7
การสอนข่าวสารเรื่องการฟื้นฟู (ตอน 1)
คำนำ
ศาสดาพยากรณ์ในทุกสมัยการประทานสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์โดยช่วยให้บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าเข้าใจความจริงนิรันดร์และได้รับชีวิตนิรันดร์ หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ความจริงของพระกิตติคุณและสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตหายไปจากแผ่นดินโลก ส่งผลให้เกิดการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่ การฟื้นฟูยุคสุดท้ายเอาชนะผลของการละทิ้งความเชื่อและสถาปนาศาสนจักรของพระคริสต์บนแผ่นดินโลกอีกครั้ง ผู้มุ่งหวังจะเป็นผู้สอนศาสนาควรเข้าใจอย่างชัดเจนถึงแนวคิดเรื่องการละทิ้งความเชื่อและการฟื้นฟูอีกทั้งควรพร้อมอธิบายอย่างเรียบง่ายและเป็นพยานถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยพลัง
การเตรียมล่วงหน้า
-
ศึกษา สั่งสอนกิตติคุณของเรา หน้า 31–35
-
เตรียมฉายวีดิทัศน์เรื่อง “การละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่” (16:33) มีอยู่ที่ LDS.org
-
เตรียมสำเนา “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” ให้นักเรียนแต่ละคน
ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเรา
เริ่มชั้นเรียนโดยให้นักเรียนพิจารณากรณีศึกษาต่อไปนี้
คืนนี้ก่อนเข้านอน ท่านได้รับข้อความจากเพื่อนที่ท้อแท้และสงสัยว่าพระผู้เป็นเจ้ามีจริงไหมและพระองค์ทรงห่วงใยเราหรือไม่ เพื่อนของท่านถามว่า “คุณเชื่อไหมว่าพระผู้เป็นเจ้ามีจริง คุณเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้ามีลักษณะอย่างไร”
เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันว่าพวกเขาจะตอบเพื่อนว่าอย่างไร จากนั้นให้บอกชั้นเรียนว่าบทเรียนวันนี้เน้นหลักคำสอนและหลักธรรมบางประการในบทเรียนผู้สอนศาสนาบทแรก รวมทั้งพระลักษณะของพระบิดาบนสวรรค์
ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงหัวข้อ “พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่เปี่ยมด้วยความรักของเรา” ในหน้า 31-32ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา เชื้อเชิญให้นักเรียนขีดเส้นใต้หรือใช้ปากกาเน้นข้อความตรงวลีที่พวกเขาจะใช้ช่วยให้คนบางคนเข้าใจพระลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าดีขึ้นว่าทรงเป็นพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเรา
ให้เวลานักเรียนสองสามนาทีค้นคว้าข้อพระคัมภีร์สามถึงสี่ข้อดังระบุไว้ในกรอบ ศึกษาพระคัมภีร์ หน้า 32 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา ให้พวกเขาพิจารณาว่าข้อเหล่านี้จะช่วยตอบคำถามของคนที่มีคำถามเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าดังในกรณีศึกษาตอนต้นบทเรียนอย่างไร ท่านอาจกระตุ้นให้นักเรียนใช้ปากกาเน้นข้อความที่ข้อหนึ่งหรือมากกว่านั้นในพระคัมภีร์ของพวกเขาหรือเขียนไว้ตรงช่องว่างริมหน้า สั่งสอนกิตติคุณของเราของพวกเขา จากนั้นให้ถามว่า
-
อะไรจะเป็นข้อสรุปสั้นๆ ของหลักคำสอนสำคัญที่สุดที่ท่านอ่านใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา และในข้อพระคัมภีร์ (คำตอบอาจได้แก่หลักคำสอนที่ว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาบนสวรรค์ที่ทรงรักเราและทรงปรารถนาให้เราทุกคนกลับไปอยู่กับพระองค์)
-
เหตุใดจึงสำคัญที่แต่ละบุคคลต้องเข้าใจหลักธรรมนี้ก่อนจะเรียนหลักธรรมอื่น
พระกิตติคุณเป็นพรแก่ครอบครัว
ให้นักเรียนอ่านหัวข้อ “พระกิตติคุณเป็นพรแก่ครอบครัว” ในหน้า 32 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา ในใจและสรุปบทบาทของบ้านกับครอบครัวในแผนแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้า หลังจากพวกเขามีเวลาอ่านแล้ว ให้พวกเขาแบ่งปันข้อสรุปของตนเอง (ข้อสรุปอาจได้แก่หลักคำสอนที่ว่า ครอบครัวได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าและเป็นส่วนหนึ่งในแผนของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อนำความสุขมาให้บุตรธิดาของพระองค์ เขียนหลักธรรมตัวหนาไว้บนกระดาน)
ขณะประเมินความต้องการของนักเรียนและมีเวลา ท่านอาจนำเสนอกิจกรรมต่อไปนี้ ดึงความสนใจของนักเรียนไปยังบรรทัดสุดท้ายที่พวกเขาอ่านใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา “พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยแผนแห่งความสุขสำหรับบุคคลและครอบครัวโดยผ่านศาสดาพยากรณ์ในทุกยุคสมัยรวมทั้งสมัยของเราด้วย”
เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจดีขึ้นว่าเหตุใดความจริงดังกล่าวจึงสำคัญในโลกทุกวันนี้ ให้ดูสำเนา “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” หรือแจกสำเนาให้นักเรียน จากนั้นให้นักเรียนใช้เวลาสองสามนาทีอ่านถ้อยแถลงและระบุวลีหรือหลักธรรมที่ช่วยให้เราเข้าใจบทบาทของการแต่งงานและครอบครัวดีขึ้นในแผนของพระบิดาบนสวรรค์ ให้นักเรียนคนหนึ่งเขียนบนกระดาน
ให้ดูคำพูดอ้างอิงต่อไปนี้จากประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง:
“จุดประสงค์สูงสุดของปฏิปักษ์ผู้ ‘เดือดดาลอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย’ (วิวรณ์ 12:12) คือขัดขวาง ก่อกวน ทำลายบ้านและครอบครัว” (“The Father and the Family,” Ensign, May 1994, 19)
ถามนักเรียนว่า
-
เหตุใด “จุดประสงค์สูงสุด” ของปฏิปักษ์คือทำลายบ้านและครอบครัว (บ้านเป็น “สถานที่สอน เรียนรู้ และประยุกต์ใช้หลักธรรมพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ได้ดีที่สุด”)
-
แนวโน้มทางโลกอะไรบ้างที่ต่อต้านแผนของพระบิดาบนสวรรค์สำหรับการแต่งงาน บ้าน และครอบครัว (หมายเหตุ: อย่าใช้เวลาสนทนาแนวโน้มเหล่านี้มาก แค่ระบุและใช้คำแนะนำต่อจากนั้นเพื่อเน้นเฉพาะแผนของพระบิดาบนสวรรค์สำหรับครอบครัวก็พอ)
เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันว่าพวกเขาจะใช้ “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” อย่างไรในสถานการณ์การสอนเพื่อแยกแยะระหว่างแผนของพระบิดาบนสวรรค์กับแนวโน้มทางโลกที่ต่อต้านแผนของพระองค์สำหรับการแต่งงาน บ้าน และครอบครัว
อธิบายให้นักเรียนฟังว่าบางคนที่พวกเขาพบมีทัศนะต่างออกไปหรือต่อต้านคำสอนของศาสนจักรเกี่ยวกับการแต่งงาน บ้าน และครอบครัว แบ่งปันประจักษ์พยานของท่านว่าเมื่อผู้สอนศาสนาใช้พระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์สอน พวกเขาจะได้รับการนำทางจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยคนที่พวกเขาสอนให้เข้าใจบทบาทของการแต่งงาน บ้าน และครอบครัวดีขึ้นในแผนของพระบิดาบนสวรรค์สำหรับบุตรธิดาของพระองค์
ศาสดาพยากรณ์และสมัยการประทาน
อธิบายให้นักเรียนฟังว่าวิธีสำคัญวิธีหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงความรักต่อเราคือการเรียกศาสดาพยากรณ์ ให้ดูคำพูดอ้างอิงต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง และให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง ให้นักเรียนมองหาพรที่มาถึงผู้ทำตามศาสดาพยากรณ์
“เราอาจถามว่า ‘มีสักเสียงหนึ่งไหมที่จะให้คำแนะนำเราชัดเจนเพื่อให้เราทราบว่าควรทำอะไรในโลกที่วุ่นวายทุกวันนี้’ คำตอบคือ มี เสียงนั้นคือเสียงของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตและอัครสาวก …
“พี่น้องทั้งหลาย การมีศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางเราไม่ใช่เรื่องเล็ก พรวิเศษสุดและสำคัญยิ่งเข้ามาในชีวิตเราเมื่อเราฟังพระวจนะของพระเจ้าที่ประทานแก่เราผ่านศาสดาพยากรณ์ … เมื่อเราได้ยินคำแนะนำของพระเจ้าผ่านถ้อยคำของประธานศาสนจักร เราควรตอบรับทันทีด้วยความยินดี เรื่องราวในอดีตแสดงให้เห็นว่ามีความปลอดภัย สันติ ความรุ่งเรือง และความสุขในการตอบรับคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์เช่นนีไฟสมัยก่อนตอบรับ ‘ข้าพเจ้าจะไปและทำสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา’ (1 นีไฟ 3:7) …
“วันนี้ข้าพเจ้าขอสัญญากับท่าน เป็นคำสัญญาที่เรียบง่ายแต่จริง ถ้าท่านจะฟังศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตและอัครสาวกและเอาใจใส่คำแนะนำของเรา ท่านจะไม่ออกนอกทาง” (“เจ้าจะรับคำของเรา,” เลียโฮนา, ก.ค. 2001, 94-95)
หลังจากอ่านคำพูดอ้างอิงแล้ว ให้ถามว่า
-
พรใดมาถึงคนที่ทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้า
ให้เวลานักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:37-38ในใจสักครู่ จากนั้นให้ถามว่า
-
ข้อนี้สอนอะไรเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์และคำแนะนำของพวกท่าน
-
ท่านนึกออกไหมเวลาที่การทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าเป็นพรแก่ชีวิตท่าน
ให้นักเรียนอ่านออกเสียงย่อหน้าแรกใต้หัวข้อ “พระบิดาบนสวรรค์ทรงเปิดเผยพระกิตติคุณของพระองค์ในทุกสมัยการประทาน” ในหน้า 32 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา ช่วยให้นักเรียนค้นพบหลักคำสอนที่สอนในย่อหน้านั้นโดยถามว่า
-
เราสามารถเรียนรู้หลักคำสอนอะไรบ้างเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์ในย่อหน้านี้ (แม้จะมีหลักธรรมหลายข้อที่นักเรียนอาจแบ่งปัน แต่จงช่วยให้พวกเขาค้นพบหลักคำสอนที่ว่า ศาสดาพยากรณ์เรียนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์โดยการเปิดเผย ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการสอนคนอื่นๆ และเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์)
ท่านอาจจะใช้แบบจำลองการอบรมเอ็มทีซีเมื่อท่านช่วยนักเรียนสอนความสำคัญของศาสดาพยากรณ์ อธิบายให้นักเรียนฟังว่าพวกเขาควรอ่านนิยามของศาสดาพยากรณ์ใน หน้า 44 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา จากนั้นเตรียมแสดงบทบาทสมมติว่ากำลังสอนผู้สนใจเรื่องศาสดาพยากรณ์ จากนั้นให้สาธิตการแสดงบทบาทสมมติโดยสอนสมาชิกชั้นเรียนเรื่องศาสดาพยากรณ์ ต่อจากนั้นให้นักเรียนหาคู่ฝึกบทบาทสมมติ โดยจินตนาการว่านักเรียนที่รับการสอนไม่ได้เป็นสมาชิกแต่เคยได้ยินว่าศาสนจักรมีศาสดาพยากรณ์เป็นผู้นำ นักเรียนที่แสดงเป็นผู้สอนควรอธิบายพอสังเขปว่าศาสดาพยากรณ์คืออะไรและแสดงประจักษ์พยานเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบัน จากนั้นให้นักเรียนที่รับการสอนประเมินคู่ของตนโดยบอกสิ่งที่พวกเขาพบว่ามีความหมายและสร้างแรงบันดาลใจมากที่สุดเกี่ยวกับการนำเสนอ ให้นักเรียนฝึกสอนอีกครั้ง โดยแสดงบทบาทสลับกันเพื่อให้นักเรียนอีกคนมีโอกาสสอนและรับคำติชม
ให้นักเรียนหลายๆ คนผลัดกันอ่านออกเสียงสี่ย่อหน้าสุดท้ายใน หน้า 33 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา ให้นักเรียนที่เหลือดูตาม โดยมองหาความสัมพันธ์ระหว่างศาสดาพยากรณ์ การละทิ้งความเชื่อ และสมัยการประทาน หากจำเป็น เชื้อเชิญให้นักเรียนศึกษา “สมัยการประทาน” ในคู่มือพระคัมภีร์ด้วย ช่วยนักเรียนสนทนาความจริงที่พบในย่อหน้าเหล่านี้โดยถามคำถามต่อไปนี้
-
เหตุใดจึงเป็นประโยชน์ถ้าผู้สนใจเข้าใจว่าทุกสมัยการประทานก่อนหน้านี้สิ้นสุดลงในการละทิ้งความเชื่อ
-
พระผู้เป็นเจ้าทรงทำอะไรตลอดประวัติศาสตร์เพื่อยุติช่วงเวลาของการละทิ้งความเชื่อ การเข้าใจรูปแบบดังกล่าวเตรียมผู้สนใจให้พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูพระกิตติคุณผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธอย่างไร
หากเวลาเอื้ออำนวย ท่านอาจให้เวลานักเรียนสองสามนาทีฝึกอธิบายเนื้อหาใน หน้า 33 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเราให้กันฟัง กระตุ้นให้พวกเขารวมคำว่า การละทิ้งความเชื่อ สมัยการประทาน และ ศาสดาพยากรณ์ไว้ในคำอธิบายของพวกเขาด้วย
การปฏิบัติศาสนกิจบนแผ่นดินโลกและการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด
ให้นักเรียนดูภาพใน หน้า 34 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา ซึ่งเป็นภาพพระเยซูคริสต์ทรงวางมือแต่งตั้งอัครสาวกสิบสอง ถามนักเรียนว่า
-
พระเยซูคริสต์ทรงทำสิ่งใดบ้างเพื่อสถาปนาศาสนจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลกในสมัยของพระองค์ (ท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านหัวข้อ การปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดบนแผ่นโลกและการชดใช้” ในหน้า 34 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา ในใจไว้สำหรับอ้างอิง)
-
การปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดและการปฏิเสธพระองค์ในท้ายที่สุดเป็นไปตามรูปแบบที่สถาปนาไว้ในสมัยการประทานก่อนๆ อย่างไร (ก่อนการประสูติของพระเยซูคริสต์ ผู้คนอยู่ในสภาพของการละทิ้งความเชื่อ พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นฟูพระกิตติคุณบนแผ่นดินโลก เฉกเช่นโนอาห์ อับราฮัม และโมเสสทำในสมัยการประทานก่อนหน้านี้ หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์และอัครสาวก บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าตกไปสู่สภาพของการละทิ้งความเชื่ออีกครั้งจนกว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงเรียกศาสดาพยากรณ์มาฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์)
การละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่
เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความจำเป็นของการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ดีขึ้น ให้เขียนคำถามต่อไปนี้ไว้บนกระดาน
ให้นักเรียนมองหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ในสองย่อหน้าแรกของหัวข้อ “การละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่” ในหน้า 35 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้นักเรียนตอบคำถามบนกระดาน นักเรียนพึงเข้าใจว่า หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์และอัครสาวก การเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีสิทธิอำนาจทำให้หลักคำสอนและแนวทางปฏิบัติของศาสนจักรเสื่อมสลายจนสุดท้ายนำไปสู่การถอนกุญแจและสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตไปจากแผ่นดินโลก
เชื้อเชิญให้นักเรียนศึกษาพระคัมภีร์หลายๆ ข้อในใจ ดังระบุไว้ในกรอบ ศึกษาพระคัมภีร์ ด้านล่างของหน้า 35 ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา ให้นักเรียนค้นดูว่าผู้เขียนพระคัมภีร์พยากรณ์ว่าในที่สุดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ หลังจากให้เวลานักเรียนศึกษาพอสมควรแล้ว ให้พวกเขาแบ่งปันสิ่งที่พบกับสมาชิกชั้นเรียนอีกคนหนึ่ง ท่านอาจจะเขียนคำตอบบางข้อไว้บนกระดานแล้วเขียนสรุปดังนี้ คำพยากรณ์สมัยโบราณบอกล่วงหน้าว่าจะมีการละทิ้งความจริงทั่วโลก
แบ่งนักเรียนออกเป็นคู่ๆ และแนะนำให้พวกเขาเตรียมสอนบทเรียนสี่ถึงห้านาทีด้วยกันเกี่ยวกับการละทิ้งความเชื่อ อธิบายว่าการสอนของพวกเขาควรเรียบง่าย ชัดเจน และเน้นที่ผู้รับการสอน ให้นักเรียนใช้เนื้อหาใน หน้า 35 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา (หรือพวกเขาอาจจะใช้จุลสารผู้สอนศาสนาชื่อว่า การฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์) กระตุ้นให้แต่ละคู่แบ่งปันพระคัมภีร์หนึ่งหรือสองข้อเกี่ยวกับการละทิ้งความเชื่อและอธิบายความหมาย
หลังจากให้เวลานักเรียนเตรียมพอสมควรแล้ว ให้แต่ละคู่สอนอีกคู่หนึ่ง เมื่อนักเรียนสอนเสร็จแล้ว ให้กลุ่มสนทนาดังนี้ ท่านทำอะไรได้ดีในบทเรียนของท่าน ท่านจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้าง อะไรมีประสิทธิภาพที่สุดในการช่วยให้คนอื่นๆ เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการสิ้นชีวิตของเหล่าอัครสาวก
จากนั้นให้สลับบทบาทและให้คู่ที่รับการสอนเป็นคนสอนอีกคู่ ท่านต้องให้เวลาพวกเขาให้และรับคำติชม
หลังจากนักเรียนทุกคนมีโอกาสสอนแล้ว ให้สมาชิกชั้นเรียนแบ่งปันข้อคิดจากประสบการณ์ของพวกเขากับนักเรียนที่เหลือ
เพื่อยกตัวอย่างผลกระทบที่การละทิ้งความเชื่อมีต่อโลกและเตรียมนักเรียนให้พร้อมเรียนบทต่อไปเกี่ยวกับการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ให้ฉายวีดิทัศน์เรื่อง “การละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่” (16:33) ขณะดูวีดิทัศน์ ขอให้นักเรียนพิจารณาว่าพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์เอาชนะผลของการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่อย่างไร
หลังจากดูวีดิทัศน์จบแล้ว ให้ถามว่า
-
การฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เอาชนะผลของการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่ในด้านใด
-
ขณะดูเรื่องราวการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ ท่านมีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับโอกาสในการแบ่งปันข่าวสารเรื่องการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์กับคนอื่นๆ
สรุปโดยถามนักเรียนว่ามีใครต้องการแสดงประจักษ์พยานเกี่ยวกับการฟื้นฟูพระกิตติคุณบ้างหรือไม่
การเชื้อเชิญให้ปฏิบัติ
เชื้อเชิญให้นักเรียนทบทวนหลักคำสอนในบทเรียนนี้โดยทำกิจกรรมที่เสนอแนะต่อไปนี้หนึ่งอย่างหรือมากกว่านั้น
-
ใช้ข้อมูลใน Topical Guide “Apostasy of the Early Christian Church,” ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่ ใช้สมุดบันทึกการศึกษาจดข้อพระคัมภีร์ที่ท่านจะใช้สอนเรื่องการละทิ้งความเชื่อ
-
ศึกษาและไตร่ตรองบทความ Gospel Topics เรื่อง “Are Mormons Christian?” ที่ lds.org/topics
-
ในการเตรียมสอนครั้งต่อไป ให้เริ่มท่องจำคำพรรณนาของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับนิมิตแรกดังที่พบใน หน้า 37 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:16-19ด้วย)