จงเป็นแบบอย่างและแสงสว่าง
เมื่อเราทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด เราจะมีโอกาสเป็นแสงสว่างในชีวิตผู้อื่น
พี่น้องทั้งหลาย ช่างดีเหลือเกินที่ได้อยู่กับท่านอีกครั้ง เท่าที่ท่านทราบ ตั้งแต่เราอยู่ด้วยกันในเดือนเมษายน เราเสียใจกับการสูญเสียอัครสาวกที่เรารักสามท่าน: ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ เอ็ลเดอร์ แอล. ทอม เพอร์รีย์ และเอ็ลเดอร์ริชาร์ด จี. สก็อตต์ พวกท่านได้กลับบ้านบนสวรรค์แล้ว เราคิดถึงพวกท่าน เราซาบซึ้งยิ่งนักต่อแบบอย่างความรักเฉกเช่นพระคริสต์และคำสอนที่ได้รับการดลใจซึ่งพวกท่านฝากไว้ให้เราทุกคน
เราขอต้อนรับอัครสาวกคนใหม่ล่าสุดด้วยใจจริง เอ็ลเดอร์โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์ เอ็ลเดอร์ แกรีย์ อี. สตีเวนสัน และเอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์ ท่านเหล่านี้อุทิศตนเพื่องานของพระเจ้า ท่านมีคุณสมบัติพร้อมจะรับตำแหน่งสำคัญซึ่งท่านได้รับเรียก
เมื่อเร็วๆ นี้ขณะข้าพเจ้าอ่านและไตร่ตรองพระคัมภีร์ มีสองข้ออยู่ในความคิดข้าพเจ้าเป็นพิเศษ สองข้อนั้นท่านรู้จักดี ข้อแรกมาจากคำเทศนาบนภูเขา “พวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์”1 ข้อที่สองเป็นข้อที่เข้ามาในความคิดข้าพเจ้าขณะไตร่ตรองความหมายของข้อแรก มาจากสาส์นของอัครสาวกเปาโลถึงทิโมธี “จงเป็นแบบอย่าง [ของ] บรรดาผู้เชื่อ ทั้งในด้านวาจาและการประพฤติ ทั้งในด้าน [จิตกุศล จิตใจ ศรัทธา] และความบริสุทธิ์”2
ข้าพเจ้าเชื่อว่าส่วนใหญ่ข้อที่สองอธิบายว่าเราจะทำข้อแรกให้สำเร็จได้อย่างไร เรากลายเป็นแบบอย่างของบรรดาผู้เชื่อโดยการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในด้านวาจา การประพฤติ จิตกุศล จิตใจ ศรัทธา และความบริสุทธิ์ เมื่อทำเช่นนั้นแสงสว่างของเราจะส่องให้คนอื่นเห็น
เราแต่ละคนมาแผ่นดินโลกโดยได้รับแสงสว่างของพระคริสต์ เมื่อเราทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดและดำเนินชีวิตตามที่พระองค์ทรงดำเนินและทรงสอน แสงสว่างนั้นจะรุ่มร้อนภายในเราและจะส่องทางให้ผู้อื่น
อัครสาวกเปาโลเขียนคุณลักษณะหกประการของผู้เชื่อ คุณลักษณะที่จะทำให้แสงสว่างของเราส่อง เราจะมาดูทีละประการ
ข้าพเจ้าจะพูดถึงคุณลักษณะสองประการแรกพร้อมกัน—การเป็นแบบอย่างด้านวาจาและการประพฤติ คำพูดที่เราใช้สามารถหนุนใจและสร้างแรงบันดาลใจ หรือไม่ก็ทำร้ายและลดเกียรติ ในโลกทุกวันนี้มีการลบหลู่มากมายซึ่งดูเหมือนจะอยู่เกือบทั่วทุกหัวระแหง ยากที่จะหลีกเลี่ยงการได้ยินคนใช้พระนามของพระผู้เป็นเจ้าตามอารมณ์โดยไม่คิด ดูเหมือนความเห็นหยาบคายกลายเป็นส่วนสำคัญของโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หนังสือ และเพลง มีการตอบโต้กันด้วยวาจาเกรี้ยวกราดและคำพูดสาดโคลน ขอให้เราพูดกับผู้อื่นด้วยความรักและความเคารพ คำพูดของเราต้องสะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงคำพูดหรือความเห็นที่จะทำร้ายจิตใจหรือทำให้โกรธ ขอให้เราทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดผู้ตรัสด้วยความอดกลั้นและความเมตตาตลอดการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์
คุณลักษณะต่อไปที่เปาโลพูดถึงคือจิตกุศล ซึ่งนิยามไว้ว่าเป็น “ความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์”3 ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่ามีคนหงอยเหงา คนเจ็บป่วย และคนที่รู้สึกท้อแท้อยู่ในแวดวงอิทธิพลของเรา เรามีโอกาสช่วยพวกเขาและหนุนใจพวกเขา พระผู้ช่วยให้รอดทรงนำความหวังมาให้คนสิ้นหวังและความเข้มแข็งมาให้คนอ่อนแอ พระองค์ทรงรักษาคนป่วย ทรงทำให้คนง่อยเดิน คนตาบอดมองเห็น คนหูหนวกได้ยิน แม้ถึงกับทำให้คนตายคืนชีพ ตลอดการปฏิบัติศาสนกิจพระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์ช่วยคนตกทุกข์ได้ยากด้วยจิตกุศล เมื่อเราทำตามแบบอย่างของพระองค์ เราจะเป็นพรแก่ชีวิต รวมทั้งชีวิตเราเอง
ต่อไป เราต้องเป็นแบบอย่างด้านจิตใจ สำหรับข้าพเจ้าหมายความว่าเราพยายามมีความเมตตา ความสำนึกคุณ การให้อภัย และไมตรีจิตในชีวิตเรา คุณสมบัติเหล่านี้จะให้จิตใจซึ่งจะสัมผัสชีวิตคนรอบข้าง ตลอดหลายปีข้าพเจ้ามีโอกาสคบหากับคนนับไม่ถ้วนผู้มีจิตใจเช่นนั้น เราประสบความรู้สึกพิเศษเมื่อเราอยู่กับพวกเขา ความรู้สึกที่ทำให้เราต้องการคบหากับพวกเขาและทำตามแบบอย่างของพวกเขา พวกเขาฉายแสงสว่างของพระคริสต์และช่วยให้เรารู้สึกว่าพระองค์ทรงรักเรา
เพื่ออธิบายว่าผู้อื่นรับรู้แสงสว่างซึ่งมาจากจิตใจที่บริสุทธิ์และมีความรักได้ ข้าพเจ้าจะเล่าประสบการณ์หนึ่งเมื่อหลายปีก่อน
เวลานั้นผู้นำของศาสนจักรเข้าพบข้าราชการในเยรูซาเล็มเพื่อทำสัญญาเช่าที่สำหรับสร้างศูนย์เยรูซาเล็มของศาสนจักร เพื่อให้ได้รับอนุญาตตามต้องการ ศาสนจักรต้องรับปากว่าจะไม่ให้สมาชิกที่อยู่ในศูนย์เผยแผ่ศาสนา หลังจากทำสัญญาดังกล่าว ข้าราชการชาวอิสราเอลคนหนึ่งซึ่งรู้จักศาสนจักรและสมาชิกดี กล่าวว่าเขารู้ว่าศาสนจักรจะทำตามสัญญาเรื่องไม่เผยแผ่ศาสนา “แต่” เขากล่าวขณะพูดถึงนักศึกษาที่จะไปเรียนที่นั่นว่า “เราจะทำอย่างไรกับแสงสว่างที่อยู่ในดวงตาของพวกเขา”4 ขอให้แสงพิเศษนั้นส่องสว่างในเรา เพื่อคนอื่นๆ จะรับรู้และเห็นคุณค่า
การเป็นแบบอย่างของศรัทธาหมายความว่าเราวางใจพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ หมายความว่าเราครอบครองและเราบำรุงเลี้ยงความเชื่อที่จะนำทางความนึกคิดและการกระทำของเรา ศรัทธาของเราในพระเจ้าพระเยซูคริสต์และในพระบิดาบนสวรรค์จะมีผลต่อทั้งหมดที่เราทำ ท่ามกลางความสับสนของยุคนี้ ความขัดแย้งของวิทยาศาสตร์ และความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน ศรัทธาอันแน่วแน่จะเป็นสมอของชีวิตเรา จำไว้ว่าศรัทธาและความสงสัยจะอยู่ในความคิดเดียวกันเวลาเดียวกันไม่ได้ เพราะอย่างหนึ่งจะทำให้อีกอย่างหมดไป ข้าพเจ้าขอย้ำสิ่งที่ได้ยินมาหลายครั้ง—ว่าเพื่อให้มีศรัทธาและจรรโลงศรัทธา เราต้องอ่าน ศึกษา และไตร่ตรองพระคัมภีร์ การสื่อสารกับพระบิดาบนสวรรค์ผ่านการสวดอ้อนวอนสำคัญยิ่ง เราจะละเลยสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เพราะปฏิปักษ์กับพรรคพวกของเขาพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อหาช่องโหว่ในยุทธภัณฑ์ของเรา หาความพลั้งพลาดในความศรัทธาของเรา พระเจ้าตรัสว่า “จงค้นหาอย่างขยันหมั่นเพียร, สวดอ้อนวอนเสมอ, และจงเชื่อ, และสิ่งทั้งปวงจะร่วมกันส่งผลเพื่อความดีของเจ้า.”5
สุดท้าย เราต้องบริสุทธิ์ ซึ่งหมายความว่าเราสะอาดในร่างกาย ความคิด และจิตใจ เรารู้ว่าร่างกายเราเป็นวิหาร ต้องปฏิบัติต่อร่างกายด้วยความเคารพ ความคิดของเราควรเต็มไปด้วยความนึกคิดที่สูงส่งและยกจิตใจ ปลอดจากสิ่งซึ่งจะทำให้มัวหมอง เพื่อให้มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนตลอดเวลา เราต้องมีค่าควร พี่น้องทั้งหลาย ความบริสุทธิ์จะทำให้เราเกิดสันติสุขในใจและจะทำให้เราคู่ควรได้รับสัญญาของพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ตรัสว่า “คนที่มีใจบริสุทธิ์ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า”6
เมื่อเราพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นแบบอย่างในด้านวาจา การประพฤติ จิตกุศล จิตใจ ศรัทธา และความบริสุทธ์ เราย่อมคู่ควรเป็นแสงสว่างส่องโลก
ข้าพเจ้าขอพูดกับทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาว ว่าขณะโลกออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ จากหลักธรรมและแนวทางซึ่งพระบิดาที่รักบนสวรรค์ประทานแก่เรา เราจะโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนเพราะเราแตกต่าง เราจะโดดเด่นเพราะเราแต่งกายสุภาพ เราจะแตกต่างเพราะเราไม่ใช้คำพูดหยาบคายและเพราะเราไม่เสพสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เราจะแตกต่างเพราะเราหลีกเลี่ยงคำตลกขบขันที่ไม่เหมาะสมและคำพูดที่เสื่อมเสีย เราจะแตกต่างเมื่อเราตัดสินใจไม่เติมความคิดเราด้วยการเลือกสื่อที่ต่ำช้าและต่ำทราม และที่จะขับไล่พระวิญญาณออกจากบ้านและชีวิตเรา เราจะโดดเด่นแน่นอนเมื่อเราทำการเลือกเกี่ยวกับศีลธรรม—การเลือกซึ่งสอดคล้องกับหลักธรรมและมาตรฐานพระกิตติคุณ สิ่งเหล่านั้นซึ่งทำให้เราต่างจากชาวโลกส่วนใหญ่ทำให้เรามีแสงสว่างนั้นและวิญญาณนั้นด้วยซึ่งจะส่องในโลกที่มืดมนลงทุกขณะ
การเป็นคนแตกต่างและโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนมักเป็นเรื่องยาก เรามักกลัวสิ่งที่คนอื่นคิดหรือพูด ถ้อยคำจากสดุดีปลอบโยนเรา “พระยาห์เวห์ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า? พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งแห่งชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเกรงผู้ใดเล่า?”7 เมื่อเราทำให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา ความกลัวของเราจะถูกแทนที่ด้วยความกล้าหาญอันเกิดจากความเชื่อมั่นของเรา
ไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ และบางครั้งการท้าทายและความยุ่งยากที่เราพบเจออาจท่วมท้น ทำให้แสงสว่างของเราริบหรี่ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพระบิดาบนสวรรค์ ควบคู่กับการสนับสนุนจากผู้อื่น เราจะได้แสงสว่างนั้นคืนซึ่งจะส่องทางให้เราอีกครั้งและให้แสงสว่างที่ผู้อื่นอาจต้องการ
เพื่ออธิบายเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจะแบ่งปันบทกวีโปรดและถ้อยคำกินใจที่ข้าพเจ้าอ่านครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน
ฉันพบชายแปลกหน้ายามราตรี
โคมไฟเขาดับแสง
ฉันหยุดจุดไฟให้
โคมเขาสว่างไสวด้วยไฟฉัน
ครั้นลมแรงกระโชกมา
พาเอาโลกสั่นไหว
เมื่อสายลมพัดผ่านไป
โคมไฟฉันพลันร้างรา!
พี่น้องทั้งหลาย โอกาสส่องสว่างอยู่รอบตัวเราทุกวัน ในทุกสภาวการณ์ที่เราพบเจอ เมื่อเราทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด เราจะมีโอกาสเป็นแสงสว่างในชีวิตผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกครอบครัวเราและมิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน แค่คนรู้จัก หรือคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง
ข้าพเจ้าพูดกับทุกท่านว่าท่านเป็นบุตรหรือธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ ท่านจากที่ประทับของพระองค์มาอยู่บนโลกนี้ช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อสะท้อนความรักและคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด และเพื่อให้แสงสว่างของท่านส่องให้ทุกคนเห็น เมื่อช่วงเวลานั้นบนโลกสิ้นสุดลง ถ้าท่านทำส่วนของท่าน ท่านจะได้รับพรประเสริฐของการกลับไปอยู่กับพระองค์ตลอดกาล
พระดำรัสของพระผู้ช่วยให้รอดทำให้เราเชื่อมั่นอีกครา “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”9 ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา พระผู้วิงวอนพระบิดาแทนเรา พระผู้ทรงเป็นแบบอย่างและพลังของเรา พระองค์ทรงเป็น “แสงสว่างซึ่งส่องในความมืด”10 ขอให้เราแต่ละคนที่ได้ยินเสียงข้าพเจ้าติดตามพระองค์ เพื่อเราจะเป็นแสงสว่างส่องโลก ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ แม้พระเยซูคริสต์ พระเจ้า เอเมน