“บทที่ 3: บทเรียน 2—แผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์” สั่งสอนกิตติคุณของเรา: คู่มือแนะแนวการแบ่งปันพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ (2023)
“บทที่ 3: บทเรียน 2” สั่งสอนกิตติคุณของเรา
บทที่ 3: บทเรียน 2
แผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์
พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ช่วยเราตอบคำถามสำคัญๆ ของจิตวิญญาณ เราเรียนรู้ผ่านพระกิตติคุณเกี่ยวกับอัตลักษณ์อันสูงส่งและศักยภาพนิรันดร์ของเราในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้า พระกิตติคุณให้ความหวังและช่วยให้เราพบสันติ ความสุข และความหมาย การดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณช่วยให้เราเติบโตและพบความเข้มแข็งเมื่อเราประสบความท้าทายของชีวิต
พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้ลูกๆ ของพระองค์ได้สิ่งที่ดีที่สุดและทรงปรารถนาจะประทานพรยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์แก่เรา ซึ่งคือความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ (ดู โมเสส 1:39; หลักคำสอนและพันธสัญญา 14:7) เพราะทรงรักเราพระองค์จึงทรงจัดเตรียมแผนให้เราได้รับพรเหล่านี้ ในพระคัมภีร์เรียกแผนนี้ว่าแผนแห่งความรอด แผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุข และแผนแห่งการไถ่ (ดู แอลมา 42:5, 8, 11, 13, 15, 16, 31)
ในแผนของพระผู้เป็นเจ้า เราแต่ละคนเดินทางผ่านชีวิตก่อนเกิด การเกิด ชีวิตมรรตัย การตาย และชีวิตหลังความตาย พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีระหว่างการเดินทางนี้เพื่อว่าหลังจากเราตายแล้วเราจะได้กลับไปที่ประทับของพระองค์และได้รับความสมบูรณ์แห่งปีติ
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางในแผนของพระผู้เป็นเจ้า โดยผ่านการชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ พระเยซูทรงทำให้เราแต่ละคนได้รับความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์
ในช่วงชีวิตเราบนโลกนี้ เราจำชีวิตก่อนเกิดไม่ได้ และไม่เข้าใจชีวิตหลังความตายอย่างถ่องแท้ แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยความจริงมากมายเกี่ยวกับส่วนต่างๆ เหล่านี้ของการเดินทางนิรันดร์ของเรา ความจริงเหล่านี้ให้ความรู้มากพอที่เราจะเข้าใจจุดประสงค์ของชีวิต ประสบปีติ และมีความหวังว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น ความรู้นี้เป็นขุมทรัพย์อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำทางเราขณะอยู่บนโลกนี้
ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน
หมวดนี้ให้โครงร่างตัวอย่างที่จะช่วยท่านเตรียมสอน นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างคำถามและคำเชื้อเชิญให้ท่านใช้ด้วย
ขณะที่ท่านเตรียมสอน จงพิจารณาสถานการณ์และความต้องการทางวิญญาณของแต่ละคนร่วมกับการสวดอ้อนวอน ตัดสินใจว่าจะสอนอะไรที่เป็นประโยชน์มากที่สุด เตรียมนิยามคำศัพท์ที่ผู้คนอาจจะไม่เข้าใจ วางแผนตามเวลามากน้อยที่ท่านจะมีโดยจำไว้ว่าบทเรียนต้องกระชับ
เลือกข้อพระคัมภีร์ที่ท่านจะใช้สอน หมวด “พื้นฐานหลักคำสอน” ของบทเรียนจะมีพระคัมภีร์หลายข้อที่เป็นประโยชน์
พิจารณาว่าจะถามคำถามใดขณะสอน วางแผนให้คำเชื้อเชิญที่จะกระตุ้นแต่ละคนให้ลงมือปฏิบัติ
เน้นพรที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้ และแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านสอน
สิ่งที่ท่านอาจจะสอนใน 15–25 นาที
เลือกสอนหลักธรรมต่อไปนี้หนึ่งข้อหรือมากกว่านั้นเกี่ยวกับแผนแห่งความรอด พื้นฐานหลักคำสอนของแต่ละหลักธรรมจะอยู่หลังจากโครงร่างนี้
ชีวิตก่อนเกิด: จุดประสงค์และแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับเรา
-
เราทุกคนเป็นลูกทางวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างเราตามรูปลักษณ์ของพระองค์
-
เราอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าก่อนเราเกิดบนโลกนี้ เราเป็นสมาชิกครอบครัวของพระองค์ พระองค์ทรงรู้จักและทรงรักแต่ละคน
-
พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงจัดเตรียมแผนสำหรับความสุขและความก้าวหน้าของเราในชีวิตนี้และในนิรันดร
-
ในชีวิตก่อนเกิด เราเลือกทำตามแผนของพระผู้เป็นเจ้า นี่หมายถึงการมาโลกนี้เพื่อเราจะเดินก้าวต่อไปในความก้าวหน้านิรันดร์ของเรา
-
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางในแผนของพระผู้เป็นเจ้า ทรงทำให้เราได้ความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์
การสร้าง
-
พระเยซูคริสต์ทรงสร้างแผ่นดินโลกภายใต้การกำกับดูแลของพระผู้เป็นเจ้า
การตกของอาดัมกับเอวา
-
อาดัมกับเอวาเป็นลูกทางวิญญาณสองคนแรกของพระผู้เป็นเจ้าที่มาโลกนี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างร่างกายและวางพวกท่านไว้ในสวนเอเดน
-
อาดัมกับเอวาล่วงละเมิด ถูกขับออกจากสวน และถูกแยกจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า เหตุการณ์นี้เรียกว่าการตก
-
หลังการตก อาดัมกับเอวาเป็นมนุษย์ที่ตายได้ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถเรียนรู้ ก้าวหน้า และมีลูก พวกเขาประสบความเศร้าโศก บาป และความตายด้วย
-
การตกเป็นความก้าวหน้าขั้นหนึ่งสำหรับมนุษย์ การตกทำให้เราได้เกิดบนโลกนี้และก้าวหน้าในแผนของพระบิดาบนสวรรค์
ชีวิตเราบนโลกนี้
-
ในแผนของพระผู้เป็นเจ้าเราต้องมาโลกนี้เพื่อรับร่างกาย เรียนรู้ และเติบโต
-
บนโลกนี้เราเรียนรู้ที่จะเดินด้วยศรัทธา แต่พระบิดาบนสวรรค์ไม่ทรงปล่อยเราไว้ตามลำพัง ทรงจัดเตรียมของประทานและเครื่องนำทางมากมายไว้ช่วยเรากลับไปที่ประทับของพระองค์
การชดใช้ของพระเยซูคริสต์
-
เราแต่ละคนทำบาป และเราแต่ละคนจะตาย เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเรา พระองค์จึงทรงส่งพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์มาโลกนี้เพื่อไถ่เราจากบาปและความตาย
-
เพราะการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ เราจึงได้รับการอภัยบาปและสะอาดจากบาป ใจเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อเรากลับใจ นี่ทำให้เราได้กลับไปที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและรับความสมบูรณ์แห่งปีติ
-
เพราะการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู เราทุกคนจึงจะฟื้นคืนชีวิตหลังจากเราตาย นี่หมายความว่าวิญญาณกับร่างกายของแต่ละคนจะรวมกันใหม่ และเราแต่ละคนจะมีชีวิตตลอดไปในร่างกายที่ฟื้นคืนชีวิตแล้วและสมบูรณ์แบบ
-
พระเยซูคริสต์ทรงให้การปลอบโยน ความหวัง และการเยียวยา การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์เป็นการแสดงความรักขั้นสูงสุดของพระองค์ ความอยุติธรรมทั้งหลายในชีวิตจะได้รับการแก้ไขผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์
โลกแห่งวิญญาณ
-
เมื่อร่างกายเราตาย วิญญาณเราจะอยู่ต่อไปในโลกวิญญาณ นี่เป็นสถานะชั่วคราวของการเรียนรู้และการเตรียมพร้อมก่อนการฟื้นคืนชีวิต
-
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มีสอนในโลกวิญญาณ และเราสามารถเติบโตก้าวหน้าต่อไปได้
การฟื้นคืนชีวิต ความรอด และความสูงส่ง
-
หลังจากเวลาของเราในโลกวิญญาณ การฟื้นคืนชีวิตคือขั้นต่อไปในการเดินทางนิรันดร์ของเรา
-
การฟื้นคืนชีวิตคือการรวมกันใหม่ของวิญญาณกับร่างกาย เราแต่ละคนจะฟื้นคืนชีวิตและมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ เราจะมีชีวิตตลอดไป นี่เกิดขึ้นได้โดยการชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอด
การพิพากษาและอาณาจักรแห่งรัศมีภาพ
-
เมื่อเราฟื้นคืนชีวิต พระเยซูคริสต์จะทรงเป็นผู้พิพากษาเรา ลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับที่แห่งหนึ่งในอาณาจักรแห่งรัศมีภาพโดยมีข้อยกเว้นน้อยมาก
-
ถึงแม้เราทุกคนจะฟื้นคืนชีวิต แต่ใช่ว่าเราทุกคนจะได้รับรัศมีภาพนิรันดร์เดียวกัน พระเยซูจะทรงพิพากษาเราตามศรัทธา การทำงาน และการกลับใจของเราในความเป็นมรรตัยและในโลกวิญญาณ เราสามารถกลับไปอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าได้ถ้าเราซื่อสัตย์
คำถามที่ท่านอาจจะถามผู้คน
คำถามต่อไปนี้เป็นตัวอย่างมที่ท่านอาจจะถามผู้คน คำถามเหล่านี้จะช่วยให้ท่านมีการสนทนาที่มีความหมาย และเข้าใจความต้องการและมุมมองของบุคคล
-
คุณรู้สึกว่าอะไรคือจุดประสงค์ของชีวิต?
-
อะไรทำให้คุณมีความสุข?
-
ความท้าทายใดที่คุณต้องการให้พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเหลือคุณ?
-
คุณได้เรียนรู้อะไรจากความท้าทายที่คุณเคยประสบ?
-
คุณรู้อะไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์? พระชนม์ชีพและพระพันธกิจของพระองค์ส่งผลต่อชีวิตคุณอย่างไร?
คำเชื้อเชิญที่ท่านอาจจะให้
-
คุณจะสวดอ้อนวอนทูลขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เราสอนเป็นความจริง? (ดู “ข้อคิดในการสอน: การสวดอ้อนวอน” ในหมวดสุดท้ายของบทเรียน 1)
-
คุณจะไปโบสถ์กับเราวันอาทิตย์นี้เพื่อเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เราสอนไปแล้วหรือไม่?
-
คุณจะอ่านพระคัมภีร์มอรมอนและสวดอ้อนวอนให้รู้ว่านี่เป็นวจนะของพระผู้เป็นเจ้าไหม? (ท่านอาจจะแนะให้อ่านบทหรือข้อที่กำหนด)
-
คุณจะทำตามแบบอย่างของพระเยซูและรับบัพติศมาหรือไม่? (ดู “การเชื้อเชิญให้รับบัพติศมาและการยืนยัน” ซึ่งอยู่ก่อนบทเรียน 1)
-
เราขอกำหนดเวลาเยี่ยมครั้งหน้าได้ไหม?
พื้นฐานหลักคำสอน
หมวดนี้จัดเตรียมหลักคำสอนและข้อพระคัมภีร์ให้ท่านศึกษาเพื่อเสริมความรู้และประจักษ์พยานของท่านในพระกิตติคุณและช่วยท่านสอน
ชีวิตก่อนเกิด: จุดประสงค์และแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับเรา
เราเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า แลเราอยู่กับพระองค์ก่อนเราเกิด
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาของวิญญาณเรา เราเป็นลูกของพระองค์จริงๆ และทรงสร้างตามรูปลักษณ์ของพระองค์ เราแต่ละคนมีธรรมชาติอันสูงส่งในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้า ความรู้นี้จะช่วยให้เราผ่านช่วงเวลายากๆ ได้และดลใจเราให้เป็นคนดีที่สุด
เราเคยอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าเป็นลูกทางวิญญาณของพระองค์ก่อนเกิดบนโลกนี้ เราเป็นสมาชิกครอบครัวของพระองค์
“อัตลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่เราทุกคนมีร่วมกันในเวลานี้และตลอดไป อัตลักษณ์ที่เราไม่ควรมองข้าม และเราควรสำนึกคุณ คือท่านเป็นบุตรหรือธิดาของพระผู้เป็นเจ้าเสมอมาและยังเป็นอยู่ผู้มีรากเหง้าทางวิญญาณในนิรันดร
“… การเข้าใจความจริงนี้—เข้าใจและน้อมรับจริงๆ—คือการเปลี่ยนชีวิต ให้อัตลักษณ์พิเศษที่ไม่มีใครสามารถพรากไปจากท่านได้ แต่มากกว่านั้นคือจะให้ความรู้สึกว่าท่านมีค่ามหาศาลและสำนึกในคุณค่าอันไม่สิ้นสุดของตน สุดท้ายคือให้จุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ สูงส่ง และมีค่าในชีวิตท่าน” (เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Children of Heavenly Father” [การให้ข้อคิดทางวิญญาณมหาวิทยาลัยบริคัมยังก์, 3 มี.ค. 2020], 2, speeches.byu.edu)
เราทุกคนเลือกมาโลกนี้
พระบิดาบนสวรรค์ทรงรักเราและทรงปรารถนาให้เราเป็นเหมือนพระองค์ พระองค์ทรงเป็นองค์สูงส่งมีพระวรกายอันทรงรัศมีภาพ
ในชีวิตก่อนเกิด เราเรียนรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีแผนให้เราเป็นเหมือนพระองค์ แผนส่วนหนึ่งของพระองค์คือให้เราจากบ้านบนสวรรค์มาโลกนี้เพื่อรับร่างกาย เราต้องได้รับประสบการณ์และพัฒนาศรัทธาในช่วงเวลาอยู่ห่างจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าด้วย เราจะจำตอนอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ แต่พระองค์จะทรงจัดเตรียมสิ่งที่เราต้องการเพื่อเราจะได้กลับไปอยู่กับพระองค์
สิทธิ์เสรี หรือเสรีภาพและความสามารถในการเลือก เป็นส่วนจำเป็นในแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับเรา ในชีวิตก่อนเกิด เราแต่ละคนเลือกทำตามแผนของพระผู้เป็นเจ้าและมาโลกนี้เพื่อเราจะเดินก้าวต่อไปในความก้าวหน้านิรันดร์ของเรา เราเข้าใจว่าขณะอยู่ที่นี่ เราจะมีโอกาสใหม่ๆ มากมายให้เติบโตและประสบปีติ เราเข้าใจเช่นกันว่าเราจะพบเจอการต่อต้าน เราจะประสบการล่อลวง การทดลอง ความเศร้าโศก และความตาย
ในการเลือกมาโลกนี้ เราวางใจในความรักและความช่วยเหลือของพระผู้เป็นเจ้า เราวางใจในแผนของพระองค์สำหรับความรอดของเรา
พระบิดาบนสวรรค์ทรงเลือกพระเยซูคริสต์ให้ไถ่เรา
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางในแผนของพระผู้เป็นเจ้า ก่อนมาโลกนี้เรารู้ว่าเราจะกลับไปที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าด้วยตนเองไม่ได้ พระบิดาบนสวรรค์ทรงเลือกพระเยซูคริสต์พระบุตรหัวปีมาทำให้เราได้กลับไปหาพระองค์และมีชีวิตนิรันดร์
พระเยซูเต็มพระทัยยอมรับ ทรงยินดีมาโลกนี้และไถ่เราผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ การชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์จะเปิดทางให้บรรลุจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับเรา
การสร้าง
แผนของพระบิดาบนสวรรค์จัดเตรียมไว้สำหรับการสร้างโลกให้ลูกทางวิญญาณได้มารับร่างกายและรับประสบการณ์ ชีวิตเราบนโลกจำเป็นสำหรับเราเพื่อจะก้าวหน้าและเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า
ภายใต้การกำกับดูแลของพระบิดาบนสวรรค์ พระเยซูคริสต์ทรงสร้างโลกและสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ต่อจากนั้นพระบิดาบนสวรรค์ทรงสร้างชายและหญิงตามรูปลักษณ์ของพระองค์เอง การสร้างเป็นการแสดงความรักพระผู้เป็นเจ้าและความปรารถนาของพระองค์ที่จะให้เรามีโอกาสเติบโต
การตกของอาดัมกับเอวา
ก่อนการตก
อาดัมกับเอวาเป็นลูกทางวิญญาณสองคนแรกของพระบิดาบนสวรรค์ที่มาโลกนี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างร่างกายของพวกท่านตามรูปลักษณ์ของพระองค์และวางพวกท่านไว้ในสวนเอเดน ในสวนพวกท่านไร้เดียงสา และพระผู้เป็นเจ้าทรงจัดเตรียมให้ตามความต้องการของพวกท่าน
ขณะอาดัมกับเอวาอยู่ในสวน พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไม่ให้กินผลของต้นไม้แห่งความรู้ถึงความดีและความชั่ว ถ้าเชื่อฟังพระบัญชานี้ พวกท่านจะยังอยู่ในสวน แต่พวกท่านจะไม่สามารถก้าวหน้าได้ด้วยการเรียนรู้จากสิ่งตรงกันข้ามและความท้าทายของชีวิตมรรตัยได้ พวกท่านจะไม่สามารถรู้จักปีติเพราะจะไม่ประสบความโศกเศร้าและความเจ็บปวด
ซาตานล่อลวงอาดัมกับเอวาให้กินผลไม้ต้องห้าม และพวกท่านเลือกทำตาม เพราะการเลือกนี้ พวกท่านจึงถูกขับออกจากสวนและแยกจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า เหตุการณ์นี้เรียกว่าการตก
หลังการตก
หลังการตก อาดัมกับเอวาเป็นมนุษย์ที่ตายได้ ไม่อยู่ในสถานะไร้เดียงสาอีก แต่เข้าใจและประสบทั้งความดีและความชั่ว พวกท่านสามารถใช้สิทธิ์เสรีเลือกระหว่างสองอย่างนี้ เพราะอาดัมกับเอวาพบเจอสิ่งตรงกันข้ามและความท้าทาย พวกท่านจึงสามารถเรียนรู้และก้าวหน้า เพราะประสบความเศร้าโศก พวกท่านจึงประสบปีติเช่นกัน (ดู 2 นีไฟ 2:22–25)
แม้มีความยากลำบาก แต่อาดัมกับเอวารู้สึกว่าการเป็นมนุษย์เป็นพรใหญ่หลวง พรประการหนึ่งคือพวกท่านจะมีลูกได้ นี่เตรียมทางให้ลูกทางวิญญาณคนอื่นๆ ของพระผู้เป็นเจ้าได้มาโลกนี้และรับร่างกาย
ทั้งอาดัมกับเอวาชื่นชมยินดีเกี่ยวกับพรของการตก เอวากล่าวว่า “หากมิใช่เพราะการล่วงละเมิดของเรา เราจะไม่มีวันได้มี [ลูก], และจะไม่มีวันรู้ความดีและความชั่ว, และปีติของการไถ่ของเรา, และชีวิตนิรันดร์ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ปวงชนที่เชื่อฟัง” (โมเสส 5:11; ดู ข้อ 10 ด้วย)
ชีวิตเราบนแผ่นดินโลก
หลายคนสงสัยว่า “ทำไมฉันอยู่บนโลกนี้?” ชีวิตเราบนโลกเป็นส่วนจำเป็นในแผนของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อความเจริญก้าวหน้านิรันดร์ของเรา จุดประสงค์สูงสุดของเราคือเตรียมกลับไปที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและรับความสมบูรณ์แห่งปีติ ด้านล่างสรุปบางด้านที่ชีวิตบนโลกเตรียมเราให้พร้อมรับ
รับร่างกาย
จุดประสงค์หนึ่งของการมาโลกนี้คือรับร่างกายให้วิญญาณเราอยู่ ร่างกายของเราเป็นงานสร้างศักดิ์สิทธิ์และน่าอัศจรรย์ของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อมีร่างกายเราสามารถทำ เรียนรู้ และประสบหลายสิ่งหลายอย่างที่วิญญาณเราทำไม่ได้ เราสามารถก้าวหน้าในด้านที่เราทำไม่ได้เมื่อเป็นวิญญาณ
เพราะร่างกายเราต้องตาย เราจึงประสบความเจ็บปวด โรคภัยไข้เจ็บ และการทดลองอื่นๆ ประสบการณ์เหล่านี้สามารถช่วยให้เราเรียนรู้ความอดทน ความเห็นใจ และคุณสมบัติที่ดีงามอื่นๆ ทั้งยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ปีติของเราด้วย การเลือกสิ่งถูกต้องเมื่อเลือกได้ยากมักจะทำให้ศรัทธา ความหวัง และจิตกุศลกลายเป็นอุปนิสัยส่วนหนึ่งของเรา
ฝึกใช้สิทธิ์เสรีอย่างฉลาด
อีกจุดประสงค์หนึ่งของความเป็นมรรตัยคือฝึกใช้สิทธิ์เสรีของเราอย่างฉลาด—เลือกสิ่งถูกต้อง การฝึกใช้สิทธิ์เสรีของเราอย่างฉลาดจำเป็นต่อการเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า
พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงสอนเราว่าอะไรถูกต้องและประทานพระบัญญัติเพื่อนำทางเราไปหาความสุข ซาตานล่อลวงเราให้ทำผิดเพราะต้องการให้เราเศร้าหมองเหมือนเขา เราพบเจอสิ่งตรงกันข้ามระหว่างความดีกับความชั่ว ซึ่งจำเป็นต่อการฝึกใช้สิทธิ์เสรีของเรา (ดู 2 นีไฟ 2:11)
เมื่อเราเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าเราย่อมเติบโตและได้รับพรที่ทรงสัญญาไว้ เมื่อเราไม่เชื่อฟังเราทำให้ตนเองเหินห่างจากพระองค์และได้รับผลของบาป แม้บางครั้งไม่เห็นเป็นเช่นนั้น แต่บาปนำไปสู่ความทุกข์ในท้ายที่สุดเสมอ บ่อยครั้งพรของการเชื่อฟัง—และผลของบาป—ไม่ประจักษ์ทันทีหรือไม่เห็นทันตา แต่มีผลแน่นอนเพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรม
แม้เมื่อเราทำดีที่สุดแล้วเราทุกคนก็ยังทำบาปและ “เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” (โรม 3:23) เพราะรู้เช่นนี้พระบิดาบนสวรรค์จึงทรงเตรียมทางให้เรากลับใจเพื่อเราจะได้กลับไปหาพระองค์
การกลับใจนำเดชานุภาพของพระผู้ไถ่ของเราพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตเรา (ดู ฮีลามัน 5:11) เมื่อเรากลับใจเราสะอาดจากบาปผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเยซูคริสต์และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ดู 3 นีไฟ 27:16–20) เราประสบปีติผ่านการกลับใจ ทางกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์เปิดให้เราเพราะพระองค์ทรงเมตตา (ดู “การกลับใจ” ในบทเรียน 3)
ฝึกดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา
อีกจุดประสงค์หนึ่งของชีวิตนี้คือรับประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ผ่านการแยกจากพระบิดาบนสวรรค์เท่านั้น เพราะไม่เห็นพระองค์เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา (ดู 2 โครินธ์ 5:6–7)
พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงปล่อยให้เราเดินทางครั้งนี้ตามลำพัง พระองค์ทรงจัดเตรียมพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ทรงนำทาง เพิ่มพลัง และชำระเราให้บริสุทธิ์ ทรงจัดเตรียมพระคัมภีร์ ศาสดาพยากรณ์ การสวดอ้อนวอน และพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ให้เราเช่นกัน
ทุกส่วนของประสบการณ์มรรตัยของเรา—ปีติและความเศร้าโศก ความสำเร็จและอุปสรรค—จะช่วยให้เราเติบโตขณะเตรียมกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า
การชดใช้ของพระเยซูคริสต์
เพราะการตกของอาดัมและเอวา เราทุกคนจึงอยู่ภายใต้บาปและความตาย เราจะเอาชนะผลของบาปและความตายด้วยตัวเราเองไม่ได้ ในแผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์ พระองค์ทรงเตรียมทางให้เอาชนะผลของการตกเพื่อเราจะกลับไปหาพระองค์ได้ ก่อนสร้างโลก พระองค์ทรงเลือกพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา
เฉพาะพระเยซูคริสต์เท่านั้นทรงไถ่เราจากบาปและความตายได้ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรจริงๆ ของพระผู้เป็นเจ้า ทรงดำเนินพระชนม์ชีพไร้บาปและทรงเชื่อฟังพระบิดาอย่างครบถ้วน ทรงพร้อมและเต็มพระทัยทำตามพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์
การชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดรวมถึงการทนทุกข์ในเกทเสมนี การทนทุกข์และการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ พระองค์ทรงทนทุกข์เกินความเข้าใจ—มากถึงขนาดพระโลหิตออกจากทุกรูขุมขน (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:18)
การชดใช้ของพระเยซูคริสต์เป็นเหตุการณ์อันรุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ทั้งหมด พระเยซูทรงทำให้แผนของพระบิดาเกิดผลผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ เราคงจะหมดหนทางหากไม่มีการชดใช้ของพระเยซูคริสต์พราะเราจะช่วยตนเองให้รอดจากบาปและความตายไม่ได้ (ดู แอลมา 22:12–15)
การพลีพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการแสดงความรักขั้นสูงสุดของพระองค์ต่อพระบิดาและต่อเรา “ความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก” ของความรักของพระคริสต์อยู่เหนือความเข้าใจของเรา (เอเฟซัส 3:18; ดู ข้อ 19 ด้วย)
พระเยซูคริสต์ทรงเอาชนะความตายแทนทุกคน
เมื่อพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน วิญญาณของพระองค์แยกออกจากร่างกายของพระองค์ ในวันที่สาม วิญญาณกับร่างกายของพระองค์มารวมกันใหม่ ไม่แยกจากกันอีกเลย พระองค์ทรงปรากฏต่อคนจำนวนมาก ทรงแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพระองค์ทรงมีพระวรกายเป็นเนื้อหนังและกระดูก การรวมกันใหม่ของวิญญาณกับร่างกายเช่นนี้เรียกว่าการฟื้นคืนชีวิต
เพราะเป็นมนุษย์เราแต่ละคนจึงจะตาย แต่เพราะพระเยซูทรงเอาชนะความตาย ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้จึงจะฟื้นคืนชีวิต การฟื้นคืนชีวิตเป็นของขวัญจากพระเจ้าสำหรับทุกคน ประทานผ่านพระเมตตาและพระคุณแห่งการไถ่ของพระผู้ช่วยให้รอด วิญญาณและร่างกายของแต่ละคนจะรวมกันใหม่ และเราแต่ละคนจะมีชีวิตตลอดไปในร่างกายที่ฟื้นคืนชีวิตแล้วและสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ใช่เพราะพระเยซูคริสต์ ความตายคงทำให้หมดสิ้นความหวังที่จะได้อยู่กับพระบิดาบนสวรรค์ในอนาคต (ดู 2 นีไฟ 9:8–12)
พระเยซูทรงทำให้เราสะอาดจากบาป
เพื่อเข้าใจความหวังที่เราจะได้รับผ่านพระคริสต์ เราต้องเข้าใจกฎแห่งความยุติธรรม กฎนี้ไม่เปลี่ยนแปลงอันส่งผลต่อการกระทำของเรา การเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าส่งผลดี และการไม่เชื่อฟังส่งผลเสีย (ดู แอลมา 42:14–18) เมื่อเราทำบาปเราไม่สะอาดทางวิญญาณ และสิ่งไม่สะอาดจะอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ (ดู 3 นีไฟ 27:19)
ระหว่างการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงทำเพื่อเรา ทรงทนทุกข์ และทรงรับโทษบาปของเรา (ดู 3 นีไฟ 27:16–20) แผนของพระผู้เป็นเจ้าคือประทานอำนาจให้พระเยซูคริสต์วิงวอนแทนเรา—ทรงอยู่ระหว่างเรากับความยุติธรรม (ดู โมไซยาห์ 15:9) เพราะการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเยซู พระองค์จึงทรงสามารถเรียกร้องสิทธิ์แห่งความเมตตาให้เราเมื่อเราใช้ศรัทธาจนถึงการกลับใจ (ดู โมโรไน 7:27; หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:3–5) “ดังนี้ความเมตตาจะสนองข้อเรียกร้องแห่งความยุติธรรมได้, และล้อม [เรา] ไว้ในพระพาหุแห่งความปลอดภัย” (แอลมา 34:16)
โดยผ่านของประทานแห่งการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดและการกลับใจของเราเท่านั้นเราจึงจะสามารถกลับไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าได้ เมื่อเรากลับใจ เราได้รับการอภัยและสะอาดทางวิญญาณ เราหลุดพ้นจากภาระของความรู้สึกผิดเพราะบาปของเรา จิตวิญญาณที่บาดเจ็บของเราได้รับการเยียวยา เราเปี่ยมด้วยปีติ (ดู แอลมา 36:24)
ถึงแม้เราไม่ดีพร้อมและทำผิดพลาดอีก แต่มีพระคุณ ความรัก และความเมตตาในพระเยซูคริสต์มากกว่ามีความล้มเหลว ความบกพร่อง หรือบาปในเรา พระผู้เป็นเจ้าทรงพร้อมและทรงต้องการจะโอบกอดเราเสมอเมื่อเราหันมาหาพระองค์และกลับใจ (ดู ลูกา 15:11–32) ไม่มีสิ่งใดและไม่มีใคร “สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้” (โรม 8:39)
พระเยซูทรงรับเอาความเจ็บปวด ความทุกข์ และความทุพพลภาพของเราไว้กับพระองค์
ในการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ พระเยซูคริสต์ทรงรับเอาความเจ็บปวด ความทุกข์ และความทุพพลภาพของเราไว้กับพระองค์ เพราะเหตุนี้พระองค์จึงทรงทราบ “ตามเนื้อหนังว่าจะทรงช่วยผู้คนของพระองค์ตามความทุพพลภาพของพวกเขาได้อย่างไร” (แอลมา 7:12; ดู ข้อ 11 ด้วย) พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เรา “มาหาพระองค์” และเมื่อเรามา พระองค์จะประทานความพักผ่อน ความหวัง ความเข้มแข็ง มุมมอง และการเยียวยาแก่เรา (มัทธิว 11:28; ดู ข้อ 29–30 ด้วย)
เมื่อเราพึ่งพาพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ พระองค์จะทรงช่วยให้เราอดทนต่อการทดลอง ความเจ็บป่วย และความเจ็บปวดของเราได้ เราจะเปี่ยมด้วยปีติ สันติ และความสบายใจ ความอยุติธรรมทั้งหลายในชีวิตจะแก้ไขได้ผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์
โลกวิญญาณ
หลายคนสงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้นหลังจากฉันตาย?” แผนแห่งความรอดให้คำตอบสำคัญๆ บางอย่างของคำถามนี้
ความตายเป็นส่วนหนึ่งใน “แผนซึ่งเต็มไปด้วยพระเมตตา” ของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับเรา (2 นีไฟ 9:6) ความตายเป็นขั้นตอนถัดไปในความก้าวหน้านิรันดร์ของเราไม่ใช่จุดจบของการดำรงอยู่ของเรา เพื่อเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าเราต้องประสบกับความตาย แล้วรับร่างกายที่ฟื้นคืนชีวิตและสมบูรณ์แบบในภายหลัง
เมื่อร่างกายเราตาย วิญญาณเราจะอยู่ต่อไปในโลกวิญญาณ นี่เป็นสภาพชั่วคราวของการเรียนรู้และการเตรียมตัวก่อนการฟื้นคืนชีวิตและการพิพากษาครั้งสุดท้าย ความรู้ของเราจากชีวิตมรรตัยจะยังอยู่กับเรา
ในโลกวิญญาณ คนที่ยอมรับและดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ถูกรับ “เข้าในสภาพแห่งความสุข, ซึ่งเรียกว่าเมืองบรมสุขเกษม” (แอลมา 40:12) เด็กเล็กถูกรับเข้าในเมืองบรมสุขเกษมด้วยเมื่อพวกเขาตาย
วิญญาณในเมืองบรมสุขเกษมจะอยู่อย่างสงบไม่มีความกังวลใจและความเศร้าโศก พวกเขาจะเติบโตทางวิญญาณต่อไปโดยทำงานของพระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น พวกเขาจะสอนพระกิตติคุณให้กับคนที่ไม่ได้รับในช่วงชีวิตมรรตัย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:32–37, 57–59)
ในโลกวิญญาณคนที่ไม่สามารถรับพระกิตติคุณบนโลกนี้ หรือเลือกไม่ทำตามพระบัญญัติ จะประสบข้อจำกัดบางอย่าง (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:6–37; แอลมา 40:6–14) แต่เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรมและเมตตา พวกเขาจะมีโอกาสเรียนรู้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ถ้ายอมรับและกลับใจ พวกเขาจะได้รับการไถ่จากบาป (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:58; ดู 138:31–35; 128:22 ด้วย) และจะต้อนรับพวกเขาเข้าสู่ความสงบสุขของเมืองบรมสุขเกษม ในที่สุดพวกเขาจะได้รับที่ในอาณาจักรแห่งรัศมีภาพตามการเลือกที่พวกเขาทำในความเป็นมรรตัยและในโลกวิญญาณ
เรายังอยู่ในโลกวิญญาณจนกว่าเราจะฟื้นคืนชีวิต
การฟื้นคืนชีวิต ความรอด และความสูงส่ง
การฟื้นคืนชีวิต
แผนของพระผู้เป็นเจ้าทำให้เราได้เติบโตและได้รับชีวิตนิรันดร์ หลังจากเวลาของเราในโลกวิญญาณ การฟื้นคืนชีวิตเป็นขั้นตอนถัดไปในการเติบโตนั้น
การฟื้นคืนชีวิตเป็นการรวมกันใหม่ของร่างกายกับวิญญาณ เราแต่ละคนจะฟื้นคืนชีวิต นี่เกิดขึ้นได้โดยการชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอด (ดู แอลมา 11:42–44)
เมื่อเราฟื้นคืนชีวิต เราแต่ละคนจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีความเจ็บปวดและความเจ็บป่วย เราจะเป็นอมตะ มีชีวิตอยู่ตลอดไป
ความรอด
เพราะเราทุกคนจะฟื้นคืนชีวิต เราทุกคนจึงจะรอด–หรือได้รับความรอด–จากความตายทางร่างกาย ของประทานนี้มอบให้เราผ่านพระคุณของพระเยซูคริสต์
เราจะรอด—หรือได้รับความรอด—จากผลที่กฎแห่งความยุติธรรมเรียกร้องสำหรับบาปของเราเช่นกัน ของประทานนี้เกิดขึ้นได้ผ่านความดีงามและความเมตตาของพระเยซูคริสต์เมื่อเรากลับใจ (ดู แอลมา 42:13–15, 21–25)
ความสูงส่ง
ความสูงส่งหรือชีวิตนิรันดร์คือสภาพสูงสุดของความสุขและรัศมีภาพในอาณาจักรซีเลสเชียล ความสูงส่งเป็นของขวัญที่มีเงื่อนไข ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนว่า “เงื่อนไขตามคุณสมบัติเหล่านั้นได้แก่ศรัทธาในพระเจ้า การกลับใจ บัพติศมา การรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ การซื่อสัตย์ต่อศาสนพิธีและพันธสัญญาของพระวิหาร” (“Salvation and Exaltation,” Liahona, May 2008, 9)
ความสูงส่งหมายถึงการอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าตลอดไปในครอบครัวนิรันดร์ คือการรู้จักพระผู้เป็นเจ้าและพระเยซูคริสต์ เป็นเหมือนพระองค์ และประสบชีวิตที่พระองค์ทรงประสบ
การพิพากษาและอาณาจักรแห่งรัศมีภาพ
หมายเหตุ: เมื่อสอนเรื่องอาณาจักรแห่งรัศมีภาพครั้งแรก ให้สอนในระดับพื้นฐานตามความต้องการและความเข้าใจของบุคคล
เมื่อเราฟื้นคืนชีวิตพระเยซูคริสต์จะทรงเป็นผู้พิพากษาที่เที่ยงธรรมและเมตตา เราแต่ละคนจะได้รับที่ในอาณาจักรแห่งรัศมีภาพโดยมีข้อยกเว้นน้อยมาก ถึงแม้เราทุกคนจะฟื้นคืนชีวิต แต่ทุกคนจะได้รับรัศมีภาพนิรันดร์ไม่เหมือนกัน (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:22–24, 29–34; 130:20–21; 132:5)
คนที่ไม่มีโอกาสเข้าใจและเชื่อฟังกฎของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มที่ในช่วงชีวิตมรรตัยจะได้รับโอกาสนั้นในโลกวิญญาณ พระเยซูจะทรงพิพากษาแต่ละคนตามศรัทธา งาน ความปรารถนา และการกลับใจของเขาในความเป็นมรรตัยและในโลกวิญญาณ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:32–34, 57–59)
พระคัมภีร์สอนเรื่องอาณาจักรแห่งรัศมีภาพซีเลสเชียล เทอร์เรสเตรียล และทีเลสเชียล แต่ละอาณาจักรเป็นการแสดงความรัก ความยุติธรรม และความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า
คนที่ใช้ศรัทธาในพระคริสต์ กลับใจจากบาป รับศาสนพิธีแห่งพระกิตติคุณ รักษาพันธสัญญา รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่จะรอดในอาณาจักรซีเลสเชียล อาณาจักรนี้จะรวมถึงคนที่ไม่มีโอกาสได้รับพระกิตติคุณในช่วงชีวิตมรรตัยด้วย แต่ “จะรับไว้ด้วยสุดใจของพวกเขา” ในโลกวิญญาณ (หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:8; ดู ข้อ 7 ด้วย) เด็กที่ตายก่อนถึงอายุที่รับผิดชอบได้ (แปดขวบ) จะรอดในอาณาจักรซีเลสเชียล (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:10)
ในพระคัมภีร์เปรียบเทียบอาณาจักรซีเลสเชียลกับรัศมีภาพหรือความเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:50–70)
คนที่ดำเนินชีวิตน่านับถือ “ผู้หาได้รับประจักษ์พยานถึงพระเยซูในเนื้อหนังไป, แต่ภายหลังรับ” จะได้รับที่ในอาณาจักรเทอร์เรสเตรียล (หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:74) คนเหล่านี้คือคนที่ไม่องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซู อาณาจักรนี้เปรียบได้กับรัศมีภาพของดวงจันทร์ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:71–80)
คนที่ดำเนินต่อไปในบาปของตนและไม่กลับใจในชีวิตนี้หรือไม่ยอมรับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในโลกวิญญาณจะได้รับรางวัลในอาณาจักรทีเลสเชียล อาณาจักรนี้เปรียบได้กับรัศมีภาพของดวงดาว (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:81–86)
โครงร่างบทเรียนขนาดสั้นถึงขนาดกลาง
โครงร่างต่อไปนี้เป็นตัวอย่างที่ท่านอาจจะสอนบางคนถ้าท่านมีเวลาเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อใช้โครงร่างนี้ ให้เลือกสอนหนึ่งหลักธรรมหรือมากกว่านั้น พื้นฐานหลักคำสอนของแต่ละหลักธรรมจะอยู่ต้นบทเรียน
ขณะสอน ให้ถามคำถามและฟัง ให้คำเชื้อเชิญที่จะช่วยให้ผู้คนเรียนรู้วิธีเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น คำเชื้อเชิญที่สำคัญเรื่องหนึ่งคือให้บุคคลพบกับท่านอีกครั้ง ความยาวของบทเรียนจะขึ้นอยู่กับคำถามที่ท่านถามและการฟังของท่าน
สิ่งที่ท่านอาจจะสอนใน 3–10 นาที
-
เราทุกคนเป็นลูกทางวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า เราเป็นสมาชิกครอบครัวของพระองค์ พระองค์ทรงรู้จักและทรงรักแต่ละคน
-
พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงจัดเตรียมแผนเพื่อความสุขและความก้าวหน้าของเราในชีวิตนี้และในนิรันดร
-
ในแผนของพระผู้เป็นเจ้าเราต้องมาโลกนี้เพื่อรับร่างกาย เรียนรู้ และเติบโต
-
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางในแผนของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทำให้เรามีชีวิตนิรันดร์ได้
-
พระเยซูทรงสร้างแผ่นดินโลกภายใต้การกำกับดูแลของพระผู้เป็นเจ้า
-
ประสบการณ์ของเราบนโลกนี้มุ่งหมายจะช่วยเราเตรียมกลับไปที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า
-
เราแต่ละคนทำบาป และเราแต่ละคนจะตาย เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเรา พระองค์จึงทรงส่งพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์มาโลกนี้เพื่อไถ่เราจากบาปและความตาย
-
ความอยุติธรรมทั้งหลายในชีวิตจะได้รับการแก้ไขผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์
-
เมื่อร่างกายเราตาย วิญญาณเราจะอยู่ต่อไป ในที่สุดเราทุกคนจะฟื้นคืนชีวิต นี่หมายความว่าวิญญาณกับร่างกายของแต่ละคนจะรวมกันใหม่ และเราแต่ละคนจะมีชีวิตตลอดไปในร่างกายที่ฟื้นคืนชีวิตแล้วและสมบูรณ์แบบ
-
เมื่อเราฟื้นคืนชีวิต พระเยซูคริสต์จะทรงเป็นผู้พิพากษาเรา ลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับที่แห่งหนึ่งในอาณาจักรแห่งรัศมีภาพโดยมีข้อยกเว้นน้อยมาก เราสามารถกลับไปอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าได้ถ้าเราซื่อสัตย์