เซมินารี
บทที่ 16—ประเมินผลการเรียนรู้ของท่าน 1—หลักคําสอนและพันธสัญญา 1–5; โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1


“บทที่ 16—ประเมินผลการเรียนรู้ของท่าน 1—หลักคําสอนและพันธสัญญา 1–5; โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1,” หลักคําสอนและพันธสัญญา คู่มือครูเซมินารี (2025)

“ประเมินผลการเรียนรู้ของท่าน 1” หลักคําสอนและพันธสัญญา เซมินารี

บทที่ 16: หลักคําสอนและพันธสัญญา 3-5

ประเมินผลการเรียนรู้ของท่าน 1

หลักคำสอนและพันธสัญญา 1–5; โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1

เยาวชนศึกษาพระคัมภีร์

การใคร่ครวญและประเมินผลการเรียนรู้ทางวิญญาณจะช่วยให้เราเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นได้ บทเรียนนี้จะช่วยให้นักเรียนจดจำและประเมินได้ว่าประสบการณ์ด้านการศึกษาหลักคำสอนและพันธสัญญา และโจเซฟ สมิธ—ประวัติช่วยให้พวกเขาเติบโตทางวิญญาณและเข้าใกล้พระเยซูคริสต์มากขึ้นได้อย่างไร

กิจกรรมการเรียนรู้ที่ทำได้

เหตุใดเราจึงควรประเมินผล?

เพื่อช่วยเตรียมนักเรียนให้พร้อมประเมินความก้าวหน้า ท่านอาจให้พวกเขาทำกิจกรรมต่อไปนี้ วาดภาพกราฟิกต่อไปนี้บนกระดาน พร้อมยกตัวอย่างเป้าหมาย นักเรียนอาจพิจารณาเป้าหมายทางวิญญาณ สติปัญญา ร่างกาย หรือสังคมที่ทำอยู่ร่วมกับโปรแกรมเด็กและเยาวชน

ลากเส้นหนึ่งเส้นในสมุดบันทึกการศึกษา เขียนเป้าหมายระยะยาวของท่านตรงท้ายเส้นทางด้านขวา ตัวอย่างเช่น เล่นกีฬาหรือเครื่องดนตรีระดับสูงเก่งเป็นพิเศษในทักษะด้านใดด้านหนึ่ง ได้รับปริญญาหรือใบรับรอง หรือแต่งงานในพระวิหาร

วาดรูปร่างคนเหนือเส้นดังที่แสดงในภาพต่อไปนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าท่านรู้สึกว่าก้าวหน้าไปถึงเป้าหมายมากน้อยเพียงใด

รูปร่างคนที่แสดงถึงความก้าวหน้า

ที่ด้านซ้ายของเส้น ให้ใช้เวลาสักครู่เพื่อเขียนความก้าวหน้าที่ท่านทำไป ท่านอาจระบุสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้หรือทำไปแล้วเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย

  • เหตุใดการหยุดชั่วคราวเพื่อประเมินสิ่งที่ได้เรียนรู้และความก้าวหน้าจึงเป็นประโยชน์?

ท่านอาจเชื้อเชิญนักเรียนหลายคนมาแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้หรือทำไปแล้วเพื่อก้าวหน้าไปสู่เป้าหมาย กิจกรรมนี้ไม่เพียงเตรียมนักเรียนให้พร้อมเรียนรู้มากขึ้นในบทเรียนนี้ แต่ยังอาจช่วยให้นักเรียนรู้จักกันดีขึ้นและสร้างความสามัคคีในชั้นเรียน

หนึ่งในจุดประสงค์ของเซมินารีคือ ช่วยให้ท่านเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ และเป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น

  • เหตุใดจึงสำคัญที่จะต้องหยุดชั่วคราวเพื่อประเมินความพยายามของเราที่จะเข้าใกล้พระเยซูคริสต์และเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น?

ท่านกำลังเรียนรู้เรื่องอะไร? ท่านมีความก้าวหน้าอย่างไร?

อธิบายว่าในทุกสี่ถึงหกสัปดาห์ตลอดทั้งปีการศึกษานี้จะมีบทเรียนเช่นนี้ ซึ่งนักเรียนจะหยุดเพื่อประเมินสิ่งที่กำลังเรียนรู้และวิธีที่พวกเขาจะเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น

หากเป็นประโยชน์ ท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนจัดทำรายการเรื่องราวและหัวข้อที่ได้เรียนรู้มา วิธีนี้อาจช่วยพวกเขาขณะทำสิ่งต่อไปนี้:

ใช้เวลาสักครู่เขียนความก้าวหน้าที่ท่านกำลังทำเพื่อเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นเมื่อได้ศึกษาหลักคำสอนและพันธสัญญาในปีนี้ลงในสมุดบันทึกการศึกษา สิ่งนี้อาจรวมถึงหลักคำสอนและความจริงที่ท่านกำลังเรียนรู้ วิธีเพิ่มประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์ สร้างนิสัยใหม่ และวิธีที่ท่านมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง

หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว เชื้อเชิญนักเรียนหลายๆ คนมาแบ่งปันความคิดหากไม่เป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป ซึ่งอาจทำเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือเป็นชั้นเรียน หรืออาจให้นักเรียนนึกคำหรือวลีที่ใช้สรุปว่าพวกเขากำลังเรียนรู้หรือเติบโตอย่างไร แล้วเขียนบนกระดานด้วยก็ได้ (ตัวอย่างเช่น “ประจักษ์พยานที่เข้มแข็งขึ้น” “การเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ผ่านพระคัมภีร์” หรือ “การรู้สึกถึงความรักของพระผู้ช่วยให้รอด”) จากนั้นท่านอาจชี้ไปที่คำสำคัญบนกระดาน แล้วถามนักเรียนคนที่เขียนว่ายินดีแบ่งปันเหตุผลที่ระบุคำนั้นหรือเปล่า ขณะที่ท่านฟัง ให้มองหาวิธีแสดงความยินดีกับความพยายามของนักเรียน กระตุ้นให้พวกเขาทำต่อไป และเป็นพยานถึงความช่วยเหลือและพรของพระเจ้า

ประเมินการศึกษาพระคัมภีร์

แสดงภาพของโจเซฟ สมิธดังต่อไปนี้ และสนทนากับนักเรียนถึงผลที่การศึกษาพระคัมภีร์มีต่อโจเซฟในฐานะศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า

เด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธอ่านพระคัมภีร์ไบเบิล
  • การศึกษาพระคัมภีร์ช่วยศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธอย่างไร?

ใคร่ครวญเป้าหมายการศึกษาพระคัมภีร์ของท่านเอง ความพยายามของท่านส่งผลต่อท่านอย่างไร?

แจกกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้นักเรียนคนละสองแผ่น ให้นักเรียนบันทึกคำตอบสำหรับคำถามข้อแรกบนกระดาษหนึ่งแผ่น จากนั้นบันทึกคำตอบสำหรับคำถามข้อที่สองบนกระดาษอีกแผ่น

  • ท่านรู้สึกว่าประสบความสำเร็จในการศึกษาพระคัมภีร์ด้วยวิธีใด?

  • มีปัญหาใดที่ท่านเผชิญในการศึกษาพระคัมภีร์?

ให้นักเรียนวางกระดาษที่ระบุความสำเร็จไว้กองหนึ่ง และกระดาษที่ระบุปัญหาไว้อีกกองหนึ่ง คละกระดาษแต่ละกองโดยทำแยกกัน แล้วแบ่งปันกับชั้นเรียน ชมเชยและให้กำลังใจนักเรียนขณะที่ท่านอ่านความสำเร็จของพวกเขา ท่านอาจถามว่า “มีใครเคยทำสิ่งที่คล้ายกันและประสบความสำเร็จแล้วบ้าง?” และ “การศึกษาพระคัมภีร์ช่วยให้ท่านเข้าใกล้พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์มากขึ้นได้อย่างไร?” ขณะที่ท่านอ่านเกี่ยวกับปัญหาในการศึกษาพระคัมภีร์ของนักเรียน อาจเป็นประโยชน์ที่จะเชื้อเชิญให้ชั้นเรียนค้นหาพระคัมภีร์ มองหาคำกล่าวของศาสดาพยากรณ์หรือผู้นำศาสนจักร หรือนึกถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่อาจช่วยได้

ประเมินว่านักเรียนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

ให้โอกาสดังต่อไปนี้แก่นักเรียน เพื่อประเมินว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

เขียนสิ่งต่างๆ เท่าที่ท่านจะนึกออกจากการเรียนรู้เกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาของเซมินารี

นักเรียนอาจเขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้รอบๆ ภาพของโจเซฟ สมิธบนกระดาน หรืออาจให้นักเรียนทำกิจกรรมนี้เป็นกลุ่มเล็กๆ

ขีดเส้นใต้หรือวงกลมรายการวิธีที่ช่วยให้ท่านเข้าใกล้พระเยซูคริสต์มากขึ้นด้วย

หากนักเรียนไม่ได้กล่าวถึง ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ระบุถึงโจเซฟ สมิธเห็นพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ในนิมิตแรก แปลพระคัมภีร์มอรมอนโดยเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า และได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าที่ระบุไว้ในหลักคำสอนและพันธสัญญา นอกจากนี้ยังรวมถึงการที่พระเจ้าทรงฟื้นฟูฐานะปุโรหิต ศาสนจักร พันธสัญญาและศาสนพิธีผ่านโจเซฟ สมิธ

เชื้อเชิญให้นักเรียนประเมินว่าตนเองมีความเชื่อมั่นในรายการที่ระบุมากน้อยเพียงใด โดยใช้ระดับคะแนนตั้งแต่ 1 ถึง 5 (1=ไม่เชื่อมั่นเลย และ 5=เชื่อมั่นอย่างยิ่ง) เชื้อเชิญให้พวกเขาแบ่งปันประสบการณ์ที่ช่วยเพิ่มความเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ เพื่อช่วยให้เราเข้าใกล้พระเยซูคริสต์มากขึ้น

นักเรียนบางคนอาจยังคงมีปัญหาในประจักษ์พยานของพวกเขาที่ว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ การถามคำถามต่อไปนี้และให้นักเรียนเสนอแนวคิดต่างๆ อาจช่วยนักเรียนได้

  • หากมีใครสักคนพยายามที่จะเชื่อว่าพระเจ้าทรงเรียกโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ ท่านจะแนะนำให้พวกเขาทำอะไรเพื่อเสริมสร้างความเชื่อนั้น?