดรถเข้าข้างทาง ผมรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้ากำลังตรัสกับผม ทรงเรียกผมกลับมาหาพระองค์ แต่ผมขัดขืน “พระองค์ไม่เห็นหรือว่าข้าพระองค์กำลังทุกข์?” ผมพูดออกเสียง “ข้าพระองค์ไม่กล้ากลับไปโบสถ์ตอนนี้”
แต่ยิ่งผมขัดขืน พระวิญญาณยิ่งดึงดัน โดยทรงเชื้อเชิญให้ผมกลับมาโบสถ์
พวกเขาจะยอมรับผมหรือ?
ผมกังวลมากกับการกลับไปโบสถ์ ผมไม่ได้ไปการประชุมศีลระลึกมา 25 ปีแล้ว พวกเขาจะยอมรับผมหรือ? ผมจะยอมรับพวกเขาหรือ? อธิการจะพูดว่าอะไร? ผมรู้สึกวิตก ว้าวุ่นใจ และยังเศร้ามาก
แต่ประจักษ์พยานของผมในพระกิตติคุณไม่เคยสั่นคลอนในช่วงหลายปีนั้น เจย์กับผมรักศาสนจักรและหลักธรรมชี้นำของศาสนจักร—ซึ่งก็คือ จิตกุศล ความเมตตา และการให้อภัย ผมรู้ว่าพระคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของผมและศาสนจักรของพระองค์คือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ผมรู้เช่นนั้นตั้งแต่ผมเปลี่ยนใจเลื่อมใสและรับบัพติศมาตอนอายุ 14 ปี จนถึงเวลานี้ผมก็ไม่ปฏิเสธ
ในที่สุด หลังจากรวบรวมความกล้าได้แล้ว ผมโทรศัพท์หาวอร์ดลินวูดในนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกาเพื่อสอบถามว่าการประชุมศีลระลึกเริ่มกี่โมง
เมื่อใกล้ถึงวันอาทิตย์ ปฏิปักษ์วางอุปสรรคมากมายไว้ในเส้นทางของผมเพื่อไม่ให้ผมไปโบสถ์ได้ง่ายๆ ผมสำนึกคุณอย่างยิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงอยู่
ผมรู้สึกประหม่าขณะเดินเข้าไปในอาคาร แต่เพลงสวดเปิดในการประชุมศีลระลึกทำให้ผมมั่นใจว่าผมอยู่ที่บ้านอีกครั้ง เพลงสวด “สิทธิชนมา” (เพลงสวด บทเพลงที่ 17) ทำให้พระวิญญาณแรงกล้ามากจนผมน้ำตาไหลอาบแก้ม ผมรู้เดี๋ยวนั้นว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงนึกถึงผมและทรงทราบความรู้สึกเศร้าที่สุดของผม
เพลงสวดเพลงนั้นกลายเป็นเพลงสรรเสริญอย่างไม่เป็นทางการสำหรับศาสนจักร แต่เพลงนั้นกลายเป็นเพลงสรรเสริญประจำตัวผมเช่นกัน
“มา” เพลงสวดเชื้อเชิญผม “แม้การเดินทางลำบากแก่ท่านทั้งหลาย พระการุณจะอยู่ใกล้”
การเดินทางของผมลำบาก แต่พระการุณ อยู่ กับผมตามที่สัญญาไว้
อธิการดาร์เร็น เบิร์ดและคนอื่นในที่ประชุมต้อนรับผมดีมาก พวกเขายอมรับผมเป็นพี่น้องในพระคริสต์
การคืนดีกับพระผู้เป็นเจ้าผ่านพระคริสต์
คำว่า “สิทธิชนมา” มีความหมายต่อผมมากขึ้นเมื่อผมรู้สึกว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงนำทางผมให้รู้ว่าผมควรดำเนินต่อไปอย่างไร
เราจะพบแหล่งที่พระเป็นเจ้าเตรียมไว้
ไกลไปทางตะวันตก
ที่ไม่มีใครทำให้กลัวหรือทำร้าย
เราจะรับพรสุขศรี
ผมไปตะวันตกและซื้อบ้านหลังหนึ่งในเฟาน์เทนฮิลส์ แอริโซนา สหรัฐอเมริกา ผมพบอธิการเจอร์รีย์ โอลสันที่นั่น เมื่อผมขอพบกับเขาและจับมือทักทายกัน พระวิญญาณทำให้ผมรู้สึกว่าชายคนนี้จะช่วยนำผมกลับมาแข็งขันเต็มที่ในศาสนจักร
เมื่อผมเริ่มพูดคุยกับอธิการและเริ่มต้นคืนดีกับพระบิดาบนสวรรค์ ผมได้เห็นปาฏิหาริย์ทางวิญญาณมากมาย ผมเปิดใจกับอธิการซึ่งเขาปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง เขาพูดว่านั่นช่วยให้เขาเข้าใจดีขึ้นว่าผมอยู่จุดไหนมาก่อนและตอนนี้ผมอยู่จุดไหนในความสัมพันธ์ของผมกับพระผู้เป็นเจ้า เขาบอกผมด้วยความรักว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสปฏิบัติศาสนกิจกับคนที่มีความเสน่หาเพศเดียวกัน เขาขอให้ผมอดทนและให้อภัยถ้าเขาพูดหรือทำอะไรก็ตามที่ให้ผมขุ่นเคืองใจตลอดกระบวนการนั้น
ผมขอบคุณสำหรับความจริงใจของเขาและพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน เราเรียนรู้ด้วยกันครับ”
การเดินทางและมิตรภาพที่ยอดเยี่ยมจึงเริ่มด้วยเหตุนี้!
ไม่นานผมก็มีแผนดำเนินการเพื่อให้ผมได้เป็นสมาชิกอีกครั้ง ผมยอมรับคำแนะนำที่เต็มไปด้วยความรักและการสวดอ้อนวอนด้วยใจกตัญญูและเริ่มกระบวนการ
การปลอบประโลมในพระวิหาร
ต่อมา เมื่อผมทำตามคำแนะนำนั้นและพยายามเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้น ผมได้รับการฟื้นฟูพรฐานะปุโรหิตและพรพระวิหาร และยอมรับการเรียกให้รับใช้ในโควรัมเอ็ลเดอร์ ในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ ขณะผมติดต่อกับพระบิดาบนสวรรค์ พระองค์ทรงแสดงให้ผมเห็นว่าพระองค์ทรงรักลูกๆ ทุกคนของพระองค์มากเหลือเกิน ผมรู้สึกถึงการปลอบประโลมและปรารถนาจะทำให้พระองค์พอพระทัย
หลายเดือนต่อมา อธิการคนใหม่ได้รับเรียก ผมพัฒนาความรักฉันมิตรกับเขาเช่นกัน อธิการลาร์รีย์ แร็ดฟอร์ดรู้สภาวการณ์ของผมและชื่นชมการรับใช้ของผมในโควรัมเอ็ลเดอร์ เขาบอกว่าผมรับใช้ด้วยความรักและความทุ่มเทไม่ใช่เพื่อโควรัมเท่านั้นแต่—ที่สำคัญกว่านั้น—เพื่อพระผู้เป็นเจ้าด้วย คำพูดที่อ่อนโยนและกำลังใจของเขาช่วยให้ผมรู้สึกว่าพระเจ้าและเพื่อนวิสุทธิชนพอใจการรับใช้ของผม
เวลานี้ผมรับใช้อย่างซื่อสัตย์ในฐานะพนักงานวอร์ด
การเข้าใจว่าผมเป็นใคร
การมีความเสน่หาเพศเดียวกันและการเป็นสมาชิกที่แข็งขันของศาสนจักรไม่ง่ายเสมอไป แต่เมื่อผมวางศรัทธาและความไว้ใจทั้งหมดในพระผู้เป็นเจ้า ผมรู้สึกได้ว่าพระองค์ทรงทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น คนชอบวิจารณ์จะพูดแน่นอนว่าผมไม่ได้ทำตัวตามธรรมชาติของผมหรือผมทำให้ชุมชนแอลจีบีทีผิดหวัง
ผมเข้าใจความคับข้องใจของพวกเขา และผมไม่มีคำตอบทั้งหมดแน่นอน ผมสามารถพูดจากประสบการณ์ของผมเองเท่านั้น และประสบการณ์นั้นสอนผมว่า ผมเป็นบุตรของพระบิดาบนสวรรค์ ลูกของพระผู้เป็นเจ้า นั่นเป็นฉายาหนึ่งเดียวที่สำคัญต่อผม ด้วยเหตุนี้ผมจึงพยายามไม่ปล่อยให้ฉายาของโลกมานิยามผม ผมกลัวว่านั่นจะจำกัดศักยภาพและความก้าวหน้านิรันดร์ของผม
ซาตานฉลาดมาก เขารู้ว่าเขาสามารถใช้ฉายาต่างๆ แบ่งแยกชุมชนและศาสนจักรของเรา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ การเลือกที่ผมทำจึงไม่ขึ้นอยู่กับความเสน่หาเพศเดียวกันของผมแต่ขึ้นอยู่กับการเป็นสานุศิษย์ที่แท้จริงของพระคริสต์ ที่มี ความเสน่หาเพศเดียวกัน ดังนีไฟกล่าว:
“ข้าแต่พระเจ้า, ข้าพระองค์วางใจในพระองค์, และข้าพระองค์จะวางใจในพระองค์ตลอดกาล. ข้าพระองค์จะไม่มอบความไว้วางใจของข้าพระองค์ในแขนแห่งเนื้อหนัง …
“ … ข้าพระองค์รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะประทานให้ด้วยใจกรุณาแก่คนที่ทูลขอ แท้จริงแล้ว, พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์จะประทานให้ข้าพระองค์, หากข้าพระองค์ทูลขอไม่ผิด; ฉะนั้นข้าพระองค์จะเปล่งเสียงข้าพระองค์ถึงพระองค์; แท้จริงแล้ว, ข้าพระองค์จะร้องทูลพระองค์, พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์, ศิลาแห่งความชอบธรรมของข้าพระองค์. ดูเถิด, เสียงของข้าพระองค์จะขึ้นไปถึงพระองค์, ผู้ทรงเป็นศิลาของข้าพระองค์และพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นนิจของข้าพระองค์ตลอดกาล” (2 นีไฟ 4:34–35)
ความรักของเพื่อนวิสุทธิชน
ตลอดช่วงที่ผมกลับมา ผมรู้สึกถึงความรักความเห็นใจของผู้นำและเพื่อนวิสุทธิชนของผม รวมถึงสมาชิกแอลจีบีทีที่แข็งขันและแข็งขันน้อย ผมพบสถานที่ซึ่งผมจะเจริญก้าวหน้าได้ ผมพบคุณลักษณะของพระคริสต์ในบรรดาพวกเขาที่ผมมักจะคบหาด้วยศรัทธา ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ และเหนือสิ่งใด ความรัก
ขณะที่ผมต่อสู้มาตลอดทางพร้อมกับพระผู้ช่วยให้รอด ผมรู้สึกสงบสบายใจขณะหันมาหาพระองค์ โดยรู้ว่าผมไม่ได้เดินเส้นทางนั้นคนเดียว อธิการหลายคนอยู่เคียงข้างผมที่นั่น สมาชิกในโควรัมของผม พี่น้องสตรีในวอร์ด แม้แต่เยาวชนชายคนหนึ่งในวอร์ดก็ถามผมว่าผมจะวางมือแต่งตั้งเขาเป็นปุโรหิตได้ไหม คำเชื้อเชิญที่อ่อนโยนของเขาทำให้ผมตื้นตันใจมาก เขาเห็นผมเป็นคนหนึ่งที่ดำรงฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าและสามารถใช้ฐานะปุโรหิตนั้นในการรับใช้ผู้อื่น
โอกาสเหล่านี้ที่ได้รับใช้และนมัสการกับเพื่อนวิสุทธิชนหนุนใจผมและ—พร้อมด้วยพรมากมายที่ผมได้รับจากพระเจ้า—ช่วยให้ผมประสบความรัก ความเข้าใจ และการยอมรับที่ผมต้องการ
พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว เราจะมาหาท่าน” (ยอห์น 14:18) ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นความจริง ผมต้องการให้ปลอบใจ และพระองค์ทรงมาหาผม มากกว่าที่ผมคาดไว้