2021
การแสวงหาความบริบูรณ์ของพระคริสต์
เมษายน 2021


การแสวงหาความบริบูรณ์ของพระคริสต์

จากคำปราศรัยการให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับคนหนุ่มสาวหลายภูมิภาคเรื่อง “โตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์” ในสแตนฟอร์ด แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020

เทศกาลอีสเตอร์ปีนี้ ขอให้ท่านทำสิ่งจำเป็นเพื่อไปหาพระเยซูคริสต์และแสวงหาสุรเสียงที่รับรองสันติสุขของพระองค์

Jesus with arms outstretched

อย่ากลัวเลย โดย ไมเคิล มาล์ม

ข้าพเจ้าขอเสนอความคิดสองสามประการเกี่ยวกับการค้นหาส่วนตัวที่แต่ละท่านจะทำในการเสาะหาขนาด “ความบริบูรณ์” ของพระคริสต์ (ดู เอเฟซัส 4:13) ข้าพเจ้าหวังว่าความคิดเหล่านี้จะมีค่าต่อท่านบ้างในชีวิตท่านและในสภาวการณ์ซึ่งท่านอยู่

บางท่านอยู่ในที่ซึ่งท่านต้องการอยู่ หรืออย่างน้อยก็รู้ว่าท่านต้องการให้ชีวิตท่านไปที่ใด บางท่านเหมือนจะมีพรมากมายและมีการเลือกที่ดีมากอยู่ข้างหน้า อีกหลายท่านรู้สึกบางครั้งและด้วยเหตุผลบางอย่างว่าโชคดีน้อยกว่าและมีเส้นทางดึงดูดใจอยู่ข้างหน้าน้อยกว่า

แต่ไม่ว่าท่านไปที่ใดและไม่ว่าท่านฟันฝ่าความท้าทายเพื่อไปให้ถึงที่นั่นอย่างไร ข้าพเจ้าขอให้ท่านมาหาพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ อันเป็นก้าวสำคัญมากก้าวแรกในการไปให้ถึงจุดหมายส่วนตัวของท่าน ในการค้นหาความสุขและความเข้มแข็งของตัวท่าน และในการบรรลุจุดหมายและความสำเร็จสูงสุดของท่าน (ดู 1 นีไฟ 10:18; 2 นีไฟ 26:33; ออมไน 1:26; หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:11)

ทั้งหมดนั้นจะเป็นของท่านถ้าคำตอบของคำถาม “เจ้าไปไหนหรือ?” (โมเสส 4:15) คือ “ไม่ว่าพระองค์อยู่ที่ใด ข้าพระองค์จะไปที่นั่น พระเจ้าข้า”

ชีวิตเป็นเรื่องท้าทาย เรามีความเจ็บปวด ความเสียใจ และปัญหาจริงๆ ที่ต้องผ่านพ้นไปให้ได้ เรามีความผิดหวังและความโศกเศร้า ความสุขและความทุกข์ทุกรูปแบบ แต่พระะเจ้าและศาสดาพยากรณ์พูดให้กำลังใจมากพอเกี่ยวกับวิธีเผชิญปัญหาเหล่านั้นที่บันทึกเท่าใดก็ไม่หมด

“เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน”

คำอวยพรของพระผู้ช่วยให้รอดที่ประทานแก่เหล่าสาวกของพระองค์เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พระองค์จะทรงประสบความเจ็บปวดรวดร้าวของเกทเสมนีและคัลวารีเป็นคำพูดสะเทือนอารมณ์ที่สุด คืนนั้น คืนของความทุกขเวทนาใหญ่หลวงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในโลกหรือจะเกิดขึ้น พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่าน … อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย” (ยอห์น 14:27)

มุมมองของชีวิตเช่นนี้ช่างน่าทึ่งเหลือเกินในยามปวดร้าวที่สุด! พระองค์ตรัสเช่นนั้นได้อย่างไรขณะทรงเผชิญสิ่งที่ทรงทราบว่ากำลังเผชิญอยู่? พระองค์ตรัสเช่นนั้นได้เพราะศาสนจักรและพระกิตติคุณของตอนจบที่มีความสุขเป็นของพระองค์! สำหรับเรา ชัยชนะนั้นได้มาแล้ว พระองค์มีสายพระเนตรยาวไกล พระองค์เข้าพระทัยเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเราบางคนยังคงมีคำสอนตกทอดจากกลุ่มพิวริตันหลงเหลืออยู่ที่บอกว่าไม่ถูกต้องด้วยประการทั้งปวงที่จะรับการปลอบโยนและความช่วยเหลือ ที่บอกว่าเราควรทนทุกข์กับบางสิ่งบางอย่างตลอดเวลา ข้าพเจ้ายอมรับว่าการ “มีใจ [รื่นเริง]” (ยอห์น 16:33) ขณะแสวงหาให้ “เต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์” (เอเฟซัส 4:13) อาจเป็นพระบัญญัติที่แม้แต่ในใจวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ซื่อสัตย์ก็แทบไม่เชื่อฟัง และแน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดทำให้พระเจ้าผู้มีพระทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตาทุกข์ใจมากเท่าการไม่มีใจรื่นเริง

ถึงแม้ข้าพเจ้าจะกังวลมากถ้าบางช่วงบางตอนในชีวิตของลูกคนหนึ่งของข้าพเจ้าลำบากแสนสาหัส หรือไม่มีความสุข หรือไม่เชื่อฟัง แต่ข้าพเจ้าจะเสียใจมากกว่านั้นแน่นอนถ้ารู้สึกว่าในเวลาเช่นนั้นลูกไม่วางใจให้ข้าพเจ้าช่วยหรือคิดว่าความสนใจของเขาไม่สำคัญต่อข้าพเจ้าหรือไม่ปลอดภัยในความดูแลของข้าพเจ้า

ในความคิดเดียวกันนั้นข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าไม่มีใครในพวกเรารู้ได้ว่าพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาหรือพระบุตรของพระองค์พระผู้ช่วยให้รอดของโลกเป็นแผลลึกเพียงใดเมื่อพระองค์ทรงพบว่าผู้คนไม่รู้สึกเชื่อมั่นในการดูแลของพระองค์หรือไม่มั่นใจในพระหัตถ์ของพระองค์หรือไม่วางใจในพระบัญญัติของพระองค์ เพื่อนทั้งหลาย เพราะเหตุผลนั้นเหตุผลเดียว เราจึงมีหน้าที่รื่นเริง!

“พระคุณ [ของพระองค์] ก็เพียงพอ”

อีกคำแนะนำหนึ่งเกี่ยวกับการแสวงหาพระคริสต์และขนาดความบริบูรณ์ของพระองค์เกิดขึ้นหลังจากพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ของการเลี้ยงอาหารคน 5,000 คนจากขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว (ดู มัทธิว 14:13–21) (แต่อย่ากังวลว่าพระคริสต์จะไม่เหลือปาฏิหาริย์ไว้ช่วยท่าน) “พระคุณของพระองค์ก็เพียงพอ” [2 โครินธ์ 12:9] นั่นเป็นบทเรียนนิรันดร์ทางวิญญาณของปาฏิหาริย์นี้ พระองค์ทรงมีพรมากมายให้ทุกคนและเหลือเต็มๆ อีกหลายตะกร้า! จงเชื่อและพอใจกับข้อเสนอของพระองค์เรื่อง “อาหารแห่งชีวิต”! [ยอห์น 6:35)

หลังจากพระเยซูทรงเลี้ยงฝูงชน พระองค์ทรงให้พวกเขาแยกย้ายกันไปและทรงบอกให้เหล่าสาวกลงเรือหาปลาข้ามไปอีกฝั่งของทะเลกาลิลี จากนั้นพระองค์ “เสด็จขึ้นไปบนภูเขาตามลำพังเพื่ออธิษฐาน” (มัทธิว 14:23)

ตอนที่เหล่าสาวกเริ่มออกเรือก็ดึกมากแล้ว และคืนนั้นมีพายุ ลมคงแรงมากตั้งแต่ต้น เพราะลม สาวกเหล่านี้จึงไม่ได้กางใบเรือแต่ใช้ไม้กรรเชียงอย่างเดียว—และคงจะตีกรรเชียงอยู่อย่างนั้น

เรารู้เพราะ “เมื่อเวลาใกล้รุ่งเช้า [ยามที่สี่]” (มัทธิว 14:25)—ราวๆ ตีสามถึงหกโมงเช้า—พวกเขาเพิ่งไปได้ไม่กี่กิโลเมตร (ดู ยอห์น 6:19) ตอนนั้นเรือติดอยู่ในพายุที่รุนแรงมาก

แต่พระคริสต์ทรงคอยดูแลพวกเขาเช่นเคย เมื่อเห็นพวกเขาเดือดร้อน พระผู้ช่วยให้รอดทรงดำเนินก้าวยาวๆ ข้ามคลื่นไปที่เรือทันทีเพื่อช่วยเหลือพวกเขา

Jesus Christ helping Peter up out of the stormy seas

พระผู้ทรงประสิทธิ์ศรัทธา โดย เจ อลัน บาร์เรตต์

“อย่ากลัวเลย”

ในชั่วขณะของความกลัวสุดขีด เหล่าสาวกมองเห็นร่างๆ หนึ่งในชุดเสื้อคลุมยาวพลิ้วไหวในความมืดเดินตรงมาหาพวกเขาบนสันคลื่น พวกเขาร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวเมื่อมองเห็น พลางคิดว่านั่นคือภูตผีที่เดินบนคลื่น ตอนนั้น—เมื่อทะเลดูเหมือนกว้างใหญ่ไพศาลและเรือของพวกเขาลำเล็กมาก—มีสุรเสียงแห่งสันติสุขจากพระอาจารย์ฝ่าพายุและความมืดมารับรองกับพวกเขาในที่สุด “นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” (มัทธิว 14:27)

เรื่องราวพระคัมภีร์เตือนใจเราว่าในการมาหาพระคริสต์ แสวงหาความบริบูรณ์ของพระองค์ หรือในการเสด็จมาหาเราเพื่อนำความบริบูรณ์นั้นมาให้เรา ก้าวแรกอาจทำให้เราเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เหมือนความหวาดกลัวมาก ไม่ควรเป็นเช่นนั้น แต่บางครั้งเป็น ความย้อนแย้งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของพระกิตติคุณคือในวิสัยทัศน์อันน้อยนิดของมนุษย์ เรามักจะหนีจากแหล่งความช่วยเหลือและความปลอดภัยที่มอบให้เรา

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ข้าพเจ้าเคยเห็นผู้สนใจหนีการบัพติศมา เคยเห็นเอ็ลเดอร์หนีการเรียกเป็นผู้สอนศาสนา เคยเห็นคู่รักหนีการแต่งงาน เคยเห็นสมาชิกหนีการเรียกที่ท้าทาย และเคยเห็นผู้คนหนีการเป็นสมาชิกของศาสนจักร

บ่อยเหลือเกินที่เราหนีสิ่งที่จะช่วยให้เรารอดและปลอบประโลมเรา บ่อยเหลือเกินที่เราเห็นคำมั่นสัญญาในพระกิตติคุณเป็นอะไรที่น่ากลัวแล้วผละไป

เอ็ลเดอร์เจมส์ อี. ทัลเมจ (1862–1933) กล่าวว่า “ในชีวิตผู้ใหญ่ทุกคนจะมีประสบการณ์คล้ายๆ การต่อสู้ของนักเดินทางที่ถูกกระหน่ำด้วยลมพายุที่พัดสวนมาและทะเลอันบ้าคลั่ง บ่อยครั้งค่ำคืนของความลำบากและอันตรายล่วงมานานมากแล้วกว่าผู้ช่วยชีวิตจะปรากฏตัว และบ่อยเหลือเกินที่เข้าใจผิดคิดว่าความช่วยเหลือตอนนั้นมีความน่ากลัวมากกว่า [แต่] สุรเสียงของพระผู้ปลดปล่อยมาถึง [สาวกเหล่านี้] ท่ามกลางผืนน้ำอันบ้าคลั่งฉันใด ย่อมมาถึงทุกคนที่ตรากตรำในศรัทธาฉันนั้น— ‘นี่เราเอง อย่ากลัวเลย’”1

มาหาพระองค์

เรื่องดีมากๆ เกี่ยวกับคำเชิญชวนครั้งนี้ให้รับพระผู้ช่วยให้รอด มาหาพระองค์ และดำเนินตามขนาดความบริบูรณ์ของพระองค์ คือใครๆ ก็ทำได้ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ท่านรู้จักต้องการรักษาพระบัญญัติ หรือทุกคนที่ท่านพบโดยบังเอิญจะรักษาพระบัญญัติ แต่หมายความว่าการรักษาพระบัญญัติอยู่ในวิสัยที่ทำได้โดยไม่ต้องมีของประทานหรือมรดกพิเศษใดๆ

ข้าพเจ้าวิงวอนขอให้ศรัทธาของเรา “ส่องแสง เจิดจ้า บริสุทธิ์ และทนทาน” ขอให้เรา “นำ [พระคริสต์] เข้ามาในวัฒนธรรมทุกตารางนิ้ว [ของเรา]”2 และขอให้ขนาดของพระคริสต์โตเต็มที่ในชีวิตเรา (ดู เอเฟซัส 4:13)

ชีวิตจะท้าทายท่าน ความยุ่งยากจะเกิดขึ้น หัวใจจะแหลกสลาย คนที่รักจะตายจาก ฉะนั้นไม่ว่าท่านจะไปที่ใด จงทำสิ่งจำเป็นเพื่อไปหาพระคริสต์ก่อน จำไว้ว่าความทุกขเวทนาและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ทำให้เรามีชัยชนะเหนือความยากลำบากและความตาย จงทำพันธสัญญาของท่านกับพระองค์และรักษาพันธสัญญาเหล่านั้นขณะเดินทาง

ในความอ่อนแอทั้งหมดของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้ายอมรับอย่างไม่ลังเล ข้าพเจ้าปรารถนาให้เราบรรลุ “ถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์” ข้าพเจ้าต้องการมาหาพระองค์ ข้าพเจ้าต้องการให้พระองค์มาหาข้าพเจ้าหากเป็นไปได้ และข้าพเจ้าต้องการให้ทุกท่านได้พรนั้น

อ้างอิง

  1. James E. Talmage, Jesus the Christ (1916), 337.

  2. Eric Metaxas, Bonhoeffer: Pastor, Martyr, Prophet, Spy (2010), 248.