ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว
การเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อยู่หลังม่าน
เมื่อไปพระวิหารครั้งที่สอง ผมได้รับการยืนยันว่าถ้อยคําของศาสดาพยากรณ์เป็นความจริง
สองปีแล้วตั้งแต่ผมไปพระวิหารครั้งแรก และผมตั้งตารอเข้าพระวิหารอีกครั้งกับคนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง จุดมุ่งหมายของผมคือเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ตนเอง ผูกมิตร และประสบสิทธิพิเศษของการประกอบศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์
ขณะอยู่ในโถงบัพติศมาของพระวิหาร ผมมัวแต่ครุ่นคิดเพราะความตื่นกลัว ผมเพิ่งมาพระวิหารครั้งที่สอง และกลัวจะทําผิดขณะประกอบศาสนพิธี แต่จากนั้นสมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายประธานพระวิหารผู้กําลังช่วยพิธีบัพติศมาพูดกับพวกเราที่รออยู่ในแถวว่าถ้าเรายกม่านได้สักครู่ เราจะเห็นว่ามีหลายในโลกวิญญาณรอให้เราช่วย
ความคิดนั้นเสียดแทงใจผม และผมตระหนักทันทีว่าศาสนพิธีเหล่านี้สําคัญมาก
รู้สึกถึงปีติของงานพระวิหาร
ขณะใคร่ครวญสิ่งที่เขาพูด ผมนึกถึงเทคนิคหนึ่งที่เคยเรียนในวิชาการแสดงที่นักแสดงเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ของตัวละครที่พวกเขาเล่นเพื่อจะแสดงได้สมจริงมากขึ้น ผมสงสัยว่าพระบิดาบนสวรรค์จะทรงช่วยผมได้หรือขณะที่ผมพยายามเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ของคนที่ผมกําลังประกอบศาสนพิธีพระวิหารให้
ผมจะรู้สึกอย่างไรถ้าในที่สุดผมได้รับศาสนพิธีแห่งความรอดที่ผมปรารถนามานานหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษ?
เมื่อผมพยายามนึกถึงคนที่ผมทํางานให้มากขึ้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยให้ผมรู้สึกถึงปีติท่วมท้น ผมไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ผมรู้สึกถึงความสุขของคนที่ผมเพิ่งรับบัพติศมาแทน ผมรู้สึกแรงกล้าว่าพวกเขารอศาสนพิธีแห่งความรอดของพวกเขามานาน
ผมกระวนกระวายใจกับการไปพระวิหาร แต่ผมตระหนักว่าถ้าผมลืมความกังวลและความรู้สึกของตนเอง และมุ่งหมายจะเป็นตัวแทนของทุกคนที่ผมรับบัพติศมาแทน ผมจะรู้สึกถึงปีติของพวกเขาผ่านม่าน
ผมสํานึกคุณอย่างยิ่งที่สามารถรับใช้ทั้งวันในพระวิหารและช่วยคนที่ต้องการให้ผมสนับสนุนพวกเขาเพื่อพวกเขาจะพร้อมกลับไปยังที่ประทับของพระบิดา ผมเข้าใจดีขึ้นถึงการเปิดเผยที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธในพระวิหารเคิร์ทแลนด์: “คนทั้งปวงที่ตายโดยปราศจากความรู้ถึงพระกิตติคุณนี้ ผู้จะรับไว้หากเขาได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อไป จะเป็นทายาทของอาณาจักรซีเลสเชียลของพระผู้เป็นเจ้า” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 137:7)
งานพระวิหารเปลี่ยนท่าน
ก่อนกลับจากพระวิหาร คนหนุ่มสาวทุกคนมารวมกันเพื่อแบ่งปันประจักษ์พยานและประสบการณ์ของพวกเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสัมผัสใจทุกคน และเรารู้ว่าเราต่างจากเดิมเมื่อเรามาถึงพระวิหารครั้งแรกเพราะจุดมุ่งหมายใหม่ของเราในการทํางานพระวิหารและประวัติครอบครัว
เราต้องจดจำสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์ที่รักของเรา รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าว: “แม้งานพระวิหารและประวัติครอบครัวจะมีอำนาจเป็นพรแก่ผู้อยู่หลังม่าน แต่ก็มีอำนาจเป็นพรแก่คนเป็นเช่นเดียวกัน และมีอิทธิพลขัดเกลาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง”1
เวลานี้ผมรับใช้เป็นที่ปรึกษาโควรัมเอ็ลเดอร์ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานพระวิหารและประวัติครอบครัว เราทํางานให้บรรลุเป้าหมายของการมีพระนิเวศน์ของพระเจ้าในเขตของเรา ขณะที่เราพากเพียร ผมสามารถรู้สึกถึงอิทธิพลขัดเกลาที่ประธานเนลสันกล่าวถึง
ผมรู้ว่าเมื่อเราทํางานนี้ เราได้รับพรอย่างมากจากพระเจ้า คําสัญญาทั้งหมดที่พระองค์ทรงทํากับเราผ่านศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกของพระองค์จะเกิดสัมฤทธิผล ไม่ว่าในชีวิตนี้หรือชีวิตที่จะมาถึง ดังที่เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเพิ่มพลัง ช่วยเหลือ และค้ำจุนเรา [ดู อิสยาห์ 41:10] และพระองค์จะทรงทำให้เราพ้นไปจากความโศกศัลย์อย่างสุดซึ้งของเรา [ดู เพลงสวด, บทเพลงที่ 33] เมื่อเรารวบรวมประวัติครอบครัวและไปพระวิหารในนามบรรพชนของเรา พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้พรที่สัญญาไว้เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งสองด้านของม่าน”2
ผมเป็นพยานถึงพลังอำนาจที่งานพระวิหารและประวัติครอบครัวมีในชีวิตเรา การทํางานนั้นจะช่วยเราเสริมสร้างศรัทธาและรากฐานของเราในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เราสามารถเป็นคนช่วยคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของม่าน—และในการทําเช่นนั้น เราจะรู้สึกถึงปีติที่มาจากประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น