2021
หลักคำสอนอันรุ่งโรจน์
ตุลาคม 2021


สตรียุคแรกของการฟื้นฟู

หลักคำสอนอันรุ่งโรจน์

ขอให้เราทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกับที่วิเลต คิมบัลล์รู้สึกเมื่อเธอทราบว่าเธอสามารถบัพติศมาให้บรรพชนของเธอ

woman writing a letter by candlelight

ภาพประกอบโดย โทนี โอคา

เมื่อเดือนตุลาคมปี 1840 วิเลต คิมบัลล์อายุ 34 ปีเขียนจดหมายถึงสามีของเธอ เอ็ลเดอร์ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง วิเลตเขียนถึงฮีเบอร์ ซึ่งกำลังรับใช้งานเผยแผ่ครั้งที่สองอยู่ในสหราชอาณาจักรว่า “ประธาน [โจเซฟ] สมิธเปิดเรื่องใหม่ที่น่ายินดี … ซึ่งก่อให้เกิดความตื่นเต้นขึ้นมาใหม่ในศาสนจักร” เรื่องของคำสอนของโจเซฟ สมิธในโอกาสนี้คือการบัพติศมาให้ผู้ที่ไม่มีโอกาสได้รับขณะยังมีชีวิต

“โจเซฟได้รับคำอธิบายครบถ้วนมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยการเปิดเผย” เธอระบุ “เป็นสิทธิพิเศษสำหรับศาสนจักรนี้ที่จะบัพติศมาแทนญาติพี่น้องของพวกเขาผู้ล่วงลับไปก่อนที่พระกิตติคุณนี้จะออกมา” วิเลตเฉลิมฉลองการเปิดเผยในการทำบัพติศมาแทนสมาชิกครอบครัวที่สิ้นชีวิตแล้ว “เราจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนพวกเขา และให้สิทธิพิเศษแก่พวกเขาในการออกมาในการฟื้นคืนชีวิตแรก”

ครอบครัวคิมบัลล์ย้ายจากนิวยอร์กมาอยู่กับวิสุทธิชนในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ แล้วจึงย้ายไปที่ฟาร์เวสท์ มิสซูรี แค่หนึ่งปีต่อมาในปี 1839 พวกเขาก็ต้องหนีจากมิสซูรีร่วมกับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายหลายพันคนเพื่อหลบหนีจากเงื้อมมือของกลุ่มคนร้ายที่ใช้กำลัง พวกเขาสร้างบ้านที่นอวู ซึ่งเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์จากจุดเริ่มต้นการเดินทางของพวกเขา

ถึงแม้ว่าการมาถึงนอวูจะเกิดขึ้นภายใต้สภาวการณ์ที่ยากลำบาก แต่จดหมายฉบับเดือนตุลาคม ปี 1840 ของวิเลตถึงสามีของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ฉันต้องการรับบัพติศมาแทนคุณแม่ของฉัน” เธอกล่าว “ฉันกะว่าจะรอจนกว่าคุณกลับบ้าน แต่ครั้งล่าสุดที่โจเซฟพูดเรื่องนี้ ท่านแนะนำให้ทุกคนลุกขึ้นไปทำ และปลดปล่อยเพื่อนๆ ของพวกเขาจากพันธนาการให้เร็วที่สุด … คุณคงเห็นแล้วว่ามีโอกาสสำหรับทุกคน นี่ไม่ใช่หลักคำสอนอันรุ่งโรจน์หรอกหรือ?”

วิเลตเป็นหนึ่งในสตรีคนแรกๆ ที่รับบัพติศมาแทนคนตายในนอวู