สถาบัน
บทที่ 1: จุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนา


1

จุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนา

คำนำ

สั่งสอนกิตติคุณของเรา สอนว่าจุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาคือ “เชื้อเชิญผู้คนให้มาหาพระคริสต์โดยช่วยเขาให้รับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูโดยศรัทธาในพระเยซูคริสต์ และการชดใช้ของพระองค์ การกลับใจ บัพติศมา รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่” (สั่งสอนกิตติคุณของเรา, 1) เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า“งานเผยแผ่ของท่านจะเป็นโอกาสอันศักดิ์สิทธิ์ให้นำผู้อื่นมาหาพระคริสต์และช่วยเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด” (“จงเตรียมโลกไว้ให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สอง,” เลียโฮนา, พ.ค. 2011, 63) หลักสูตรนี้จะช่วยเตรียมนักเรียนของท่านให้พร้อมมีส่วนร่วมในโอกาสอันศักดิ์สิทธิ์ของงานเผยแผ่ศาสนา

การเตรียมล่วงหน้า

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

จุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนา

ขอให้นักเรียนระบุกิจกรรมและภารกิจที่ผู้สอนศาสนาทำเป็นประจำ และเขียนไว้บนกระดาน (คำตอบอาจรวมถึงการเชื้อเชิญ ศึกษา สอน สวดอ้อนวอน และรับใช้)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านข้อความใน กรอบ “จุดประสงค์ของท่าน” หน้า 1 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา (เพราะนี่เป็นการพบกันครั้งแรกของชั้นเรียน นักเรียนหลายคนจึงอาจจะยังไม่มีหนังสือ สั่งสอนกิตติคุณของเรา ท่านอาจจะต้องถ่ายเอกสารแจกหน้านี้และหน้าอื่นๆ ที่ต้องใช้)

ต่อจากนั้นขอให้นักเรียนเปรียบเทียบคำแถลงจุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนากับรายการภารกิจบนกระดาน และถามว่า

  • การเข้าใจคำแถลงจุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาขยายความเข้าใจของท่านอย่างไรในสิ่งที่ผู้สอนศาสนาทำ จุดประสงค์นี้ให้ความหมายอย่างไรแก่ภารกิจที่ผู้สอนศาสนาทำ

  • ส่วนใดของคำแถลงจุดประสงค์ระบุความรับผิดชอบของผู้สอนศาสนา และส่วนใดระบุความรับผิดชอบของผู้สนใจ

  • การทำให้คำแถลงจุดประสงค์เป็นหลักชี้นำการทำงานของท่านจะทำให้ท่านเป็นผู้สอนศาสนาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร (คำแถลงจุดประสงค์ให้ทิศทางแก่งานที่ผู้สอนศาสนาทำ อีกทั้งช่วยให้ผู้สอนศาสนาจดจ่อน้อยลงกับการทำภารกิจและจดจ่อมากขึ้นกับการทำให้จุดประสงค์แท้จริงของพวกเขาเกิดสัมฤทธิผล)

เพื่อช่วยให้สมาชิกชั้นเรียนเข้าใจจุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาดีขึ้น เชื้อเชิญให้พวกเขาเปิด หน้า 2 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงย่อหน้าสุดท้าย เริ่มจากคำว่า “ท่านได้รับเรียก”

ให้ชั้นเรียนสนทนาคำถามต่อไปนี้

  • ตามที่กล่าวไว้ในย่อหน้านี้ บุคคลต้องทำอะไรเพื่อมาหาพระผู้ช่วยให้รอด

  • ตามที่กล่าวไว้ในย่อหน้านี้ ผู้สอนศาสนาทำอะไรเพื่อช่วยให้ผู้อื่นมาหาพระเยซูคริสต์

จัดเตรียมสำเนาเอกสารแจก“จุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาของเรา” ไว้ให้นักเรียนแต่ละคน เอกสารแจกมีคำปราศรัยส่วนหนึ่งของเอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือเชื้อเชิญให้พวกเขาสร้างกลุ่มเอง ขอให้กลุ่มอ่านเอกสารแจกด้วยกันและสนทนาคำถามท้ายเอกสาร

ภาพ
จุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาของเรา เอกสารแจก

หลังจากนักเรียนมีเวลาศึกษาและสนทนาคำกล่าวของเอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันพอสมควรแล้ว ขอให้นักเรียนหลายๆ คนแบ่งปันคำตอบของคำถามที่สนทนา จากนั้นให้ถามดังนี้

  • ท่านจะเริ่มเน้นคำแถลงจุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาได้อย่างไร (คำตอบอาจได้แก่ นักเรียนอาจจะเลือกท่องจำคำแถลงนั้น พวกเขาอาจจะจดวางไว้ในที่ซึ่งเห็นได้ทุกวัน พวกเขาอาจจะสวดอ้อนวอนขอให้ช่วยเข้าใจคำแถลงมากขึ้น หรือพวกเขาอาจจะมองหาองค์ประกอบต่างๆ ของจุดประสงค์นี้ขณะศึกษาพระคัมภีร์)

ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำพูดอ้างอิงต่อไปนี้จากเอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์

“เราไม่สั่งสอนและสอนเพื่อ ‘นำผู้คนเข้ามาในศาสนจักร’ หรือเพื่อเพิ่มสมาชิกภาพของศาสนจักร เราไม่สั่งสอนและสอนเพียงเพื่อชักชวนผู้คนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น … เราเชื้อเชิญให้คนทั้งปวงมาหาพระคริสต์โดยการกลับใจ บัพติศมา และการยืนยันเพื่อเปิดประตูอาณาจักรซีเลสเชียลให้บุตรและธิดาของพระผู้เป็นเจ้า [ดู คพ. 76: 51–52] ไม่มีใครทำสิ่งนี้ได้อีกแล้ว” (“The Purpose of Missionary Work,” missionary satellite broadcast, Apr. 1995)

  • เหตุใดจึงสำคัญที่ต้องจดจำว่าการสั่งสอนพระกิตติคุณเกี่ยวข้องกับสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการเพียงแต่ช่วยให้คนบางคนเป็นสมาชิกของศาสนจักร (ดู 3 นีไฟ 11:33-34ด้วย)

  • ท่านมีความคิดอะไรบ้างขณะพิจารณาว่าท่านจะช่วย “เปิดประตูอาณาจักรซีเลสเชียล” ให้คนที่ท่านจะสอน

เชื้อเชิญให้นักเรียนพิจารณาว่าพวกเขาจะประยุกต์ใช้จุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาในชีวิตพวกเขาอย่างไร และขอให้พวกเขาพิจารณาว่าแรงจูงใจในการรับใช้งานเผยแผ่ของพวกเขาสอดคล้องกับ คำแถลงจุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนา ใน สั่งสอนกิตติคุณของเราหรือไม่ ขอให้นักเรียนใช้เวลาสักครู่จดลงในแผ่นกระดาษหรือในสมุดบันทึกการศึกษาว่าพวกเขาจะทำอะไรเพื่อให้เหตุผลการรับใช้งานเผยแผ่ของพวกเขาเป็นไปตามคำแถลงจุดประสงค์มากขึ้น

การสอนหลักคำสอนของพระคริสต์

อธิบายให้นักเรียนฟังว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่าจุดประสงค์เบื้องต้นประการหนึ่งของพระคัมภีร์มอรมอนคือ “นำกิตติคุณของเรา [และ] ประเด็นที่แท้จริงของหลักคำสอนของเราออกมาสู่ความจริง” (คพ. 10:62) หลักคำสอนของพระคริสต์ได้แก่พระบัญญัติให้มวลมนุษย์เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด กลับใจจากบาป รับบัพติศมา และรับพระวิญญาณ (ดู 3 นีไฟ 11:32) เขียนบนกระดานดังนี้

2 นีไฟ 31:2, 10–21   3 นีไฟ 11:31–41   3 นีไฟ 27:13–21

แบ่งชั้นเรียนออกเป็นสามกลุ่ม ขอให้กลุ่มหนึ่งศึกษา 2 นีไฟ 31:2, 10-21; ขอให้กลุ่มสองศึกษา 3 นีไฟ 11:31-41; และขอให้กลุ่มสามศึกษา 3 นีไฟ 27:13-22 ขอให้แต่ละกลุ่มอ่านข้อของพวกเขาและระบุสิ่งที่เรียกร้องจากคนเหล่านั้นผู้หมายมั่นติดตามพระเยซูคริสต์ ท่านอาจจะกระตุ้นให้นักเรียนใช้ปากกาเน้นข้อความหรือทำเครื่องหมายความจริงในพระคัมภีร์ของพวกเขาเกี่ยวกับหลักคำสอนและพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

หลังจากนักเรียนมีเวลาทบทวนข้อเหล่านี้สองสามนาทีแล้ว ขอให้พวกเขาเขียนการกระทำบางอย่างที่เรียกร้องจากผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ไว้ใต้ข้อความอ้างอิงแต่ละข้อบนกระดาน

จากนั้นให้ถามคำถามทำนองนี้

  • หากมีคนถามท่านว่าชาวมอรมอนเชื่อในพระเยซูคริสต์หรือไม่ ข้อพระคัมภีร์สามข้อนี้บนกระดานจะช่วยท่านตอบคำถามอย่างไร

  • ท่านจะอธิบายหลักคำสอนหรือพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ด้วยคำพูดของท่านเองอย่างไรให้แก่คนที่ไม่รู้ว่าหลักคำสอนหรือพระกิตติคุณคืออะไร

  • อาจมีบางคนถามท่านว่าเหตุใดผู้สอนศาสนาจึงสั่งสอนคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์อยู่แล้ว หลักคำสอนของพระคริสต์ตามที่สรุปไว้ในข้อพระคัมภีร์บนกระดานช่วยท่านตอบคำถามนั้นอย่างไร

ขณะที่นักเรียนตอบ พวกเขาพึงเข้าใจว่าหลักคำสอนของพระคริสต์ประกอบด้วย (1) สิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงทำไปแล้วและทรงทำต่อไปเพื่อดึงเรามาหาพระบิดา (ดู แอลมา 33:22; คพ. 76:40-42) และ (2) สิ่งที่เราต้องทำเพื่อเข้าถึงพรแห่งการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ รวมไปถึงการมีศรัทธา กลับใจ รับบัพติศมา รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ (ดู 3 นีไฟ 27:16-21)

ให้นักเรียนกลับไปดูคำแถลงจุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาบนกระดาน และถามว่า

  • หลักคำสอนของพระคริสต์เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนาอย่างไร

ขณะนักเรียนสนทนาคำถาม พวกเขาอาจจะพูดถึงความจริงต่อไปนี้ ผู้สอนศาสนาทำให้จุดประสงค์ของพวกเขาเกิดสัมฤทธิผลโดยช่วยให้ผู้สนใจยอมรับหลักคำสอนของพระคริสต์ พัฒนาศรัทธา กลับใจ รับบัพติศมา รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่

เพื่อให้นักเรียนเข้าใจลึกซึ้งขึ้นว่าผู้สนใจต้องปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระคริสต์ว่าจะรับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู ให้นักเรียนเปิดหน้า 5 ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงสองย่อหน้าแรกในหัวข้อ “พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์” จากนั้นให้ถามคำถามดังต่อไปนี้เพื่อช่วยให้นักเรียนเห็นว่าเหตุใดจึงสำคัญที่ผู้สนใจต้องปฏิบัติด้วยศรัทธา

  • ผู้สอนศาสนาจะมองหาหลักฐานอะไรมาตัดสินว่าผู้สนใจกำลังใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ กลับใจ และเตรียมรับพันธสัญญาแห่งบัพติศมา

หลังจากนักเรียนตอบ ให้อธิบายว่าผู้สอนศาสนามักจะห่วงเรื่องการพูดและทำสิ่งถูกต้อง แต่สำคัญกว่าสิ่งที่ผู้สอนศาสนาพูดและทำคือผู้สนใจกระทำด้วยศรัทธาตามที่พวกเขาได้รับการสอน ทักษะสำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ผู้สอนศาสนาพัฒนาได้คือเล็งเห็นโดยพระวิญญาณว่าผู้สนใจปฏิบัติด้วยศรัทธาและเปลี่ยนใจเลื่อมใสจริงๆ หรือไม่

  • ผู้สอนศาสนาจะมองหาหลักฐานอะไรมาตัดสินว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ระหว่างสอนบทเรียนและผู้สนใจรู้สึกหรือไม่

  • ผู้มุ่งหวังจะเป็นผู้สอนศาสนาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเข้าใจและประยุกต์ใช้หลักคำสอนของพระคริสต์ได้ดีขึ้น (คำตอบอาจได้แก่: สวดอ้อนวอนด้วยศรัทธาเพื่อขอให้มีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ศึกษาหลักคำสอนด้านต่างๆ ของพระคริสต์ในพระคัมภีร์ เช่น การชดใช้ของพระเยซูคริสต์และหลักธรรมกับศาสนพิธีเบื้องต้นของพระกิตติคุณ พูดคุยกับคนอื่นๆ ว่าพวกเขาทำอะไรเพื่อเพิ่มพูนศรัทธาของพวกเขาในพระเยซูคริสต์ ศึกษาคำสวดอ้อนวอนศีลระลึกเพื่อให้เข้าใจพันธสัญญาบัพติศมาเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น)

ฉายวีดิทัศน์เรื่อง “จุดประสงค์ของงานเผยแผ่ศาสนา: ครอบครัวโรเบิลส์” (9:19) และขอให้สมาชิกชั้นเรียนจดบันทึกสิ่งที่ผู้สอนศาสนาทำเพื่อช่วยให้ครอบครัวโรเบิลส์มาหาพระคริสต์

หลังจากฉายวีดิทัศน์แล้ว ให้ถามคำถามดังต่อไปนี้เพื่อช่วยนักเรียนอธิบายว่าผู้สอนศาสนาทำอะไรบ้างเพื่อให้จุดประสงค์ของพวกเขาเกิดสัมฤทธิผล

  • ผู้สอนศาสนาเหล่านี้ทำอะไรเพื่อช่วยให้ครอบครัวโรเบิลส์เติบโตในศรัทธา (คำตอบอาจได้แก่ พวกเขากระตุ้นให้สวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์ ตอบคำถาม สอนว่าเหตุใดจึงสำคัญที่ต้องเชื่อฟังพระบัญญัติ ให้รับปากว่าจะเชื่อฟังพระบัญญัติ ช่วยให้ได้รับศาสนพิธีแห่งบัพติศมา ให้วอร์ดเข้ามามีส่วนในชีวิตพวกเขา และบอกเรื่องพระวิหาร)

  • เหตุใดทั้ง การสอน ผู้สนใจและ การเชื้อเชิญ ให้พวกเขามาหาพระคริสต์จึงเป็นแง่มุมสำคัญของสิ่งที่ผู้สอนศาสนาทำ

  • ท่านเห็นหลักฐานอะไรยืนยันว่าศรัทธาของสมาชิกครอบครัวโรเบิลส์เพิ่มขึ้นและพวกเขารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับพระวิญญาณของพระคริสต์มากขึ้น

ให้เวลานักเรียนหลายๆ นาทีศึกษาหัวข้อ “ช่วยผู้คนให้ทำคำมั่นสัญญา: ประตูสู่ศรัทธาและการกลับใจ” ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา หน้า 8 จากนั้นมอบหมายให้นักเรียนจับคู่และผลัดกันแบ่งปันว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับการเชื้อเชิญให้ผู้อื่นรักษาคำมั่นสัญญา พวกเขามีความกลัวหรือข้อกังวลอะไรบ้าง อะไรช่วยให้พวกเขามีความเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะทำได้ จากนั้นให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • การเข้าใจหลักคำสอนของพระคริสต์จะช่วยท่านเชื้อเชิญให้ผู้สนใจทำคำมั่นสัญญาได้อย่างไร

  • เหตุใดเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์จึงกล่าวว่าผู้สอนศาสนาควรแสดง “ความเสียใจมาก” เมื่อผู้คนไม่ทำตามคำมั่นสัญญาว่าจะอ่านหรือสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน

เชื้อเชิญให้ชั้นเรียนจินตนาการว่าจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้ช่วยให้ผู้คนทำการเปลี่ยนแปลงและรับบัพติศมา ถามว่ามีใครเคยช่วยให้เพื่อนหรือสมาชิกครอบครัวมาหาพระคริสต์บ้าง และเชื้อเชิญให้พวกเขาแบ่งปันว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรที่ได้ช่วยในกระบวนการนั้น

หน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

สนทนาว่าผู้สอนศาสนามีสิทธิอำนาจในการสอนพระกิตติคุณและช่วยให้บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ได้รับศาสนพิธีที่จะช่วยให้พวกเขาได้รับพรของการชดใช้อย่างไร ให้ดูข้อความต่อไปนี้และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงให้ชั้นเรียนฟัง

ภาพ
ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

“จากทั้งหมดที่กล่าวมา หน้าที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดคือสั่งสอนพระกิตติคุณ” (โจเซฟ สมิธ อ้างอิงใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา หน้า 12)

ภาพ
ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

การสอนพระกิตติคุณสำคัญกว่าการทำความดีอื่นๆ ท่านอยู่ในงานยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เทียบกับงานนี้ได้ การสร้างบ้านและสะพานไม่สลักสำคัญ การสร้างโลกไม่สลักสำคัญเมื่อเทียบกับชีวิตที่ท่านกำลังสร้าง การช่วยให้มนุษย์รอดชีวิตไม่ใช่ความสำเร็จที่สำคัญแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับสิ่งที่ท่านทำอยู่ ท่านอาจจะออกไปสุสานแห่งหนึ่งและทำให้คนตายฟื้น แม้หนึ่งพันหรือหนึ่งหมื่นคน แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ท่านทำเวลาที่ท่านกำลังช่วยผู้คนให้รอด” (The Teachings of Spencer W. Kimball [1982], 547)

ถามนักเรียนว่ามีใครต้องการแบ่งปันหรือไม่ว่าเหตุใดพวกเขาจึงคิดว่าการสั่งสอนพระกิตติคุณเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดที่เรามี นักเรียนพึงเข้าใจว่าเราช่วยให้ผู้อื่นเข้าถึงพรของการชดใช้โดยการสั่งสอนพระกิตติคุณ

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:10, 15-16 ขณะชั้นเรียนดูตามโดยมองหาพรที่มาถึงคนสั่งสอนพระกิตติคุณและคนที่ยอมรับพระกิตติคุณ จากนั้นให้ถามว่า

  • พรใดบ้างมาถึงคนที่สั่งสอนพระกิตติคุณและคนที่เรียนพระกิตติคุณ

อธิบายว่างานเผยแผ่ศาสนาสามารถเป็นงานท้าทายได้เช่นกัน ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านคำพูดอ้างอิงต่อไปนี้จากเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์

“ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่างานเผยแผ่ศาสนาไม่ง่ายเพราะ ความรอดไม่ใช่ประสบการณ์ราคาถูก ความรอด ไม่ ง่ายเลย เราคือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ นี่คือความจริง และพระองค์ทรงเป็นพระประมุขนิรันดร์ผู้ยิ่งใหญ่ของเรา เราจะเชื่อได้อย่างไรว่างานนี้จะง่ายสำหรับเราในเมื่อไม่เคยเป็นเรื่องง่ายสำหรับพระองค์เลย สำหรับข้าพเจ้าดูเหมือนผู้สอนศาสนาและหัวหน้าเผยแผ่ต้องใช้เวลาสักช่วงหนึ่งในเกทเสมนี ผู้สอนศาสนาและหัวหน้าเผยแผ่ต้องก้าวอย่างน้อยหนึ่งหรือสองก้าวเพื่อขึ้นสู่ยอดคัลวารี

“… ข้าพเจ้าเชื่อว่าผู้สอนศาสนา และ ผู้สนใจจะต้องจ่ายเศษเสี้ยวของราคาเดียวกันนี้ให้รู้จักความจริง เพื่อมาสู่ความรอด และเข้าใจราคาที่จ่ายไปแล้วนั้นบ้างพอสมควร” (“งานสอนศาสนาและการชดใช้,” เลียโฮนา, ต.ค. 2001, 31-32)

  • ทัศนะเช่นนี้เกี่ยวกับงานเผยแผ่ศาสนาจะช่วยท่านอย่างไรเมื่อท่านประสบความท้าทายขณะเป็นผู้สอนศาสนา

เมื่อจบชั้นเรียนท่านอาจจะให้เวลานักเรียนสองสามนาทีจดสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างงานเผยแผ่ศาสนากับหลักคำสอนของพระคริสต์ กระตุ้นให้นักเรียนตั้งเป้าหมายว่าพวกเขาจะทำอะไรเพื่อให้เข้าใจหลักคำสอนของพระคริสต์ดีขึ้นขณะเตรียมทำงานเผยแผ่ของพวกเขา ถามนักเรียนว่ามีใครต้องการแบ่งปันประจักษ์พยานกับชั้นเรียนบ้าง แสดงประจักษ์พยานของท่านว่าถ้านักเรียนจะเรียนรู้และปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระคริสต์ พวกเขาจะเป็นผู้สอนศาสนาที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น

การเชื้อเชิญให้ปฏิบัติ

อธิบายให้นักเรียนฟังว่าการเตรียมตัวทำงานเผยแผ่เต็มเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเรียกร้องให้พยายามทำนอกห้องเรียน ด้วยเหตุนี้ ตอนจบบทเรียนแต่ละบท ท่านจะจัดเตรียมกิจกรรมที่เสนอแนะซึ่งออกแบบไว้ช่วยให้นักเรียนพร้อมรับใช้งานเผยแผ่มากขึ้น เพื่อช่วยให้นักเรียนเริ่มมีส่วนร่วมในงานของพระเจ้าตอนนี้ จงท้าทายให้พวกเขาทำดังต่อไปนี้หนึ่งอย่างหรือมากกว่านั้น

  • ใช้สื่อสังคมแบ่งปันกับคนอื่นๆ ว่าเหตุใดท่านจึงตื่นเต้นกับการรับใช้งานเผยแผ่และท่านกำลังทำอะไรเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

  • ดูวีดิทัศน์สองสามเรื่องในหัวข้อ การเร่งงานแห่งความรอด ของ LDS.org จดความรู้สึกที่ท่านมีลงในสมุดบันทึกการศึกษาขณะพิจารณาโอกาสที่ท่านจะมีส่วนร่วมในงานแห่งความรอด

  • ชวนเพื่อนคนหนึ่งมาเข้าชั้นเรียนการเตรียมตัวเป็นผู้สอนศาสนากับท่าน (ช่วงท้ายคาบเรียนแต่ละคาบท่านอาจกล่าวชวนนักเรียนแบบนี้)

  • ชวนเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่เป็นสมาชิกหรือเพื่อนที่แข็งขันน้อยมาเรียนบทเรียนกับผู้สอนศาสนา

พิมพ์