2021
พระวิหารและรากฐานทางวิญญาณของท่าน
พฤศจิกายน 2021


18:59

พระวิหารและรากฐานทางวิญญาณของท่าน

เมื่อใดก็ตามที่เกิดความวุ่นวายใดๆ ในชีวิต สถานที่ปลอดภัยที่สุดทางวิญญาณก็คือการดำเนินชีวิตภายในพันธสัญญาพระวิหารของท่าน!

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่ได้อยู่กับท่านเช้านี้เพื่อแบ่งปันความรู้สึกจากใจข้าพเจ้า

ดังที่ท่านทราบ เรากำลังบูรณะพระวิหารซอลท์เลคแห่งประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ โครงการซับซ้อนนี้รวมถึงการเสริมรากฐานเดิมส่วนใหญ่ซึ่งใช้ได้ดีมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ แต่พระวิหารแห่งนี้ต้องอยู่นานยิ่งกว่านั้น เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ข้าพเจ้าสำรวจความก้าวหน้าของโครงการมหึมาดังกล่าว คิดว่าท่านคงยินดีถ้าได้เห็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากับเวนดี้ภรรยาเห็น ท่านจะได้เห็นว่าเหตุใดเพลงสวด “ฐานมั่นคงหนักหนา”1จึงมีความหมายใหม่สำหรับเรา

2:4

วีดิทัศน์จากสถานที่บูรณะพระวิหารซอลท์เลค: “เรากำลังดูรากฐานเดิมของพระวิหารซอลท์เลค ข้าพเจ้ายืนอยู่ในบริเวณใต้ห้องสวนเอเดน ขณะสำรวจงานฝีมือของอาคารทั้งหลัง ข้าพเจ้าประหลาดใจกับผลงานที่ผู้บุกเบิกทำไว้ ข้าพเจ้าทึ่งมากเมื่อคิดว่าพวกเขาสร้างพระวิหารงดงามแห่งนี้ด้วยเครื่องมือและเทคนิคเท่าที่มีมากกว่าหนึ่งร้อยปีที่แล้ว

“แต่หลายทศวรรษถัดมา ถ้าเราสำรวจรากฐานอย่างละเอียด เราจะเห็นผลของการสึกกร่อน รอยแตกในงานหินเดิม และความมั่นคงของงานก่อหลายระดับ

“ตอนนี้เมื่อได้เห็นสิ่งที่วิศวกร สถาปนิก และผู้เชี่ยวชาญการก่อสร้างสมัยใหม่สามารถทำได้เพื่อเสริมรากฐานเดิม ข้าพเจ้าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก งานของพวกเขาน่าตกตะลึง!

“รากฐานอาคารใดก็ตาม โดยเฉพาะอาคารหลังใหญ่ขนาดนี้ ต้องแข็งแรงและหยุ่นตัวพอจะต้านทานแผ่นดินไหว การสึกกร่อน ลมแรง และการทรุดตัวที่เลี่ยงไม่ได้ซึ่งเกิดขึ้นกับอาคารทุกหลัง งานซับซ้อนในการเสริมความแข็งแรงที่ทำอยู่เวลานี้จะเสริมรากฐานของพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้คงอยู่ได้และจะคงอยู่ตราบนานเท่านาน”

เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้พระวิหารเก่าแก่หลังนี้ซึ่ง เปราะบาง ลงเรื่อยๆ มีรากฐานที่จะต้านทานพลังธรรมชาติไปจนถึงมิลเลเนียม ในทำนองเดียวกัน ถึงเวลาแล้วที่เราแต่ละคนจะใช้มาตรการพิเศษ—บางทีอาจจะเป็นมาตรการที่เราไม่เคยใช้มาก่อน—มาเสริมรากฐาน ทางวิญญาณส่วนตัว ของเรา ยุคที่ไม่เคยมีมาก่อนต้องใช้มาตรการที่ไม่เคยมีมาก่อน

พี่น้องที่รัก นี่ คือ ยุคสุดท้าย หากท่านและข้าพเจ้าต้องต้านทานภยันตรายและแรงกดดันที่จะเกิดขึ้น เราแต่ละคนจำเป็นต้องมีรากฐานทางวิญญาณอัน มั่นคง ที่สร้างบนศิลาของพระผู้ไถ่ พระเยซูคริสต์2

ดังนั้น ข้าพเจ้าขอถามทุกท่านว่า รากฐาน ของท่าน มั่นคงเพียงใด? จำเป็นต้องเสริมอะไรให้ประจักษ์พยานและความเข้าใจในพระกิตติคุณของท่านบ้าง?

พระวิหารเป็นศูนย์กลางของการเสริมสร้างศรัทธาและความทรหดทางวิญญาณของเราเพราะพระผู้ช่วยให้รอดและหลักคำสอนของพระองค์เป็นหัวใจของพระวิหาร ทุกอย่างที่สอนในพระวิหารผ่านการสอนและผ่านพระวิญญาณจะเพิ่มความเข้าใจเราเรื่องพระเยซูคริสต์ ศาสนพิธีที่จำเป็นผูกมัดเรากับพระองค์ผ่านพันธสัญญาฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเมื่อเรารักษาพันธสัญญา พระองค์ย่อมประสาทพรเราด้วยเดชานุภาพ ของพระองค์ ที่เยียวยาและเสริมความเข้มแข็ง3 โอ้ เราจะต้องการเดชานุภาพของพระองค์มากเพียงใดในวันข้างหน้า

เราได้รับสัญญาว่า “หาก [เรา] พร้อม [เรา] จะไม่กลัว”4 คำรับรองนี้มีนัยลึกซึ้งในปัจจุบัน พระเจ้าทรงประกาศว่าแม้ปัจจุบันมีความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่คนที่สร้างรากฐานบนพระเยซูคริสต์ และเรียนรู้วิธีดึงเดชานุภาพของพระองค์มาใช้ จะไม่ต้องยอมจำนนต่อความวิตกกังวลที่เจอเฉพาะในยุคนี้

ศาสนพิธีและพันธสัญญาพระวิหารมีมาแต่โบราณ พระเจ้าทรงสอนอาดัมกับเอวาให้สวดอ้อนวอน ทำพันธสัญญา และถวายเครื่องพลีบูชา5 โดยแท้แล้ว “เมื่อใดก็ตามที่พระเจ้าทรงมีคนบนแผ่นดินโลกผู้จะเชื่อฟังพระดำรัสของพระองค์ พวกเขาได้รับบัญชาให้สร้างพระวิหาร”6 งานมาตรฐานเต็มไปด้วยข้อความที่อ้างถึงคำสอน เครื่องแต่งกาย ภาษา และอื่นๆ เกี่ยวกับพระวิหาร7 ทุกอย่าง ที่เราเชื่อและ ทุก สัญญาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงทำกับผู้คนในพันธสัญญาของพระองค์มารวมกันในพระวิหาร ใน ทุก ยุคสมัย พระวิหารเน้นย้ำความจริงอันล้ำค่าว่าผู้ที่ทำและรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าเป็นบุตรธิดาแห่งพันธสัญญา

ด้วยเหตุนี้ในพระนิเวศน์ของพระเจ้า เราจึงสามารถทำพันธสัญญาเดียวกันกับพระผู้เป็นเจ้าดังที่อับราฮัม อิสอัค และยาโคบทำ และเราสามารถได้รับพรเดียวกันนั้น!

พระวิหารเคิร์ทแลนด์และพระวิหารนอวู

พระวิหารเป็นส่วนหนึ่งของสมัยการประทาน นี้ มาตั้งแต่ต้น8 เอลียาห์มอบกุญแจแห่งสิทธิอำนาจการผนึกให้โจเซฟ สมิธในพระวิหารเคิร์ทแลนด์ ความสมบูรณ์ของฐานะปุโรหิตฟื้นฟูขึ้นมาในพระวิหารนอวู9

โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยที่ต่อยอดการฟื้นฟูศาสนพิธีเอ็นดาวเม้นท์และศาสนพิธีผนึกเรื่อยมาจนถึงมรณสักขีของท่าน10 แต่ท่านยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการขัดเกลาเพิ่มเติม หลังจากประกอบเอ็นดาวเม้นท์ให้บริคัม ยังก์ในเดือนพฤษภาคม 1842 โจเซฟบอกบริคัมว่า “เราจัดศาสนพิธีนี้ไม่ถูกต้อง แต่เราทำสุดความสามารถแล้วภายใต้สภาวการณ์ของเรา และผมต้องการให้คุณเป็นธุระเรื่องนี้และจัดระบบระเบียบพิธีการทั้งหมดนี้”11

หลังจากศาสดาพยากรณ์ถึงแก่กรรม ประธานยังก์สอดส่องดูแลการสร้างพระวิหารนอวูจนแล้วเสร็จ12 และสร้างพระวิหารอีกหลายแห่งในเขตปกครองยูทาห์ ที่การอุทิศชั้นล่างของพระวิหารเซนต์จอร์จ บริคัม ยังก์ประกาศอย่างทรงพลังถึงความเร่งด่วนของงานแทนคนตายในพระวิหารเมื่อท่านกล่าว “เมื่อข้าพเจ้าคิดถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากมีเสียงดังกึกก้องกัมปนาทเพื่อปลุกผู้คนให้ตื่น”13

ศาสนพิธีพระวิหารค่อยๆ ได้รับการขัดเกลาจากนั้นเป็นต้นมา ประธานฮาโรลด์ บี. ลีอธิบายว่าเหตุใดจึงเปลี่ยนขั้นตอน นโยบาย และแม้แต่การดำเนินศาสนพิธีพระวิหารอยู่เรื่อยๆ ในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระผู้ช่วยให้รอด ประธานลีกล่าวว่า: “หลักธรรมพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครเปลี่ยนหลักธรรมและ [หลักคำสอน] ของศาสนจักรได้ยกเว้นพระเจ้าโดยการเปิดเผย แต่วิธีการต่างๆ เปลี่ยนแปลงเมื่อผู้ที่เป็นประธานเวลานั้นได้รับพระบัญชาผ่านการดลใจ”14

ลองพิจารณาว่าการปฏิบัติศีลระลึกเปลี่ยนไปอย่างไรตลอดหลายปีที่ผ่านมา สมัยก่อนเราใส่น้ำศีลระลึกในภาชนะใบใหญ่หนึ่งใบแล้วส่งให้ผู้เข้าร่วมประชุม ทุกคนดื่มจากภาชนะนั้น ตอนนี้เราใช้ถ้วยแบบใช้แล้วทิ้งคนละใบ ขั้นตอนเปลี่ยนไป แต่พันธสัญญายังเหมือนเดิม

ลองไตร่ตรองความจริงสามข้อนี้:

  1. การฟื้นฟูเป็นกระบวนการ ไม่ใช่เหตุการณ์ และจะดำเนินต่อไปจนพระเจ้าเสด็จมาอีกครั้ง

  2. วัตถุประสงค์สูงสุดของการรวบรวมอิสราเอล15คือนำพรพระวิหารมาให้บุตรธิดาที่ซื่อสัตย์ของพระผู้เป็นเจ้า

  3. เมื่อเราหาวิธีบรรลุวัตถุประสงค์ นั้น อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พระเจ้าจะทรงเปิดเผยความความเข้าใจเชิงลึกมากขึ้น การฟื้นฟูต่อเนื่องต้องมีการเปิดเผยต่อเนื่อง

ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองทูลถามพระเจ้าบ่อยครั้งว่ามีวิธีที่ดีกว่านี้หรือไม่ในการนำพรพระวิหารไปสู่บุตรธิดาที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ เราแสวงหาการนำทางเป็นประจำเกี่ยวกับวิธีทำให้การสอน พันธสัญญา และศาสนพิธีในพระวิหารถูกต้องและสอดคล้องกันทั่วโลกแม้มีภาษาและวัฒนธรรมแตกต่างกัน

ภายใต้การทรงนำของพระเจ้าและในคำตอบการสวดอ้อนวอนของเรา เราได้ปรับเปลี่ยนขั้นตอนบางอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ พระองค์ คือผู้ที่ทรงต้องการให้ท่านเข้าใจถ่องแท้แน่ชัดว่าท่านกำลังทำพันธสัญญาที่จะทำอะไร พระองค์ คือผู้ที่ทรงต้องการให้ท่านได้รับศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์ โดยครบถ้วน พระองค์ ทรงต้องการให้ท่านเข้าใจเอกสิทธิ์ สัญญา และความรับผิดชอบของท่าน พระองค์ ทรงต้องการให้ท่านมีความเข้าใจลึกซึ้งและการตื่นตัวทางวิญญาณอย่างที่ท่านไม่เคยมีมาก่อน พระองค์ทรงปรารถนาให้ผู้เข้าพระวิหาร ทุกคน ได้สิ่งนี้ ไม่ว่าอยู่ที่ใด

การปรับเปลี่ยนขั้นตอนพระวิหารในปัจจุบัน และอื่นๆ ที่จะตามมา เป็นหลักฐานยืนยันต่อเนื่องว่าพระเจ้าทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์อย่างแข็งขัน ทรงจัดเตรียมโอกาสให้เราแต่ละคนหนุนรากฐานทางวิญญาณของเราอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยให้ชีวิตเรามีศูนย์กลางในพระองค์และในศาสนพิธีกับพันธสัญญาในพระวิหารของพระองค์ เมื่อท่านนำใบรับรองพระวิหาร ใจที่สำนึกผิด และจิตใฝ่แสวงหามาที่พระนิเวศน์แห่งการเรียนรู้ของพระเจ้า พระองค์ จะทรงสอนท่าน

หากระยะทาง ปัญหาสุขภาพ หรือข้อจำกัดอื่นๆ ทำให้ท่านไม่ได้เข้าพระวิหารช่วงเวลาหนึ่ง ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านจัดเวลาเพื่อนึกทบทวนพันธสัญญาที่เคยทำไว้เป็นประจำ

ถ้าท่านยังไม่ชอบเข้าพระวิหาร จงไปบ่อยขึ้น—ไม่ใช่น้อยลง ให้พระเจ้าทรงสอนและดลใจท่านที่นั่นผ่านพระวิญญาณ ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อเวลาผ่านไป พระวิหารจะกลายเป็นสถานที่แห่งความปลอดภัย การปลอบโยน และการเปิดเผย

ถ้าข้าพเจ้าพูดกับคนหนุ่มสาวทุกคนตัวต่อตัวได้ ข้าพเจ้าอยากวิงวอนท่านให้แสวงหาคู่ชีวิตที่ท่านสามารถผนึกด้วยในพระวิหาร ท่านอาจสงสัยว่าจะส่งผลต่อชีวิตท่านอย่างไร ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะส่งผลต่อชีวิต ทุกด้าน! เมื่อท่านแต่งงานในพระวิหารและกลับไปบ่อยๆ ท่านจะเข้มแข็งขึ้นและได้รับการนำทางในการตัดสินใจ

ถ้าข้าพเจ้าพูดกับสามีภรรยาแต่ละคนที่ ยัง ไม่ได้ผนึกในพระวิหารได้ ข้าพเจ้าอยากวิงวอนท่านให้ดำเนินขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อรับศาสนพิธีสูงสุดนั้นซึ่งจะเปลี่ยนแปลงชีวิต16 มันจะส่งผลกับท่านหรือ? นั่นก็ต่อเมื่อท่านต้องการก้าวหน้าตลอดไปและอยู่ด้วยกันตลอดไป การปรารถนา จะอยู่ด้วยกันตลอดไปจะไม่ทำให้ได้อยู่ด้วยกัน ไม่มีพิธีการหรือข้อตกลงอื่นใดจะทำให้เกิดขึ้นได้17

ถ้าข้าพเจ้าพูดกับชายหญิงแต่ละคนที่อยากแต่งงานแต่ยังไม่พบคู่นิรันดร์ได้ ข้าพเจ้าขอให้ท่านไม่ต้องรอจนแต่งงานเพื่อจะรับเอ็นดาวเม้นท์ในพระนิเวศน์ของพระเจ้า จงเริ่มเรียนรู้และรับประสบการณ์ตั้งแต่ตอนนี้ว่าการมีอำนาจฐานะปุโรหิตเป็นอาวุธมีความหมายอย่างไร

สำหรับทุกท่านที่ทำพันธสัญญาพระวิหารแล้ว ขอให้ท่านพยายามอย่างสม่ำเสมอร่วมกับการสวดอ้อนวอนเพื่อที่จะเข้าใจพันธสัญญาและศาสนพิธีพระวิหาร18 ประตูทางวิญญาณจะเปิด ท่านจะเรียนรู้วิธีแหวกม่านระหว่างสวรรค์กับแผ่นดินโลก วิธีขอให้เหล่าเทพของพระผู้เป็นเจ้ามาดูแลท่าน และวิธีรับการนำทางจากสวรรค์ได้ดีขึ้น การเพียรพยายามทำเช่นนั้นจะเสริมและทำให้รากฐานทางวิญญาณของท่านแข็งแกร่งขึ้น

พี่น้องที่รักทั้งหลาย เมื่อการบูรณะพระวิหารซอลท์เลคเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะ ไม่มีที่ใดปลอดภัยกว่า ในพระวิหารแห่งนี้ระหว่างเกิดแผ่นดินไหวในหุบเขาซอลท์เลค

ทำนองเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่เกิดความวุ่นวายใดๆ ในชีวิต สถานที่ปลอดภัยที่สุด ทางวิญญาณ ก็คือการดำเนินชีวิต ภายใน พันธสัญญาพระวิหารของท่าน!

โปรดเชื่อเมื่อข้าพเจ้าพูดว่าเมื่อท่านสร้างรากฐานทางวิญญาณเป็นปึกแผ่นบนพระเยซูคริสต์ ท่าน ไม่ต้องกลัว เมื่อท่านแน่วแน่ต่อพันธสัญญาที่ทำในพระวิหาร เดชานุภาพของพระองค์จะเสริมความแข็งแกร่งให้ท่าน เมื่อนั้น เมื่อเกิดแผ่นดินไหวทางวิญญาณ ท่านจะสามารถยืนหยัด แข็งแรง เพราะรากฐานทางวิญญาณของท่านเป็นปึกแผ่นไม่สั่นคลอน

ข้าพเจ้ารักท่าน พี่น้องที่รัก ความจริงที่ข้าพเจ้ารู้คือ: พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้ ท่าน เลือกกลับบ้านไปหาพระองค์ แผนความก้าวหน้านิรันดร์ของพระองค์ไม่ซับซ้อน และให้เกียรติสิทธิ์เสรีของท่าน ท่านมีอิสระที่จะเลือกว่าท่านจะเป็นใคร—และจะอยู่กับใคร—ในโลกที่จะมาถึง!

พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์! พระเยซูคือพระคริสต์! นี่คือศาสนจักรของพระองค์ที่ฟื้นฟูขึ้นมาเพื่อช่วยให้ท่านบรรลุจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ ข้าพเจ้าเป็นพยานในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู “ฐานมั่นคงหนักหนา,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 33.

  2. เพื่อว่า “เมื่อมารส่งลมอันมีกำลังแรงของเขามา … มันจะไม่มีพลังเหนือ [เรา] … เพราะศิลาซึ่งบนนั้น [เรา] ได้รับการสร้างขึ้น, ซึ่งเป็น รากฐานอันแน่นอน, รากฐานซึ่งหากมนุษย์จะสร้างบนนั้นแล้วพวกเขาจะตกไม่ได้” (ฮีลามัน 5:12; เน้นตัวเอน).

  3. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 109:15, 22.

  4. หลักคำสอนและพันธสัญญา 38:30; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 10:55 ด้วย.

  5. ดู โมเสส 5:5–6.

  6. คู่มือพระคัมภีร์, “พระวิหาร.”

  7. ตัวอย่างเช่น, ดู อพยพ 28; 29; เลวีนิติ 8. พลับพลาของโมเสสมีชื่อเรียกว่า “เต็นท์แห่งสักขีพยาน” (กันดารวิถี 9:15) และ “พลับพลาแห่งสักขีพยาน” (อพยพ 38:21) พระวิหารของซาโลมอนถูกทำลายในปีที่ 578 ก่อนคริสตกาลหลังจากครอบครัวของลีไฮออกจากเยรูซาเล็มได้ไม่กี่ปี การฟื้นฟูพระวิหารแห่งนี้โดยเศรุบบาเบลเกิดขึ้นในอีกประมาณ 70 ปีต่อมา จากนั้นถูกเพลิงทำลายในปีที่ 37 ก่อนคริสตกาล เฮโรดต่อเติมพระวิหารในประมาณปีที่ 16 ก่อนคริสตกาล จากนั้นพระวิหารที่พระเยซูทรงรู้จักแห่งนี้ถูกทำลายในปี ค.ศ. 70 นีไฟมีประสบการณ์เหมือนอยู่ในพระวิหารจากการไป “ที่ภูเขาบ่อยๆ ” เพื่อสวดอ้อนวอน (1 นีไฟ 18:3) และต่อมาก็สร้างพระวิหารในทวีปอเมริกา “ตามแบบพระวิหารของซาโลมอน” แต่หรูหราน้อยกว่า (ดู 2 นีไฟ 5:16).

  8. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:119; 124:31.

  9. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 110:13–16; 124:28. มีการวางศิลามุมเอกของพระวิหารนอวูเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1841 ไม่กี่เดือนหลังจากโจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยให้สร้าง พระวิหารนอวูมีการใช้งานตามจุดประสงค์เพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงอธิบายว่าต้องมีอ่างบัพติศมาเพื่อให้วิสุทธิชนรับบัพติศมาแทนคนตาย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:29–30).

  10. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 131; 132. หลักคำสอนและพันธสัญญา 128 มีสาส์นที่โจเซฟ สมิธเขียนถึงวิสุทธิชนเกี่ยวกับบัพติศมาแทนคนตาย ท่านประกาศในสาส์นนั้นว่าความรอดของคนตาย “จำเป็นและสำคัญต่อความรอดของเรา, … [เพราะว่า] พวกเขาโดยไม่มีเราพระองค์จะทรงทำให้ดีพร้อมไม่ได้—ทั้งเราโดยไม่มีคนตายของเราพระองค์จะทรงทำให้ดีพร้อมก็ไม่ได้” (ข้อ 128:15).

  11. Joseph Smith, ใน Saints: The Story of the Church of Jesus Christ in the Latter Days, vol. 1, The Standard of Truth, 1815–1846 (2018), 454.

  12. “จอร์จ เอ. สมิธนักประวัติศาสตร์ศาสนจักรสรุปว่าพี่น้องชายหญิง 5,634 คนได้รับเอ็นดาวเม้นท์ในพระวิหารนอวูที่สร้างเสร็จบางส่วนในเดือนธันวาคมปี 1845 และเดือนมกราคมปี 1846 การผนึกคู่สามีภรรยาดำเนินมาต่อเนื่องจนถึง 7 กุมภาพันธ์ [1846] ซึ่งตอนนั้นมีสามีภรรยามากกว่า 2,000 คู่เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อกาลเวลาและนิรันดรโดยฐานะปุโรหิต” (Bruce A. Van Orden, “Temple Finished before Exodus,” Deseret News, Dec. 9, 1995, deseret.com; see also Richard O. Cowan, “Endowments Bless the Living and Dead,” Church News, Aug. 27, 1988, thechurchnews.com).

  13. “ท่านคิดว่าบรรพบุรุษจะพูดอะไรถ้าพูดจากบรรดาคนตายได้? พวกเขาจะไม่พูดหรือว่าเรานอนอยู่ในเรือนจำนี้มาหลายพันปีแล้วเพื่อรอให้สมัยการประทานนี้มา? … เพราะอะไรเล่า ถ้าพวกเขามีพลังอำนาจก็คงมีเสียงกึกก้องจากสวรรค์ดังใส่หูเราแล้ว หากเพียงแต่เราจะตระหนักถึงความสำคัญของงานที่เรามีส่วนนั้น เทพทั้งปวงในสวรรค์กำลังมองดูคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้ และกำลังเร่งพวกเขาให้ทำงานเพื่อความรอดของครอบครัวมนุษย์ … เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากมีเสียงดังกึกก้องกัมปนาทเพื่อปลุกผู้คนให้ตื่น” (Discourses of Brigham Young, sel. JohnA. Widtsoe [1954],403–4).

  14. Harold B. Lee, “God’s Kingdom—a Kingdom of Order,” Ensign, Jan. 1971, 10. ดู คำพูดของประธานวิลฟอร์ด วูดดรัฟฟ์ในปี 1896 ด้วย; ท่านประกาศว่า: “ข้าพเจ้าต้องการพูดในฐานะประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายว่าเราควรเดินหน้าต่อไป เรายังรับการเปิดเผยไม่หมด … ประธาน [บริคัม] ยังก์ผู้ติดตามประธานโจเซฟ สมิธได้นำเรามาที่นี่ ท่านจัดระเบียบพระวิหารเหล่านี้และดำเนินจุดประสงค์ของการเรียกและตำแหน่งของท่านจนลุล่วง … ท่านไม่ได้รับการเปิดเผยทั้งหมดที่เป็นของงานนี้ ทั้งประธานเทย์เลอร์และวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ก็ไม่ได้รับ งานนี้จะไม่สิ้นสุดจนกว่าจะสมบูรณ์แบบ” (The Discourses of Wilford Woodruff, sel. G. Homer Durham [1946], 153–54).

  15. ดู 3 นีไฟ 29:8–9.

  16. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 131:2, 4.

  17. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:7.

  18. เอ็ลเดอร์จอห์น เอ. วิดท์โซเขียนว่า: “พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระดำรัสและการเปิดเผยมาถึงชายหรือหญิงผู้เข้าพระวิหารด้วยดวงตาที่เปิดกว้าง เอาใจใส่สัญลักษณ์และพันธสัญญา ตลอดจนพยายามอย่างต่อเนื่องไม่ลดละเพื่อให้เข้าใจความหมายทั้งหมด เอ็นดาวเม้นท์มีสัญลักษณ์มากมายจนคนโง่เท่านั้นที่พยายามจะอธิบายออกมา เต็มไปด้วยการเปิดเผยต่อคนที่อุตสาหะในการแสวงหาและดู จนไม่มีคำพูดใดของมนุษย์สามารถอธิบายหรือให้ความกระจ่างถึงความเป็นไปได้ที่อยู่ในพิธีพระวิหาร เอ็นดาวเม้นท์ซึ่งประทานให้โดยการเปิดเผยจะเข้าใจได้ดีที่สุดโดยการเปิดเผย” (ใน Archibald F. Bennett, Saviors on Mount Zion, [Sunday School manual, 1950], 168).