2021
ใจดิฉันเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อพี่ชายออกจากศาสนจักร
เมษายน 2021


ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว

ใจดิฉันเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อพี่ชายออกจากศาสนจักร

ไม่ว่าพี่ชายเลือกอะไร การรักเขาช่วยดิฉันเชื่อมสัมพันธ์กับเขาอีกครั้งเมื่อเขาออกจากศาสนจักร

ผู้หญิงหน้าตายิ้มแย้มกำลังกอดผู้ชาย

ขณะเติบใหญ่ ดิฉันเชื่อในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์สุดหัวใจ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม ดิฉันต้องการและคาดหวังให้ครอบครัวดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมเช่นกัน ความรู้เรื่องพระกิตติคุณทำให้ดิฉันมีปีติมากกว่าสิ่งอื่นใดในชีวิต โดยเฉพาะการรู้ว่าดิฉันสามารถอยู่กับครอบครัวชั่วนิรันดร์ได้

คุณคงนึกภาพออกว่าดิฉันสับสนและเจ็บปวดเพียงใดเมื่อพี่ชายเหินห่างจากพระกิตติคุณ จากครอบครัวและดิฉันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาออกจากศาสนจักรไปในที่สุด

ดิฉันรู้สึกเหมือนโลกแตกสลายไปพักหนึ่ง ดิฉันมีคำถามมากมาย เช่น

เขาออกไปได้อย่างไร?

เขาจะไม่ต้องการพรทั้งหมดที่มาจากการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณได้อย่างไร?

เขาไม่อยากอยู่กับครอบครัวตลอดไปหรือ?

ตอนแรกดิฉันโกรธพี่ชาย เมื่อดิฉันได้ยินเพื่อนๆ พูดว่าพี่ชายของพวกเขาหวงพวกเขามากและครอบครัวพวกเขาสนิทกันมาก ดิฉันจะรู้สึกเสียใจที่ดิฉันกับพี่ชายไม่ได้คุยกันนานแล้ว ความฝันของการอยู่กันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวในสวรรค์ดูเหมือนจะหลุดลอยไป

ดิฉันมักจะมองดูครอบครัวที่โบสถ์ที่ดูเหมือน “สมบูรณ์แบบ” และรู้สึกเหมือนครอบครัวตัวเองกำลังทำผิดบางอย่าง ถ้าเราชอบธรรมพอ พี่ชายจะไม่กลับมาโบสถ์หรือ? แต่ไม่ว่าเราทำอะไร พี่ชายก็ยังไม่กลับมา

ดิฉันสวดอ้อนวอนพระบิดาบนสวรรค์เกี่ยวกับพี่ชายเสมอ ดิฉันรู้สึกโกรธและเจ็บปวดเหลือเกิน ดิฉันจะถามทำนองนี้ “ทำไมเกิดเรื่องนี้?” “พระองค์จะทรงช่วยให้เขารู้ความจริงไม่ได้หรือ?” “ได้โปรดเปลี่ยนอะไรสักหน่อยเถิด!”

ดิฉันสวดอ้อนวอนแบบนี้อยู่พักหนึ่ง และไม่มีอะไรเปลี่ยน ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพระผู้เป็นเจ้าไม่ทำอะไรบ้าง แต่แล้ววันหนึ่งดิฉันก็เข้าใจขึ้นมาฉับพลัน ดิฉันตระหนักว่ามีบางอย่างที่ดิฉันทำได้

ดิฉันรักได้

ความรักของพระผู้เป็นเจ้าเปลี่ยนใจเราได้

เอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า

“เมื่อท่านปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะเป็นพรและยกผู้ที่อยู่รอบข้างท่านขึ้น—เมื่อนั้นอำนาจแห่งความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์จะทำงานในจิตใจและชีวิตท่าน

“เมื่อท่านเชี่ยวชาญใน [ภาษาแห่งความรักของพระคริสต์] และใช้ในปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น พวกเขาจะจำบางสิ่งในตัวท่านที่อาจจะปลุกความรู้สึกที่ซ่อนไว้เป็นเวลานานในพวกเขาเพื่อค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องบนการเดินทางกลับไปสู่บ้านบนสวรรค์ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ภาษาแห่งความรักเป็นภาษาดั้งเดิมที่แท้จริงของพวกเขา”1

หลายสิ่งเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อดิฉันแสดงความรักต่อพี่ชายแทนที่จะพยายามเปลี่ยนเขา ดิฉันเริ่มสวดอ้อนวอนให้เขาด้วยความรักไม่ใช่ความโกรธ ดิฉันเห็นได้ว่าใจเขาเริ่มอ่อน—ไม่ใช่ต่อพระกิตติคุณ แต่ต่อดิฉันกับครอบครัว ดิฉันตระหนักว่าใจดิฉันต้องอ่อนต่อเขาด้วย (ดู โมไซยาห์ 5:7) ดิฉันเริ่มเห็นความดีของเขาอีกครั้ง เริ่มยอมรับและเคารพการตัดสินใจของเขาแม้จะต่างจากดิฉันก็ตาม ดิฉันรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นในใจและความคิดดิฉันเกิดขึ้นได้ผ่านเดชานุภาพการเยียวยาของพระเยซูคริสต์เท่านั้น

พระบิดาบนสวรรค์ทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของเราสำหรับผู้อื่นจริงๆ แม้ไม่ทรงตอบในแบบที่เราคาดหวังเสมอไปก็ตาม แต่เฉกเช่นพระบิดาบนสวรรค์ทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของแอลมาผู้บิดาสำหรับบุตรชายของเขา พระองค์ทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของเราสำหรับคนที่เรารักเช่นกัน (ดู โมไซยาห์ 27:14) และถึงแม้เราอาจจะต้องมีความอดทนและความหวังเยอะมาก แต่คำสวดอ้อนวอนและศรัทธาที่เรามีให้ผู้อื่นไม่ขาดสายมีอิทธิพลต่อพวกเขา—และเรามากจริงๆ มากเกินกว่าที่เรารู้

เคารพการเดินทางของกันและกัน

พี่ชายไม่ได้กลับมาโบสถ์ และดิฉันคิดว่าเขาไม่มีแผนจะกลับมาเร็วๆ นี้ แต่ดิฉันได้เรียนรู้ว่าเขามีสิทธิ์เสรีของตนและถึงแม้เขาจะเลือกต่างจากดิฉัน แต่ดิฉันสามารถรักและเคารพเขาได้ เรามีความสัมพันธ์ดีกว่าที่เคยมีในหลายปีที่ผ่านมาเพราะความรักที่เราแสดงต่อกัน ดิฉันไม่เห็นด้วยเสมอไปกับการเลือกหรือความเห็นของเขา แต่การทำสุดความสามารถเพื่อเข้าใจเขาดีขึ้นทำให้ดิฉันได้เห็นว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักและรู้จักลูกๆ แต่ละคนของพระองค์มากเพียงใด

สิ่งสำคัญที่จะทำให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันและเข้าอกเข้าใจกันไม่ใช่การตำหนิการเลือกของกันและกัน แต่คือความรัก—ความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์ ดิฉันไม่สามารถบังคับพี่ชายให้กลับมาหาพระกิตติคุณ แต่ดิฉันสามารถรักเขาและช่วยให้เขารู้ว่าเรายินดีต้อนรับเขาเสมอ

ดิฉันยังคงสวดอ้อนวอนและอดอาหารให้พี่ชาย แต่ตระหนักด้วยว่าการเลือกเป็นของเขา การเดินทางกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์เป็นการเดินทางเฉพาะตัวระหว่างเราแต่ละคนกับพระองค์ แต่เราสามารถหันไปขอความช่วยเหลือจากพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดขณะประคับประคองกันระหว่างการเดินทางของเราแต่ละคนและรักกันเหมือนเดิม

ดิฉันไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนิรันดร์ของดิฉัน และบางครั้งดิฉันรู้สึกใจสลายนิดหน่อยเมื่อคิดเรื่องนี้ แต่ดิฉันได้รับการปลอบโยนในคำพูดของประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุด:

“วางใจในพระเจ้า …

“[นี่] ใช้ได้กับคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับการผนึกในชีวิตหน้าหรือสิ่งที่ต้องการปรับปรุงแก้ไขเนื่องด้วยเหตุการณ์หรือการล่วงละเมิดในชีวิตมรรตัย มีหลายอย่างเหลือเกินที่เราไม่รู้จนสิ่งเดียวที่เราพึ่งพาได้แน่นอนคือการวางใจในพระเจ้าและความรักที่ทรงมีต่อบุตรธิดาของพระองค์”2

และนั่นคือสิ่งที่ดิฉันเลือกทำ—วางใจในพระเจ้าและแบ่งปันความรักของพระองค์—ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

อ้างอิง

  1. ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “การเดินทางอันยอดเยี่ยมของท่านกลับบ้าน,” เลียโฮนา, พ.ค. 2013, 129.

  2. ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “จงวางใจในพระเจ้า”   เลียโฮนา, พ.ย. 2019, 28–29.