ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว
การประชุมใหญ่สามัญ: มานายุคปัจจุบันของเรา
โดยผ่านศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกยุคปัจจุบัน พระผู้เป็นเจ้าประทานวิธีให้เราพบการบํารุงเลี้ยงทางวิญญาณที่เราแสวงหา
ไม่ว่าถิ่นทุรกันดารที่มีความร้อนและทรายหรือการละทิ้งความเชื่อที่มีความสับสนและความสงสัย ย่อมมีความหิวโหยหลังจากการอพยพในอียิปต์และความหิวโหยหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
ความหิวโหยอย่างหนึ่งคือทางร่างกาย อีกอย่างคือทางวิญญาณ
เพื่อสนองความต้องการทางร่างกายของลูกๆ ของพระพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงส่งมานามา พระองค์ทรงส่งความเหมือนทางวิญญาณของอาหารยังชีพนี้มาให้คนเหล่านั้นหลังจากการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่ นั่นก็คือ พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานผ่านศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตเพื่อนําเราไปหา มานา ซึ่งคือพระเยซูคริสต์
เฉกเช่นชาวอิสราเอลได้รับการสอนให้คาดหวังมานาทางร่างกาย เราสามารถคาดหวังมานาทางวิญญาณในปัจจุบันได้เช่นกัน
มานาทางวิญญาณของเราจากพระผู้เป็นเจ้า
ขณะที่ชาวอิสราเอลระหกระเหินในถิ่นทุรกันดาร คนที่อยู่ในช่วงการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่ได้ระหกระเหิน “จากทะเลนี้ไปทะเลโน้น, และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก … เพื่อแสวงหาพระวจนะของ [พระเจ้า] และจะหาไม่พบ” (อาโมส 8:12)
สุดท้ายแล้วการระหกระเหินนี้ทำให้พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระองค์ผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ
เฉกเช่นพระเจ้าทรงเปิดเผยว่าผู้คนของอิสราเอลจะพบมานาทางร่างกายที่ใด พระองค์ทรงเปิดเผยต่อเราเช่นกันว่าเราจะพบการบํารุงเลี้ยงทางวิญญาณที่แท้จริงได้จากพระคัมภีร์และถ้อยคําของศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันผู้สอนเราเรื่องมานาที่แท้จริง—พระเยซูคริสต์ อาหารแห่งชีวิต—และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูและความจริงของพระองค์
เราไม่จําเป็นต้องระหกระเหินไปค้นหาความจริง เพราะเราได้รับสัญญาว่า “พระยาห์เวห์ [พระเจ้า] จะไม่ทรงทําสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยไม่เปิดเผยความลี้ลับให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ คือผู้เผยพระวจนะ” (อาโมส 3:7)
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน สอนว่า “ เหนื่อยกว่ามาก ถ้าแสวงหาความสุขที่ท่าน ไม่มีวัน หาเจอ!”1 คําแนะนําของพระเจ้าที่สอนโดยศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกในพระคัมภีร์และในการประชุมใหญ่สามัญจะนําปีติอันยั่งยืนและอาหารยังชีพจริงๆ มาให้เรา เฉกเช่นลูกหลานของอิสราเอลจะเหน็ดเหนื่อยและผิดหวังขณะพยายามหาอาหารยังชีพ เราจะเหน็ดเหนื่อยและผิดหวังเช่นกันถ้าเราวิ่งไปหาแหล่งอื่นเพื่อค้นหาความจริง
หามานาผ่านการเชื่อฟัง
เฉกเช่นชาวอิสราเอลต้องเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับอาหารทางร่างกาย เราต้องติดตามพระองค์เพื่อรับอาหารทางวิญญาณเช่นกัน
“แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า นี่แน่ะเราจะให้อาหารตกลงมาเหมือนฝน จากท้องฟ้าสำหรับพวกเจ้า และทุกๆ วันก็ให้ประชาชนออกไปเก็บแต่พอกิน เฉพาะวันหนึ่งๆ เพื่อเราจะได้ลองใจ ว่าพวกเขาจะดำเนินตามบัญญัติของเราหรือไม่” (อพยพ 16:4; เน้นตัวเอน)
พระเจ้าทรงใช้มานาเป็นโอกาสค้นพบว่าชาวอิสราเอลจะเชื่อฟังพระบัญญัติทุกข้อของพระองค์หรือไม่ ในทํานองเดียวกัน การประชุมใหญ่สามัญเป็นโอกาสให้เราพิสูจน์การเชื่อฟังพระองค์ผ่านความเต็มใจสดับฟังศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ และเฉกเช่นชาวอิสราเอลไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อฟังอะไรและจะเมินอะไร และยังคงคาดหวังพรที่สัญญาไว้ เราเลือกไม่ได้เช่นกัน
ผู้คนของอิสราเอลเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่ามานาจะค้ำจุนพวกเขาหากพวกเขาเก็บมาตามคําแนะนําของพระผู้เป็นเจ้า—ต้องเก็บทุกวัน เราเรียนรู้ด้วยว่าการฟังผู้รับใช้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกจะค้ำจุนเราทางวิญญาณเมื่อเราเอาใจใส่สิ่งที่สอน มานาแห่งพระวจนะของพระเยซูคริสต์ที่ประทานในช่วงการประชุมใหญ่สามัญไม่ใช่ให้บริโภคแค่สุดสัปดาห์เดียว เมื่อเราทบทวนคําปราศัยการประชุมใหญ่อย่างต่อเนื่องโดยรวมความจริงอันล้ำค่าเหล่านั้นไว้ในการศึกษาประจําวันของเรา เราจะพบว่าเราได้รับการบํารุงเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง
มานาจริงๆ ที่เราแสวงหา
ลูกหลานของอิสราเอลรู้ว่ามานาอันน่าอัศจรรย์นี้มาจากพระผู้เป็นเจ้า และเรารู้ได้แน่นอนว่าข่าวสารการประชุมใหญ่สามัญมาจากพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราเข้าเฝ้าพระองค์ในการสวดอ้อนวอนและอัญเชิญพระวิญญาณเข้ามาในชีวิตเราทุกวัน ดังที่โมโรไนสอนว่า “โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ท่านจะรู้ความจริงของทุกเรื่อง” (โมโรไน 10:5)
เรารู้ความจริงได้เพราะสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกสอน เพราะคนที่พวกท่านสอนและเป็นพยานถึงเสมอ และเพราะคนที่พวกท่านเป็นตัวแทนและทำหน้าที่แทน นั่นคือพระเยซูคริสต์
พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมานามาฉันใด พระองค์ทรงส่งศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตมาฉันนั้น
ทั้งสองเป็นตัวแทนของพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นมานาที่ชาวอิสราเอลแสวงหาและเราแสวงหาในปัจจุบันด้วย
“บรรพบุรุษของเราได้กินมานาในถิ่นทุรกันดารตามที่มีคำเขียนไว้ว่าท่านให้พวกเขากินอาหารจากสวรรค์
“พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ไม่ใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของเราเป็นผู้ประทานอาหารแท้ที่มาจากสวรรค์ให้กับพวกท่าน
“เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้นคือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้กับโลก
“พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า ท่านเจ้าข้า ขอโปรดให้อาหารนั้นแก่เราตลอดไปเถิด
“พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว” (ยอห์น 6:31–35)
ศาสดาพยากรณ์ช่วยเรารับส่วนอาหารแห่งชีวิต—รับส่วนของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ เมื่อเราฟังและเอาใจใส่คําสอนของพวกท่านอย่างสม่ำเสมอ เราจะได้รับอาหาร อิ่ม และเข้มแข็งทางวิญญาณ
ดิฉันหวังว่าเราทุกคนจะฟังการประชุมใหญ่สามัญ