สถาบัน
บทที่ 5: อะไรคือบทบาทของพระคัมภีร์มอรมอน


5

อะไรคือบทบาทของพระคัมภีร์มอรมอน

คำนำ

พระคัมภีร์มอรมอนเป็นหลักฐานอันทรงพลังยืนยันความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์และเป็นข้อพิสูจน์เรื่องการฟื้นฟูผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ พระคัมภีร์มอรมอนตอบ “คำถามของจิตวิญญาณ” (ดู สั่งสอนกิตติคุณของเรา, 107) ส่วนที่จำเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนใจเลื่อมใสคือการได้รับพยานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง ผู้มุ่งหวังจะเป็นผู้สอนศาสนาควรศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนทุกวัน มีประจักษ์พยานส่วนตัวเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน และได้รับประสบการณ์ในการแบ่งปันประจักษ์พยานนั้นกับคนอื่นๆ

การเตรียมล่วงหน้า

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

พระคัมภีร์มอรมอนเป็นหลักฐานอันทรงพลังยืนยันความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์

เชื้อเชิญให้นักเรียนดูพระคัมภีร์มอรมอนของพวกเขาหรือชูพระคัมภีร์เล่มหนึ่งให้นักเรียนพิจารณา จากนั้นให้ถามว่า

  • ถ้าท่านไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน ท่านจะเรียนรู้อะไรจากการอ่านเพียงคำบรรยายใต้ชื่อพระคัมภีร์เล่มนี้ (พยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์)

  • ท่านคาดว่าจะพบอะไรในพระคัมภีร์เล่มนี้

ให้นักเรียนเปิดหน้าชื่อเรื่องของพระคัมภีร์มอรมอนและอ่านย่อหน้าที่สองโดยเอาใจใส่สิ่งที่ผู้เขียนพระคัมภีร์มอรมอนต้องการทำให้ชาวโลกเชื่อมั่น จากนั้นให้ถามว่า

  • ผู้เขียนพระคัมภีร์มอรมอนต้องการให้ชาวโลกเชื่อมั่นเรื่องใด

เขียนบนกระดานดังนี้ จุดประสงค์หลักของพระคัมภีร์มอรมอนคือทำให้คนทั้งปวงมั่นใจว่าพระเยซูคือพระคริสต์

ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงหัวข้อ “พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระคริสต์” หน้า 105 ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา ขณะชั้นเรียนดูตามโดยมองหาวิธีต่างๆ ที่พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์

จากนั้นให้ถามนักเรียนว่า

  • พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ในด้านใด

  • พระคัมภีร์มอรมอนเสริมสร้างประจักษ์พยานของท่านในพระเยซูคริสต์อย่างไร

เชื้อเชิญให้สมาชิกชั้นเรียนแบ่งปันประจักษ์พยานส่วนตัวเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน ประสบการณ์ในการอ่านและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน หรือข้อความที่ชอบเป็นพิเศษเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดและพระพันธกิจของพระองค์กับสมาชิกชั้นเรียนอีกคนหนึ่ง บอกนักเรียนว่าสิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่งที่พวกเขาทำได้ก่อนเข้าเอ็มทีซีคืออ่านพระคัมภีร์มอรมอนทั้งเล่มและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับความจริงในนั้น กระตุ้นให้นักเรียนทำตามคำแนะนำของประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันให้สมาชิกศาสนจักรอ่านพระคัมภีร์มอรมอนวันละ 30 นาที

พระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนสนับสนุนกัน

ให้นักเรียนเปิดหน้า 106 ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา ขอให้นักเรียนหลายๆ คนผลัดกันอ่านออกเสียงจากหัวข้อ “พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนกันและกัน”

จากนั้นให้ถามว่า

  • พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนกันในด้านใดบ้าง

  • เหตุใดผู้สอนศาสนาจึงควรใช้พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลขณะพวกเขาช่วยให้คนอื่นๆ เรียนรู้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ (คำตอบของนักเรียนควรสะท้อนความจริงต่อไปนี้: พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลร่วมกันเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และคำสอนของพระองค์)

เพื่อช่วยให้ชั้นเรียนเข้าใจแนวคิดนี้ ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 2 นีไฟ 3:12 ให้นักเรียนอีกคนหนึ่งอ่านออกเสียง เอเสเคียล 37:15-17 ให้ชั้นเรียนดูประโยคที่กล่าวถึงพระคัมภีร์ไบเบิลและประโยคที่กล่าวถึงพระคัมภีร์มอรมอน หลังจากอ่านข้อเหล่านี้แล้ว ให้ถามชั้นเรียนว่า

  • พระคัมภีร์เหล่านี้สนับสนุนแนวคิดเรื่องพยานสองปากอย่างไร

  • พรใดสัญญาไว้เนื่องจากพระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลมาด้วยกัน

ไอคอนวีดิทัศน์เพื่ออธิบายเพิ่มเติมว่าพระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลทำหน้าที่เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ร่วมกัน ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านข้อความต่อไปนี้จากเอ็ลเดอร์แทด อาร์. คอลลิสเตอร์แห่งสาวกเจ็ดสิบ หรือฉาย คลิปวีดิทัศน์ ของข้อความดังกล่าว

เอ็ลเดอร์แทด อาร์. คอลลิสเตอร์

“เหตุใดพระคัมภีร์มอรมอนจึงจำเป็นถ้าเรามีพระคัมภีร์ไบเบิลสอนเราเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์อยู่แล้ว ท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีศาสนาคริสต์มากมายหลายนิกายในโลกทุกวันนี้ทั้งที่พวกเขาได้รับหลักคำสอนจากพระคัมภีร์ไบเบิลเล่มเดียวกัน นั่นเป็นเพราะพวกเขาตีความพระคัมภีร์ไบเบิลต่างกันไป ถ้าพวกเขาตีความเหมือนกัน พวกเขาจะเป็นศาสนจักรเดียวกัน นี่ไม่ใช่สภาพที่พระเจ้าทรงปรารถนา เพราะอัครสาวกเปาโลประกาศว่ามี ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าเดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว’ (เอเฟซัส 4:5) เพื่อช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวเช่นนี้ พระเจ้าจึงทรงตั้งกฎแห่งพยานขึ้นมา เปาโลสอนว่า ‘ข้อกล่าวหาใดๆ ต้องมีพยานสองสามปากจึงจะเป็นที่เชื่อถือได้’ (2 โครินธ์ 13:1)

“พระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพยานเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นอีกเล่มหนึ่ง เหตุใดพยานเล่มที่สองนี้จึงสำคัญอย่างยิ่ง ภาพต่อไปนี้อาจช่วยได้ ท่านสามารถลากเส้นตรงผ่านจุดเดียวบนกระดาษแผ่นนี้ได้กี่เส้น คำตอบคือไม่จำกัด ลองคิดสักครู่ว่าจุดเดียวหมายถึงพระคัมภีร์ไบเบิลและเส้นตรงหลายร้อยเส้นที่ลากผ่านจุดดังกล่าวหมายถึงการตีความพระคัมภีร์ไบเบิลไปต่างๆ นานา ซึ่งการตีความแต่ละอย่างหมายถึงนิกายต่างๆ

“แต่เกิดอะไรขึ้นถ้าบนกระดาษแผ่นนี้มีจุดที่สองซึ่งหมายถึงพระคัมภีร์มอรมอน ท่านสามารถลากเส้นตรงระหว่างจุดสองจุดนี้ พระคัมภีร์ไบเบิลกับพระคัมภีร์มอรมอน ได้กี่เส้น เส้นเดียว การตีความหลักคำสอนของพระคริสต์เพียงหนึ่งเดียวทำให้ประจักษ์พยานของทั้งสองเล่มนี้ตรงกัน

“ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พระคัมภีร์มอรมอนทำหน้าที่เป็นพยานยืนยัน ทำให้เข้า และรวมหลักคำสอนในพระคัมภีร์ไบเบิลให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อจะมี ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าเดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว’” (“พระคัมภีร์มอรมอน—พระคัมภีร์จากพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 95-96)

หลังจากฉายวีดิทัศน์หรืออ่านข้อความอ้างอิงแล้ว ให้ถามว่า

  • อะไรคือคุณค่าของการมีพยานพระคัมภีร์สองเล่มของพระเยซูคริสต์

  • ท่านเรียนรู้อะไรจากคำพูดของเอ็ลเดอร์คอลลิสเตอร์ที่จะช่วยท่านสอนคนอื่นๆ ว่าพระคัมภีร์มอรมอนกับพระคัมภีร์ไบเบิลทำงานด้วยกันอย่างไร

บทบาทของพระคัมภีร์มอรมอนในการรวมอิสราเอล

เพื่อให้บริบทขณะสอนหลักธรรมต่อไป ท่านอาจให้นักเรียนอ่านย่อหน้าที่สองในหน้าชื่อเรื่องของพระคัมภีร์มอรมอนซ้ำอีกครั้งและขีดเส้นใต้หรือใช้ปากกาเน้นข้อความตรงคำสัญญาที่ว่าผู้อ่านจะได้ “รู้จักพันธสัญญาของพระเจ้า เพื่อพวกเขาจะไม่ถูกทอดทิ้งตลอดกาล” อธิบายว่าย่อหน้านี้พาดพิงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าจะต้องมีการรวมบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าในเชื้อสายแห่งอิสราเอลที่กระจัดกระจาย เตือนนักเรียนว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทำพันธสัญญาแต่โบราณกับบุตรธิดาของพระองค์ อย่างไรก็ดี พระเจ้าทรงทำให้ผู้คนของเชื้อสายแห่งอิสราเอลกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินโลกเนื่องจากความไม่ชอบธรรมและความดื้อรั้นของพวกเขา

มอบหมายให้นักเรียนอ่านข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้หนึ่งข้อและหาดูว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรวมบุตรธิดาของพระองค์อย่างไร 1 นีไฟ 10:14; 3 นีไฟ 16:4–5; หรือ 3 นีไฟ 20:13 จากนั้นให้ถามคำถามต่อไปนี้เพื่อช่วยนักเรียนระบุหลักคำสอนที่สอนในข้อพระคัมภีร์ดังกล่าว

  • ตามที่กล่าวไว(165)้ในข้อเหล่านี้ต้องเกิดอะไรขึ้นกับแต่ละบุคคลอันเป็นส่วนหนึ่งของการรวมเชื้อสายแห่งอิสราเอล (พวกเขาต้องถูกนำมาสู่ความรู้เรื่องพระเยซูคริสต์)

  • พระคัมภีร์มอรมอนมีบทบาทอะไรในกระบวนการนี้ (ถึงแม้นักเรียนจะใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรระบุความจริงต่อไปนี้: พระคัมภีร์มอรมอนทำหน้าที่เป็นเครื่องมือช่วยรวมบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าโดยช่วยให้พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์)

อ่านข้อความต่อไปนี้ซึ่งเอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี (1915–1985) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดถึงบทบาทของพระคัมภีร์มอรมอนในการรวมอิสราเอล

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“เท่าที่เกี่ยวข้องกับการรวมอิสราเอล พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพระคัมภีร์เล่มสำคัญที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาหรือจะเขียนตลอดไป นี่เป็นพระคัมภีร์ที่รวมอิสราเอลและเปิดเผยหลักคำสอนเรื่องการรวมอย่างชัดเจนและสมบูรณ์ … พระคัมภีร์มอรมอนเป็นสาเหตุให้ผู้คนเชื่อพระกิตติคุณและเข้าร่วมศาสนจักร และดังที่เราเห็นก่อนหน้านี้ พระคัมภีร์เล่มนี้เป็นพลังที่ทำให้เกิดการรวมอิสราเอล” (A New Witness for the Articles of Faith [1985], 554)

ต่อจากนั้นให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • ผู้สอนศาสนามีส่วนร่วมในการรวมเชื้อสายแห่งอิสราเอลอย่างไร (โดยช่วยให้ผู้อื่นศึกษาและเข้าใจพระคัมภีร์มอรมอนทั้งนี้เพื่อพวกเขาจะได้มาหาพระคริสต์ผ่านศรัทธา การกลับใจ บัพติศมา การยืนยัน และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่)

  • เหตุใดจึงสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้สอนศาสนาจะใช้พระคัมภีร์มอรมอนขณะช่วยให้ผู้อื่นมาหาพระคริสต์

การได้รับประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนเป็นส่วนจำเป็นของการเปลี่ยนใจเลื่อมใส

ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงเรื่องราวต่อไปนี้จากอัตชีวประวัติของอัครสาวกพาร์ลีย์ พี. แพรทท์ (1807-1857) ซึ่งท่านพูดถึงประสบการณ์เกี่ยวกับการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนครั้งแรก

เอ็ลเดอร์พาร์ลีย์ พี. แพรทท์

“ข้าพเจ้าเปิดพระคัมภีร์ด้วยความกระหายใคร่รู้ และอ่านหน้าชื่อเรื่อง จากนั้นจึงอ่านประจักษ์พยานของพยานหลายๆ ท่านเกี่ยวกับการพบและแปลพระคัมภีร์เล่มนี้ หลังจากนี้จึงเริ่มอ่านเนื้อหาตามลำดับ ข้าพเจ้าอ่านทั้งวัน การกินเป็นภาระ ข้าพเจ้าไม่อยากอาหาร การนอนเป็นภาระเมื่อถึงเวลากลางคืน เพราะข้าพเจ้าชอบอ่านมากกว่านอน

“ขณะอ่าน พระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้และเข้าใจว่าพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นความจริง ชัดเจนแจ่มแจ้งเท่าที่ชายคนหนึ่งเข้าใจและรู้ว่าเขาดำรงอยู่” (Autobiography of Parley P. Pratt, ed. Parley P. Pratt Jr. [1874], 38)

  • พระวิญญาณของพระเจ้ามีผลอย่างไรต่อพาร์ลีย์ พี. แพรทท์เมื่อเขาอ่านพระคัมภีร์มอรมอน

  • ท่านจะเล่าตอนที่พระวิญญาณทรงสัมผัสใจท่านขณะท่านอ่านพระคัมภีร์มอรมอนข้อใดข้อหนึ่งหรือตอนใดตอนหนึ่งได้หรือไม่

เชื้อเชิญให้นักเรียนขีดเส้นใต้หรือใช้ปากกาเน้นข้อความประโยคต่อไปนี้ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา หน้า 104 “พระคัมภีร์มอรมอน ผนวกกับพระวิญญาณ คือแหล่งช่วยอันทรงพลังที่สุดของท่านในการเปลี่ยนใจเลื่อมใส” เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความจริงนี้ ให้พวกเขาอ่านหัวข้อ “พระคัมภีร์มอรมอนดึงผู้คนให้ใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น” ในหน้า 108 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา จากนั้นให้ถามว่า

  • ตามที่กล่าวไว้ในหัวข้อนี้ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างเมื่อบุคคลเริ่มศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน

  • เหตุใดการช่วยให้ผู้สนใจศึกษาและมีประจักษ์พยานในพระคัมภีร์มอรมอนจึงเป็นวัตถุประสงค์สำคัญที่สุดประการหนึ่งของผู้สอนศาสนา

อธิบายให้ชั้นเรียนฟังว่าพวกเขาสามารถช่วยให้ผู้สนใจรู้สึกถึงพลังการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของพระคัมภีร์มอรมอนได้โดยช่วยให้ผู้สนใจพบคำตอบของคำถามสำคัญที่สุดของชีวิตภายในหนังสือเล่มนั้น ให้นักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงหลายๆ ย่อหน้าและคำถามใน หน้า 107 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา ขอให้ชั้นเรียนมองหาความหมายของวลี “คำถามของจิตวิญญาณ” จากนั้นให้สนทนาดังนี้

  • วลี “คำถามของจิตวิญญาณ” มีความหมายต่อท่านอย่างไร

เขียนความจริงต่อไปนี้ไว้บนกระดาน

คำสอนของพระคัมภีร์มอรมอนตอบคำถามของจิตวิญญาณ

สนทนากับนักเรียนดังนี้

  • ท่านจะใช้พระคัมภีร์มอรมอนหาคำตอบให้แก่คำถามของจิตวิญญาณอย่างไร

  • ท่านพบอะไรบ้างที่เป็นคำตอบให้แก่คำถามของจิตวิญญาณในพระคัมภีร์มอรมอน

ท่านอาจจะสาธิตสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีใช้พระคัมภีร์มอรมอนหาคำตอบให้แก่คำถามของจิตวิญญาณ เลือกคำถามหนึ่งข้อซึ่งระบุไว้ที่ หน้า 107 ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา ใช้ข้อพระคัมภีร์มอรมอนที่ระบุไว้กับคำถามสาธิตว่าพระคัมภีร์มอรมอนตอบคำถามที่ท่านเลือกไว้อย่างไร ท่านอาจจะสาธิตวิธีใช้ Topical Guide, Bible Dictionary หรือ คู่มือพระคัมภีร์ หาคำตอบของคำถามเหล่านั้น แบ่งปันความรู้สึกของท่านกับชั้นเรียนว่าพระคัมภีร์มอรมอนสามารถช่วยให้พวกเขาและผู้สนใจของพวกเขาพบคำตอบให้แก่คำถามของพวกเขาได้อย่างไร

หลังจากทำให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่างแล้ว เชื้อเชิญให้พวกเขาทำขั้นตอนเดียวกัน ขอให้พวกเขาเลือกคำถามหนึ่งข้อจากรายการแล้วทบทวนข้อพระคัมภีร์ที่ให้มาในพระคัมภีร์มอรมอนเพื่อหาหลักคำสอนหรือหลักธรรมที่ตอบคำถาม หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พบพอสังเขปกับนักเรียนอีกคนหนึ่ง เมื่อแบ่งปันเสร็จแล้ว ให้สนทนาดังนี้

  • ผู้สอนศาสนาจะใช้พระคัมภีร์มอรมอนช่วยให้ผู้สนใจพบคำตอบให้แก่คำถามของจิตวิญญาณได้อย่างไร

ไอคอนวีดิทัศน์เพื่ออธิบายเพิ่มเติมว่าพระคัมภีร์มอรมอนตอบคำถามของจิตวิญญาณอย่างไร ให้ฉายวีดิทัศน์ “เรื่องราวพระคัมภีร์มอรมอน” ขอให้นักเรียนดูว่าพระคัมภีร์มอรมอนตอบคำถามของบราเดอร์คุกก่อนเขาเข้าร่วมศาสนจักรอย่างไร

หลังจากดูวีดิทัศน์จบแล้ว ท่านอาจจะถามว่า

  • บราเดอร์คุกได้รับคำตอบของคำถามสำคัญๆ อะไรบ้างเมื่อเขาอ่านพระคัมภีร์มอรมอน

  • การพบคำตอบเหล่านี้มีผลต่อเขาอย่างไร

เชื้อเชิญให้นักเรียนพิจารณาคำถามสำคัญเกี่ยวกับพระกิตติคุณที่พวกเขาหรือเพื่อนต้องการคำตอบ เป็นพยานว่าพระเจ้าจะทรงช่วยตอบคำถามของพวกเขาผ่านการศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน

พระคัมภีร์มอรมอนยืนยันความจริงของการฟื้นฟู

เชื้อเชิญให้นักเรียนผลัดกันอ่านออกเสียงหัวข้อใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา เรื่อง “พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา” เริ่มตั้งแต่หน้า 103 ไปจนถึงตารางในหน้า 104 ขณะที่พวกเขาอ่าน ขอให้พวกเขาใคร่ครวญคำกล่าวของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับความสำคัญของพระคัมภีร์มอรมอน จากนั้นให้ถามว่า

  • พระคัมภีร์มอรมอนเป็น “รากฐานของประจักษ์พยาน” อย่างไร

  • ท่านคิดว่าเหตุใดปฏิปักษ์จึงต่อต้านพระคัมภีร์มอรมอนและหมายมั่นจะขัดขวางไม่ให้ผู้คนอ่านพระคัมภีร์เล่มนี้ (เพราะพระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา)

อธิบายว่ามีคนมากมายในโลกที่ไม่เชื่อเรื่องราวของโจเซฟ สมิธและที่มาของพระคัมภีร์มอรมอน ผู้สอนศาสนาควรพร้อมไขข้อสงสัยของผู้สนใจเกี่ยวกับที่มาของพระคัมภีร์มอรมอน

ให้ชั้นเรียนอ่านหัวข้อ “ใช้พระคัมภีร์มอรมอนตอบคำโต้แย้ง” ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา หน้า 108–109 ขอให้นักเรียนมองหาคำแนะนำที่จะช่วยพวกเขาเสริมสร้างศรัทธาของผู้สนใจที่มีข้อกังวลหรือข้อสงสัย ถามคำถามดังต่อไปนี้เพื่อช่วยให้นักเรียนค้นพบหลักธรรมในขณะอ่าน

  • ตามที่ประธานเบ็นสันกล่าว เหตุใดจึงสำคัญที่ผู้มีข้อกังวลเกี่ยวกับความเชื่อของเราจะรู้ว่าพระคัมภีร์มอรมอนจริงหรือไม่

  • พระคัมภีร์มอรมอนจะช่วยบุคคลไขข้อกังวลและข้อสงสัยทางวิญญาณในวิธีใดได้บ้าง

เพื่อสรุปหลักธรรมที่นักเรียนค้นพบ ท่านอาจจะเขียนหลักธรรมนี้ไว้บนกระดาน การได้รับประจักษ์พยานว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริงจะช่วยให้ผู้สนใจหมดข้อกังวลและข้อสงสัยทางวิญญาณ

ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้จากประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008) และให้นักเรียนหลายๆ คนอ่านออกเสียงคนละหนึ่งหรือสองย่อหน้า

ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

“ทุกครั้งที่เรากระตุ้นคนอื่นๆ ให้อ่านพระคัมภีร์มอรมอน เราทำเพื่อประโยชน์ของพวกเขา ถ้าพวกเขาอ่านร่วมกับการสวดอ้อนวอนและด้วยความปรารถนาจะรู้ความจริงด้วยใจจริง พวกเขาจะรู้โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระคัมภีร์เล่มนี้จริง

“จากความรู้นั้นจะมีความมั่นใจในความจริงอีกหลายเรื่อง เพราะถ้าพระคัมภีร์มอรมอนจริง พระผู้เป็นเจ้าย่อมทรงพระชนม์ …

“ถ้าพระคัมภีร์มอรมอนจริง พระเยซูย่อมทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเรา พระผู้ช่วยให้รอดของโลกจริงๆ จุดประสงค์สำคัญยิ่งของการปกปักรักษาและการออกมาของพระคัมภีร์มอรมอนตามคำแถลงในนั้นคือเพื่อ ‘ให้ชาวยิวและคนต่างชาติมั่นใจด้วยว่าพระเยซูคือพระคริสต์, พระผู้เป็นเจ้านิรันดร์, และทรงแสดงองค์ให้ประจักษ์แก่ประชาชาติทั้งปวง.’ (หน้าชื่อเรื่องของพระคัมภีร์มอรมอน) …

“ถ้าพระคัมภีร์มอรมอนจริง โจเซฟ สมิธย่อมเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า เพราะท่านเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในการตีแผ่ประจักษ์พยานนี้และความเป็นพระเจ้าของพระเจ้าของเรา …

“ถ้าพระคัมภีร์มอรมอนจริง ศาสนจักรย่อมจริง เพราะสิทธิอำนาจเดียวกับที่นำบันทึกศักดิ์สิทธิ์นี้ออกมายังคงอยู่และประจักษ์ชัดในหมู่พวกเราในปัจจุบัน พระผู้ช่วยให้รอดในปาเลสไตน์ทรงจัดเตรียมการฟื้นฟูศาสนจักร พระผู้ช่วยให้รอดทรงจัดเตรียมการฟื้นฟูศาสนจักรเมื่อพระองค์เสด็จเยือนทวีปนี้ดังที่อธิบายไว้ในบันทึกศักดิ์สิทธิ์นี้” (The Power of the Book of Mormon, Ensign, June 1988, 6)

ท่านอาจจะถามคำถามต่อไปนี้

  • เหตุใดจึงสำคัญที่ผู้สนใจ ผู้สอนศาสนา และสมาชิกจะได้รับประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน

  • ความจริงของพระคัมภีร์มอรมอนยืนยันอย่างไรว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า (ดู มัทธิว 7:13-15)

  • ประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนช่วยยืนยันแก่ใจท่านอย่างไรถึงความสำคัญนิรันดร์ของการฟื้นฟู

ท่านอาจจะแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านเองว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นหลักฐานยืนยันความจริงของการฟื้นฟู สรุปบทเรียนโดยเชื้อเชิญให้นักเรียนสองสามคนแบ่งปันประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนและอธิบายว่าเหตุใดพวกเขาจึงตื่นเต้นที่จะได้ช่วยให้คนอื่นๆ อ่านและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน

การเชื้อเชิญให้ปฏิบัติ

เตือนผู้มุ่งหวังจะเป็นผู้สอนศาสนาว่าวิธีเตรียมเป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาที่ดีที่สุดคือเริ่มทำงานเผยแผ่ศาสนาตั้งแต่บัดนี้ เชื้อเชิญให้สมาชิกชั้นเรียนตั้งเป้าหมายส่วนตัวว่าจะทำดังต่อไปนี้

  • อ่านพระคัมภีร์มอรมอนทั้งเล่มและสวดอ้อนวอนให้รู้ความจริงของพระคัมภีร์เล่มนี้ แม้จะเคยทำเช่นนั้นมาแล้วในอดีต

  • สร้างนิสัยของการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนทุกวัน

  • แนะนำให้บางคนรู้จักพระคัมภีร์มอรมอนระหว่างสัปดาห์ที่จะมาถึง (เป็นส่วนตัวหรือผ่านสื่อสังคม) เชื้อเชิญให้พวกเขาอ่านและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์เล่มนี้