มัทธิว 11:27; ยอห์น 5:19, 30; ยอห์น 8:18–28
“พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้”
พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นพยานว่าเราจะรู้จักพระบิดาบนสวรรค์ได้ดียิ่งขึ้นโดยการศึกษาแบบอย่างของพระบุตรของพระองค์ ทุกสิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัสและทรงทำตามแบบอย่างของพระบิดา พระองค์ตั้งพระทัยนำเรามาสู่พระบิดาอย่างเต็มที่ บทเรียนนี้จะช่วยให้ท่านเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงเป็นอย่างไรและทรงรู้สึกอย่างไรกับท่าน
กิจกรรมการเรียนรู้ที่อาจทำได้
การรู้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์
พิจารณาเหตุการณ์สมมุติต่อไปนี้
ในการประชุมศีลระลึกไม่นานมานี้ คลอดิโอได้ยินสมาชิกในวอร์ดเขาประกาศว่า “ดิฉันรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักและรักดิฉัน พระองค์ทรงตระหนักถึงความต้องการของดิฉันและพยายามช่วยเหลือดิฉัน” คลอดิโอรู้สึกประหลาดใจและสงสัยว่าเธอรู้ทุกอย่างนี้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์ได้อย่างไร เมื่อเขาใคร่ครวญสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์โดยส่วนตัว เขารู้สึกว่าเขารู้ไม่มากนัก เขาถึงกับพยายามค้นดูในพระคัมภีร์และไม่ประสบความสำเร็จมากนักเช่นกัน
-
บางครั้งเราอาจรู้สึกเหมือนคลอดิโอในทางใดบ้าง?
-
ความรู้สึกที่เราไม่รู้จักพระบิดาบนสวรรค์หรือแม้แต่รู้เกี่ยวกับพระองค์จะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเราได้อย่างไร?
พิจารณาสิ่งที่ท่านเรียนรู้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และความรู้นั้นมีอิทธิพลต่อท่านอย่างไร เขียนคำว่า “พระบิดาบนสวรรค์” ตรงกลางกระดาษหรือในสมุดบันทึกการศึกษาของท่าน ให้เขียนสิ่งที่ท่านรู้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์รอบถ้อยคำตรงกลาง
-
การรู้จักพระบิดาบนสวรรค์อย่างลึกซึ้งมากขึ้นอาจมีอิทธิพลต่อชีวิตของใครบางคนอย่างไร?
ขณะท่านศึกษาบทเรียนนี้ ให้มองหาความจริงเกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรของพระองค์ที่จะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นว่าทั้งสองพระองค์ทรงเป็นอย่างไรและทรงรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับท่าน ท่านอาจเพิ่มสิ่งที่เรียนรู้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์ลงในกระดาษพระเยซูคริสต์ตรัสถึงพระบิดาอย่างสม่ำเสมอและตรัสด้วยจุดประสงค์ที่สำคัญ อ่านข้อความต่อไปนี้และมองหาสิ่งที่พระเยซูทรงต้องการให้ผู้ติดตามพระองค์รู้เกี่ยวกับพระองค์และพระบิดาบนสวรรค์
มัทธิว 11:27 (พร้อมกับการแก้ไขงานแปลของโจเซฟ สมิธว่าพวกเขาผู้ที่พระบุตรจะทรงเผยพระองค์เองจะเห็นพระบิดาเช่นกัน)
-
ท่านจะสรุปสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนจากสิ่งที่ท่านอ่านอย่างไร?
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายวิธีสำคัญวิธีหนึ่งที่เราจะรู้จักพระบิดาบนสวรรค์ได้มากขึ้น
จุดประสงค์อันล้ำเลิศมากมายที่สำเร็จในพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจของพระเจ้าพระเยซูคริสต์นั้น มีภารกิจสำคัญด้านหนึ่งที่มักไม่ใคร่มีใครกล่าวถึง ผู้ติดตามพระองค์ไม่เข้าใจภารกิจดังกล่าวอย่างถ่องแท้ในตอนนั้น และคริสต์ศาสนิกชนจำนวนมากในยุคปัจจุบันก็ไม่เข้าใจ แต่พระผู้ช่วยให้รอดตรัสย้ำเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง นั่นคือความจริงอันยิ่งใหญ่ที่ว่า ในทุกสิ่งที่พระเยซูเสด็จมาเพื่อตรัสและทำ รวมถึงและโดยเฉพาะในการทนทุกข์เพื่อชดใช้และการพลีพระชนม์ชีพของพระองค์นั้น พระองค์ทรงแสดงให้เราเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเราทรงเป็นใครและทรงเป็นอย่างไร พระองค์ทรงทุ่มเทกับลูกๆ ของพระองค์มากเพียงใดในทุกยุคทุกสมัยและในทุกประเทศ พระเยซูทรงพยายามเปิดเผยและทรงทำให้พระลักษณะที่แท้จริงของพระบิดาของพระองค์ พระบิดาในสวรรค์ของเราเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทั้งในคำพูดและการกระทำ
(เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “ความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2003, 84)
-
ท่านเรียนรู้อะไรจากข้อความของเอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์?
หลักธรรมหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้คือ พระวจนะและการกระทำของพระเยซูคริสต์แสดงให้เราเห็นถึงพระอุปนิสัยของพระบิดาบนสวรรค์
-
ท่านเห็นความจริงนี้สอนในพระวจนะของพระผู้ช่วยให้รอดที่ท่านเพิ่งอ่านไปอย่างไร?
เอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์อธิบายมากขึ้นเกี่ยวกับความจริงนี้
เมื่อพระคริสต์ทรงให้อาหารคนหิวโหย รักษาคนป่วย ตำหนิความหน้าซื่อใจคด วิงวอนขอศรัทธา—นี่คือพระคริสต์ผู้ทรงกำลังแสดงให้เราเห็นทางของพระบิดาผู้ทรง “เปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณา กริ้วช้า อดทนนาน และเปี่ยมด้วยพระกรุณาธิคุณ” ในพระชนม์ชีพของพระองค์และโดยเฉพาะในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ พระคริสต์ทรงประกาศว่า “นี่คือพระเมตตา ของพระผู้เป็นเจ้า ที่เราแสดงให้ท่านเห็น เช่นเดียวกับพระเมตตาของเราเอง” การที่พระบุตรผู้ทรงดีพร้อมทรงแสดงให้เห็นความห่วงใยของพระบิดาผู้ทรงดีพร้อม ในความทุกข์และความเศร้าโศกของทั้งสองพระองค์เพราะบาปและความปวดร้าวใจของเรา ทำให้เราเข้าใจความหมายสูงสุดของคำประกาศที่ว่า “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น” [ ยอห์น 3:16–17 ]
(เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “ความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2003, 86–87)
เลือกเรื่องราวที่ท่านโปรดปรานเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ในพระคัมภีร์ เขียนข้ออ้างอิงพระคัมภีร์และสรุปข้อความ จากนั้นให้ตอบคำถามต่อไปนี้
-
ท่านเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรกับท่านจากสิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัสหรือทรงทำในเรื่องราวนี้?
-
การรู้สิ่งนี้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของท่านกับพระองค์อย่างไร?
-
การมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่านี้กับพระบิดาบนสวรรค์จะช่วยท่านอย่างไร?
แสวงหาแรงบันดาลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ขณะท่านวางแผนโดยย่อว่าท่านจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพระบิดาบนสวรรค์อย่างไร และเขียนลงในสมุดบันทึกการศึกษาของท่าน
บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง
การรู้จักพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้นจะมีอิทธิพลต่อฉันได้อย่างไร?
ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ (1805–1844) สอนดังนี้
หาก [บุคคล] ไม่เรียนรู้มากไปกว่าการกิน ดื่ม และนอนหลับ และไม่เข้าใจแผนงานใดๆ ของพระผู้เป็นเจ้า สัตว์ก็เข้าใจอย่างเดียวกัน มันกิน ดื่ม นอนหลับ และไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้ามากกว่านั้น แต่มันรู้เท่ากับเรา เว้นแต่เราจะสามารถเข้าใจได้ด้วยการดลใจของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ หาก [ผู้คน] ไม่เข้าใจพระอุปนิสัยของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาย่อมไม่เข้าใจตนเอง
(คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 41)