“คริสต์มาสหมายถึงความหวัง สันติสุข และความรัก” เลียโฮนา, ธันวาคม 2023.
คริสต์มาสหมายถึง ความหวัง สันติสุข และความรัก
พระกุมารเยซูที่เราสักการะและนมัสการในช่วงคริสต์มาสให้ความหวัง สันติสุข และความรักแก่เราในช่วงเวลาแห่งการทดลองของเรา
“ทุกครั้งที่เด็กเกิด” ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ (1924–2015) ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “โลกได้รับการฟื้นฟูสู่ความบริสุทธิ์”1 และเพราะการประสูติที่สัญญาไว้ของพระกุมารองค์หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว “ที่เมืองของดาวิด” (ดู ลูกา 2:11) ใจของคนที่น้อมรับพระกุมารนั้นและพระพันธกิจของพระองค์จึงสามารถฟื้นฟูได้ทุกวันด้วยความหวัง สันติสุข และความรัก
ความหวัง สันติสุข และความรักพบใน “ความสว่างยิ่งใหญ่” (อิสยาห์ 9:2) ที่พระเยซูคริสต์ทรงนํามาสู่โลกที่มืดมนของเรา ความหวัง สันติสุข และความรักพบได้ใน “ข่าวดี … [ที่น่า] ยินดีอย่างยิ่ง” (ลูกา 2:10) ที่เป็นพรแก่บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าผ่านการประสูติของพระองค์
ช่วงคริสต์มาสเป็นโอกาสอันดีที่จะให้ใจและความคิดเราจดจ่อกับพระกุมารพระคริสต์ผู้ประสูติเมื่อนานมาแล้วและจดจ่อกับสันติสุขและความหวังที่ข่าวสารจากพระกิตติคุณนําเข้ามาในใจเราแต่ละคนเมื่อเราเต็มใจติดตามพระองค์
ความหวังในพระผู้ช่วยให้รอด
ไม่กี่ปีก่อน คําเดียว—มะเร็ง—โยนครอบครัวที่เพิ่งเริ่มต้นของนิโคลัสกับคริสตินา เจนไทล์เข้าไปในสิ่งที่บราเดอร์เจนไทล์เรียกว่า “ห้วงลึกสุดหยั่งคาดของการทดลองที่เป็นตายเท่ากัน” แพทย์วินิจฉัยว่าโฮพลูกสาววัย 19 เดือนของพวกเขามีเนื้องอกที่หลังส่วนล่าง
“ตลอดทั้งห้าเดือนของการผ่าตัดและเคมีบําบัด” บราเดอร์เจนไทล์เล่า “การต่อสู้เพื่อชีวิตของโฮพสร้างกล้องสลับลายของประสบการณ์ที่เสริมสร้างความเข้มแข็งขั้นสูงสุดของประจักษ์พยานของครอบครัวเราเกี่ยวกับพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอด”
การทดลองของโฮพและอนาคตที่ไม่แน่นอนดึงครอบครัวเข้าใกล้กันและใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น
“เรารู้ว่าสิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นเพื่อโฮพ” บราเดอร์เจนไทล์กล่าว “แม้จะมืดมน แต่เราวางใจพระองค์ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร”
คืนที่มืดคืนหนึ่งระหว่างเคมีบําบัดห้าวันครั้งที่สองของโฮพ บราเดอร์เจนไทล์สังเกตเห็นว่าผมเธอหายไปมากเพียงใดในสองสามวันที่ผ่านมา ผมสีบลอนด์สตรอเบอร์รี่ที่เหลือเป็นหย่อมๆ ของเธอเสียดแทงใจเขาให้นึกถึงความเป็นมรรตัยของเธอ กระนั้นก็ตาม เขายังพบการปลอบประโลมในคําสัญญาของพระเจ้าที่ว่า “ผมบนศีรษะ [ของเธอ] สักเส้นเดียวก็จะไม่ร่วงลงพื้นโดยไม่สังเกตเห็น” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 84:116)
“ผมรู้สึกว่าพระเยซูคริสต์ทรงทราบอย่างลึกซึ้งถึงการเดินทางของโฮพ—และความปวดร้าวใจของเรา” บราเดอร์เจนไทล์กล่าว “พระองค์ไม่ทรง ‘ละทิ้งพวก [เราไว้ให้ปราศจากการปลอบโยน]’ [ยอห์น 14:18]”
ช่วงเวลาเข้านอนของค่ำวันหนึ่งขณะอ่านบอร์ดบุ๊กให้โฮพฟัง บราเดอร์เจนไทล์ถามด้วยเสียงตลกๆ ว่า “นกฮูกพูดว่าอะไร?” โฮพหัวเราะคิกพลางตอบว่า “ฮูก ฮูก!” จากนั้นเขาถามว่า “วัวพูดว่าอะไร?” โฮพตอบด้วยท่าทางภาคภูมิใจว่า “มอ มอ!”
ขณะนั้นเอง ภาพพระผู้ช่วยให้รอดบนผนังห้องนอนก็ดึงดูดความสนใจของบราเดอร์เจนไทล์ พระวิญญาณทรงกระตุ้นเตือนให้เขาถามว่า “โฮพ แล้วพระเยซูตรัสว่าอะไร?”
ขณะรอคําตอบของลูกสาว เธอซุกเข้ามาที่บ่าของพ่อ ลืมตากลมโตสีฟ้าพลางกระซิบว่า “‘กอดพ่อไว้’ พระเยซูตรัสว่า ‘กอดพ่อไว้’”
บราเดอร์เจนไทล์ค่อยๆ ดึงร่างน้อยๆ ของโฮพให้ชิดเข้ามาและกอดเธอพลางสะอื้น ขณะโฮพกอดตอบด้วยแขนน้อยๆ เธอกระซิบว่า “หนูรักป๊ะป๋าค่ะ”
พระผู้เป็นเจ้าประทานช่วงเวลานั้นให้บราเดอร์เจนไทล์และครอบครัวด้วยเหตุผลพิเศษ: “พระเยซูทรงโอบกอดครอบครัวเราไว้ในอ้อมพระกรแห่งความรักของพระองค์” เขากล่าว “ตั้งแต่คืนศักดิ์สิทธิ์นั้น ผมไตร่ตรองความจริงอันอ่อนโยนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสอนผมผ่านถ้อยคําของลูกสาวว่า พระเยซูจะทรงกอดเราและประทานพรระหว่างการทดลองของเราถ้าเรายอมให้พระองค์ทรงทำเช่นนั้น พรเหล่านี้มาตามเวลา วิธี และพระประสงค์ของพระองค์ แต่มาแน่นอน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยให้ผมรู้สึกจนรู้ซึ้งถึงความจริงเหล่านี้ได้ในห้องของโฮพในคืนที่มืดมนนั้น”2
สันติในพระคริสต์
ข้าพเจ้ามีความสุขที่จะรายงานว่าศรัทธาและการสวดอ้อนวอนของครอบครัวเจนไทล์ได้รับคําตอบ ปัจจุบัน โฮพเป็นเด็กวัย 10 ขวบที่สุขภาพดีและมีความสุข
แต่จะเป็นอย่างไรหากในเวลานั้นคําตอบของพระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่สิ่งที่เราหวัง? จะเกิดสันติสุขในความปวดร้าวใจของแต่ละคนได้หรือไม่?
ดังที่ครอบครัวเจนไทล์พบ เราจะพบสันติสุขได้เสมอเมื่อหันไปหาพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ที่เราเฉลิมฉลองการประสูติในเบธเลเฮมในเทศกาลนี้ ในช่วงคริสต์มาส เมื่อการทดลอง ความโศกเศร้า และความเจ็บป่วยของแต่ละคนสามารถยับยั้งการเฉลิมฉลองคริสต์มาสของเราบ่อยครั้ง แต่ประจักษ์พยานของเราเกี่ยวกับการประสูติ การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดให้สันติสุข
ศาสดาพยากรณ์ผู้เป็นที่รักของเรา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนเราว่า “พระผู้ช่วยให้รอดประทานสันติสุข ‘ที่เกินความเข้าใจ’ [ฟีลิปปี 4:7] ฉันใด พระองค์ประทานความเข้มข้น ความลึกซึ้ง และความกว้างของปีติที่ท้าทายตรรกของมนุษย์หรือความเข้าใจของมรรตัยฉันนั้น ตัวอย่างเช่น อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกปีติเมื่อลูกของท่านทุกข์ทรมานด้วยโรคที่รักษาไม่หาย หรือเมื่อท่านตกงาน หรือเมื่อคู่ครองของท่านนอกใจ แต่นั่นคือปีติที่พระผู้ช่วยให้รอดประทานจริงๆ ปีติของพระองค์เสมอต้นเสมอปลาย ให้ความมั่นใจต่อเราว่า ‘ความทุกข์ของ (เรา) จะอยู่เพียงชั่วครู่’ [หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:7] และทรงอุทิศให้เป็นพรของเรา [ดู 2 นีไฟ 2:2]”3
เมื่อพระเจ้าตรัสปลอบโยนจิตวิญญาณเรา เราสามารถร่วมกับ “ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า ‘พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย’” (ลูกา 2:13–14)
เราสามารถ “[มา] … ชื่นใจยินดีมีชัย … สู่บ้านเบธเลเฮม”4
เราสามารถ “[หลับด้วยความ] สุขสบาย”5 โดยรู้ว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างจะดีและถูกต้องตามพระสัญญาและเวลาที่ดีพร้อม วิธี และพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
ของประทานแห่งความรัก
พระบิดาทรงรู้จักเราแต่ละคนอย่างสมบูรณ์—รวมถึงการทดลองและความไม่ดีพร้อม ความปรารถนา และความสูญเสียของเรา เพราะทรงรักเรา พระองค์จึงประทานของประทานยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยได้รับ
“พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 3:16)
เพราะพระบุตรทรงรักเราเช่นกัน พระองค์เต็มพระทัยพลีพระชนม์ชีพเพื่อเรา
“[พระบุตร] ย่อมไม่ทรงกระทำสิ่งใดเว้นแต่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของโลก; เพราะพระองค์ทรงรักโลก, จนพระองค์ทรงยอมพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เองเพื่อจะทรงจูงใจมนุษย์ทั้งปวงมาหาพระองค์” นีไฟพยากรณ์ถึงพระผู้ช่วยให้รอด “ดังนั้น, พระองค์ไม่ทรงบัญชาผู้ใดไม่ให้รับส่วนความรอดของพระองค์” (2 นีไฟ 26:24)
ในฐานะสานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอดในยุคสุดท้าย เรามีหน้าที่รับผิดชอบและพรที่จะแบ่งปันความรักที่พระบิดาและพระบุตรทรงมีต่อเรา เราแบ่งปันความรักนั้นเมื่อเราแสดงประจักษ์พยานต่อบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับความรู้อันล้ำค่าที่เรามีว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์ พระบุตรของพระองค์เสด็จมาแผ่นดินโลกเพื่อช่วยให้เรารอดจากความตายทั้งทางร่างกายและทางวิญญาณ และในยุคสมัยของเรา พระผู้ช่วยให้รอดทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์—ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
ของประทานแห่งพระบุตรองค์เดียวของพระผู้เป็นเจ้าคือสาเหตุที่เราฉลองคริสต์มาส คริสต์มาสหมายถึงความหวังและสันติสุขอันยาวนานที่เกิดขึ้นได้ด้วยการชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดซึ่งกลั่นออกมาจากความรักที่ทรงมีต่อเรา คริสต์มาสหมายถึงชีวิตนิรันดร์และการรวมญาตินิรันดร์ที่เกิดขึ้นได้ด้วยการประกอบศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์
“เหตุผลหลักที่เราฉลองคริสต์มาสก็เพราะอีสเตอร์” ประธานเนลสันกล่าว ท่านเสริมว่า “เพราะพระเยซูคริสต์ เราจึงสามารถกลับใจและได้รับการอภัยบาป เพราะพระองค์ เราแต่ละคนจะฟื้นคืนชีวิต”6
เราอ่านเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาใหม่เรื่องการประสูติของพระผู้ช่วยให้รอด เรื่องนี้เป็นศูนย์กลางของประเพณีคริสต์มาสที่เราชื่นชอบมากมาย แต่เมื่อเราเฉลิมฉลองการประสูติของพระองค์ ขอให้เราอย่าลืมว่าหากปราศจากการฟื้นคืนพระชนม์และการชดใช้ของพระองค์ เราจะไม่มีคริสต์มาส
พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงการดํารงอยู่จริงของพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์รวมถึงความเข้มข้นและความลึกซึ้งของหลักคําสอนของพระคริสต์ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส คนที่ใช้ความจริงเกี่ยวกับพระคริสต์ที่พบในหน้าพระคัมภีร์จะเพิ่มความหมายให้งานฉลองคริสต์มาสของครอบครัวพวกเขา
ข้าพเจ้ารู้ว่าเพราะความรักและบทบาทสําคัญของพระผู้ช่วยให้รอดในแผนแห่งความรอด เราจึงสามารถรับสันติสุขของพระองค์ (ดู ยอห์น 14:27) และ “ความหวังอันประเสริฐยิ่งกว่า” (อีเธอร์ 12:32)—ในช่วงคริสต์มาสและตลอดไป