2020
สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับอนาคตที่ดิฉัน สามารถ ควบคุมได้
กรกฎาคม 2020


คนหนุ่มสาว

สิ่งหนึ่ง เกี่ยวกับอนาคตที่ดิฉัน สามารถ ควบคุมได้

illustration of woman with eyes closed

ภาพประกอบจาก Getty Images

เสียงเล็กๆ ในหัวทำให้ดิฉันไม่อาจเมินเฉย ตอนนี้ดิฉันอายุ 28 ปี ยังโสดและไม่รู้เลยว่าตนเองอยากทำอะไรเป็นอาชีพทั้งที่มีงานดีอยู่แล้วในฐานะพยาบาลผดุงครรภ์ ดิฉันรู้สึกเหมือนชีวิตไม่ราบรื่นสักด้าน ดิฉันกำลังสงสัยทางเลือกต่างๆ ในชีวิตและไม่ทราบจะเดินทางใด ดิฉันแค่รู้สึกสิ้นหวัง

วันหนึ่งเมื่อกำลังรู้สึกท้อเป็นพิเศษ เพื่อนคนหนึ่งที่ดิฉันไม่ได้คุยกันมาพักหนึ่งแล้วโทรศัพท์มา เมื่อเขาถามว่าดิฉันเป็นอย่างไรบ้าง ดิฉันอธิบายความรู้สึกทั้งหมดเหล่านั้นที่ดิฉันต่อสู้มาตลอด เขาฟังแล้วพูดว่า “โอเค แต่คุณเป็นอย่างไรบ้างทางวิญญาณ?”

“อ้อ ค่ะ สมบูรณ์แบบค่ะ” ดิฉันตอบโดยอัตโนมัติ “ฉันไม่เคยรู้สึกใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากเท่านี้ในชีวิต”

เขาตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น”

ความเชื่อมั่นในแผนที่สมบูรณ์แบบของพระผู้เป็นเจ้า

ตั้งแต่สนทนาคราวนั้น ดิฉันตระหนักสองเรื่อง หนึ่ง ดิฉันตระหนักว่าดิฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งที่มีประจักษ์พยานเข้มแข็งถึงพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูและสามารถดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติและรู้สึกเชื่อมโยงกับสวรรค์

การพึ่งพาตนเองทางวิญญาณสำคัญต่อดิฉันมาก และดิฉันยังคงเรียนรู้วิธีเปิดฟ้าสวรรค์ในชีวิตดิฉัน การสวดอ้อนวอนและการศึกษาพระคัมภีร์ทุกเช้าเป็นสิ่งเรียบง่ายที่ดิฉันรู้สึกว่าส่งผลกระทบใหญ่หลวงที่สุดต่อความสามารถที่จะรับการเปิดเผยส่วนตัว ดิฉันรู้สึกเชื่อมโยงกับสวรรค์มากขึ้นเมื่อดิฉันพยายามเป็นคนจิตใจดี ใช้ชีวิตให้ดีเพื่อพระวิญญาณจะทรงสามารถเป็นเพื่อนดิฉันได้ตลอดเวลา เชื่อฟังพระบัญญัติ และกลับใจอย่างจริงจัง

สอง ดิฉันตระหนักว่าคำตอบที่ให้กับเพื่อนไม่ถูกต้องทั้งหมด—ดิฉันคิดว่าดิฉัน “สมบูรณ์แบบ” ทางวิญญาณ แต่ที่จริงดิฉันต้องมีศรัทธามากกว่านี้ เลิกกังวลเกินเหตุ และวางใจให้พระผู้เป็นเจ้าดูแลสิ่งที่ดิฉันไม่สามารถควบคุมได้

แม้ว่าชีวิตบางด้านของดิฉันไม่ราบรื่นเท่าที่ต้องการ ดิฉันก็รู้ว่าสิ่งสำคัญคือต้องลงมือทำด้วยศรัทธาและแสดงให้พระผู้เป็นเจ้าเห็นว่าดิฉันใช้สิทธิ์เสรีทำการเลือกที่ดี ดิฉันได้เรียนรู้ว่าเมื่อชีวิตไม่ราบรื่นตามที่หวัง นั่นก็เพื่อดิฉันจะได้เรียนรู้และเติบโตในด้านที่ดิฉันจะไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีอื่น

ดิฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าในปีที่อายุ 29 ดิฉันจะมีความสงสัยเกี่ยวกับอาชีพและชีวิตช่วงต่อไปของตนเอง แม้จะมีความรู้ทั้งหมดนี้แต่ดิฉันยังมีความเชื่อมั่นโดยสมบูรณ์ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีแผนที่สมบูรณ์แบบสำหรับดิฉัน พระองค์ทรงทราบแน่นอนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและดิฉันต้องการอะไร และพระองค์จะทรงดูแลดิฉันเสมอ (ดู มัทธิว 6:28–34) ดังที่เอ็ลเดอร์แอล. ทอดด์ บัดจ์แห่งสาวกเจ็ดสิบสอน “เป็นเรื่องยากจะเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายครั้งในชีวิตเราต้องต้านกระแสลมแรงและท้องทะเลปั่นป่วน เรารู้สึกได้ถึงการปลอบโยนเมื่อรู้ว่าในพระคุณความดีอันหาที่สุดมิได้ของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ยังทรงพัดเราจนถึงบ้านเสมอ” (ดู “ความวางใจอันคงที่และคงทน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2019, 48)

วางใจมากขึ้น กังวลน้อยลง

บางวันรู้สึกว่าชีวิตยากมาก แต่เมื่อดิฉันพิจารณาจริงๆ ดิฉันรู้ว่าดิฉันไม่ต้องกังวล ดิฉันเริ่มตระหนักทีละนิดว่าดิฉันต้องวางใจพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นอีกนิดและกังวลน้อยลงเกี่ยวกับสิ่งที่ดิฉันไม่สามารถควบคุมได้ สิ่งหนึ่งที่ดิฉัน สามารถ ควบคุมได้เกี่ยวกับอนาคตคือการวางใจพระผู้เป็นเจ้าและทำให้ตนเองใกล้ชิดพระองค์มากขึ้นทุกวัน

เมื่อดิฉันรู้สึกสิ้นหวังมักจะมีแสงสว่างมากพอให้ดิฉันก้าวเข้าไปในแดนลึกลับและเดินไปข้างหน้าเสมอ ตราบใดที่ดิฉันใช้ศรัทธาและรักษาพันธสัญญา ตราบใดที่ดิฉันจดจำอัตลักษณ์แท้จริงของตนในฐานะธิดาของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ และพยายามแล้วพยายามอีก สิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นเมื่อควรจะเกิดและในวิธีที่ควรจะเกิด และนั่นคือทั้งหมดที่สำคัญจริงๆ