ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว
ฉันไม่ชอบงานประวัติครอบครัว แต่แล้วก็ประสบปาฏิหาริย์
ครอบครัวของดิฉันที่ไต้หวันไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับประวัติครอบครัวของเรา แต่ด้วยการใช้ศรัทธา ดิฉันสามารถเป็นพยานถึงสิ่งอัศจรรย์
เมื่อดิฉันอายุ 10 ขวบและอาศัยอยู่ที่ไต้หวัน คุณย่าแนะนำผู้สอนศาสนาให้รู้จักกับครอบครัวของเรา คุณพ่อของดิฉันให้บัพติศมาดิฉัน คุณแม่ และน้องชายของดิฉัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราผนึกในพระวิหารได้ไม่นาน ครอบครัวที่เหลือของดิฉันก็เลิกไปโบสถ์
ดังนั้น ความรับผิดชอบงานประวัติครอบครัวจึงตกอยู่ที่ดิฉัน แต่งานนั้นไม่เคยง่ายเลยสำหรับดิฉัน
ดิฉันพยายามทำตามคำเชื้อเชิญจากผู้นำศาสนจักรของเราให้ทำงานศักดิ์สิทธิ์นี้ แต่เนื่องจากความล้มเหลวหลายครั้ง ดิฉันจึงหยุดทุ่มเททำประวัติครอบครัว
ประการหนึ่ง พ่อแม่ของดิฉันไม่เคยชอบแนวคิดที่จะทำงานพระวิหารแทนคนตาย พวกเขารู้สึกว่าเรากำลังตัดสินใจแทนบรรพชนของเราให้รับศาสนพิธีและไม่เคารพสิทธิ์เสรีของพวกเขา
ดิฉันยังมีปัญหาในการหาข้อมูลเกี่ยวกับบรรพชนของดิฉันด้วย ครอบครัวชาวจีนส่วนใหญ่เก็บหนังสือลำดับการสืบเชื้อสาย ซูปู ซึ่งมีบันทึกสืบย้อนหลังไปถึง 2000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ ซูปู ครอบครัวดิฉันไม่มีปีเกิดและตายของบรรพชนที่เป็นผู้ชายหรือแม้แต่ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับบรรพชนที่เป็นผู้หญิง จึงไม่สามารถส่งรายชื่อไปที่พระวิหารหรือทำศาสนพิธีได้
หลังจากประสบความล้มเหลวเหล่านี้ ดิฉันจึงล้มเลิกความพยายามทำประวัติครอบครัว
เริ่มอีกครั้ง
ตอนที่ดิฉันศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย ดิฉันไม่ได้นึกถึงประวัติครอบครัวมาหลายปีแล้ว จากนั้น มีอยู่เทอมหนึ่งที่สเตคของดิฉันกระตุ้นให้เราตั้งเป้าหมายนำรายชื่อครอบครัวไปพระวิหาร ผู้นำสเตคสัญญากับเราว่าถ้าเราจะสวดอ้อนวอนก่อนเริ่มทำงานประวัติครอบครัว เราจะถูกชักนำไปหาบรรพชนที่ต้องการให้เราทำศาสนพิธีแทนพวกเขา
ตอนแรกดิฉันไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไรนักกับคำเชื้อเชิญนี้ ดิฉันเคยลองและล้มเหลวมาก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม จิตใจของดิฉันอ่อนลงเมื่อสวดอ้อนวอนทุกวันเพื่อให้งานประวัติครอบครัวประสบผลสำเร็จและมีความปรารถนาที่จะพยายามก้าวไปข้างหน้า และไม่นานนัก ดิฉันเริ่มรู้สึกอยากจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
มีอยู่คืนหนึ่งที่ดิฉันรู้สึกถึงการกระตุ้นเตือนที่รุนแรงให้เปิดสาแหรกครอบครัวใน FamilySearch และค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อสายบรรพชนกลุ่มหนึ่ง หลังจากค้นหาชื่อต่างๆ ในเครื่องมือค้นหาไม่สำเร็จ ดิฉันพบหน้าเว็บของบรรพชนของดิฉันคนหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าบรรพชนผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญในช่วงการปฏิวัติที่ไต้หวัน และข้อมูลทั้งหมดของเขาถูกบันทึกไว้ในหน้านี้โดยมีแหล่งข่าวแนบมาด้วย จากจุดนั้น ดิฉันสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุตรหลานและบิดามารดาของเขาได้
ดิฉันสามารถค้นพบและส่งรายชื่อทั้งหมดหกชื่อไปที่พระวิหารในวันนั้นโดยการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตแบบสุ่ม และดิฉันส่งรายชื่อไปมากกว่า 50 ชื่อภายในหนึ่งเดือน
ไม่น่าเชื่อ
ดิฉันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
ไม่นานดิฉันนำรายชื่อเป็นจำนวนมากไปที่พระวิหาร แต่ดิฉันก็ยังสงสัยว่าบรรพชนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของม่านจะยอมรับศาสนพิธีเหล่านี้หรือไม่ ดิฉันยังสงสัยว่าสิ่งที่ทำไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ดิฉันจึงสวดอ้อนวอนขอความมั่นใจ ครั้งต่อมาที่ดิฉันไปพระวิหาร เมื่อใกล้เสร็จการผนึกให้บรรพชนของดิฉันคนหนึ่ง ผู้ผนึกในพระวิหารหันมาหาดิฉันด้วยน้ำตาคลอ เขาบอกดิฉันว่าเขาสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของบรรพชนผู้นั้นกับการที่ได้รับศาสนพิธี
ดิฉันรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของดิฉันและศาสนพิธีที่ทำแทนมีความหมายโดยแท้จริง
เมื่อเวลาผ่านไป พ่อแม่ของดิฉันก็ยังไม่ชอบแนวคิดเกี่ยวกับประวัติครอบครัวมากนัก แต่ดิฉันสัมผัสได้ว่าบรรพชนเหล่านี้ปลอบโยนและสนับสนุนดิฉัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดิฉันรู้สึกโดดเดี่ยวที่เป็นสมาชิกแข็งขันเพียงคนเดียวในครอบครัว ดิฉันมีความรู้สึกว่าพวกเขากำลังช่วยทำให้หัวใจของพ่อแม่ดิฉันอ่อนลงด้วย
เอ็ลเดอร์จอห์น เอ. วิดท์โซ (1872–1952) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “ผู้ใดก็ตามที่พยายามช่วยผู้ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของม่านจะได้รับความช่วยเหลือในทุกเรื่องของชีวิตเป็นการตอบแทน”1
และดิฉันสัมผัสได้ถึงความช่วยเหลือที่มาจากอีกด้านหนึ่ง
ประวัติครอบครัวเป็นงานที่น่าตื่นเต้นและคุ้มค่าที่สุดงานหนึ่งซึ่งเราทำได้ในฐานะสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ขณะที่เรากำลังรวบรวมอิสราเอลที่อีกด้านหนึ่งของม่าน นั่นหมายความว่าเรากำลังรวบรวม “กองทัพของเหล่าเทพ” ที่จะสนับสนุนการเดินทางในชีวิตมรรตัยของเรา เรากำลังเชื่อมต่อกับสวรรค์ และเรากำลังเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้น และดังที่ซิสเตอร์เวนดี วัตสัน เนลสันเป็นพยานว่า “งานประวัติครอบครัวจะนำปาฏิหาริย์มาสู่ชีวิตท่านและชีวิตของคนที่ท่านรัก”2
ดิฉันรู้ว่านี่เป็นความจริง