2010–2019
ศรัทธาไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่โดยการเลือก
ตุลาคม 2015


15:1

ศรัทธาไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่โดยการเลือก

ศรัทธาในพระเยซูคริสต์เป็นของประทานจากสวรรค์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราเลือกที่จะเชื่อและเมื่อเราแสวงหาและยึดมั่นในศรัทธา

พระผู้ช่วยให้รอดทรงรับรู้ความเข้มแข็งหรือความอ่อนแอในศรัทธาของคนรอบข้างพระองค์ พระองค์ตรัสกับคนหนึ่งอย่างชื่นชมว่า “[ศรัทธา] ของท่านก็มาก”1 และทรงคร่ำครวญกับอีกคนหนึ่งว่า “พวกมี [ศรัทธา] น้อย”2 พระองค์ตรัสถามคนอื่นๆ ว่า “[ศรัทธา] ของท่านทั้งหลายอยู่ที่ไหน?”3 พระเยซูทรงยกย่องอีกคนหนึ่งว่า “เราไม่เคยพบศรัทธาที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล”4

ข้าพเจ้าถามตนเองว่า “พระผู้ช่วยให้รอดทรงมองศรัทธาของข้าพเจ้าอย่างไร” และคืนนี้ข้าพเจ้าถามท่านว่า “พระผู้ช่วยให้รอดทรงมองศรัทธาของท่านอย่างไร”

ศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ไม่ใช่สิ่งบอบบางล่องลอยไร้จุดหมายในอากาศ ศรัทธาไม่ตกมาถึงเราโดยบังเอิญหรืออยู่กับเราตามสิทธิกำเนิด แต่พระคัมภีร์กล่าวว่าศรัทธาเป็น “ความมั่นใจ … ความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น”5 ศรัทธาสาดส่องความสว่างทางวิญญาณ และความสว่างนั้นเล็งเห็นได้ชัดเจน6 ศรัทธาในพระเยซูคริสต์เป็นของประทานจากสวรรค์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราเลือกที่จะเชื่อ7 และเมื่อเราแสวงหาและยึดมั่นในศรัทธา ศรัทธาของท่านกำลังแรงกล้าขึ้นหรืออ่อนแอลง ศรัทธาเป็นหลักธรรมแห่งพลังอำนาจ มีความสำคัญไม่เฉพาะในชีวิตนี้เท่านั้น แต่ในความเจริญก้าวหน้าหลังม่านด้วย8 โดยพระคุณของพระคริสต์ สักวันหนึ่งเราจะรอดผ่านศรัทธาในพระนามของพระองค์9 อนาคตของศรัทธาท่านไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่โดยการเลือก

ศรัทธาของหนุ่มชาวบราซิล

หนึ่งเดือนก่อนในบราซิลข้าพเจ้าพบอารอลโด กาวาลกานเต เขารับบัพติศมาเมื่ออายุ 21 ปี เป็นสมาชิกศาสนจักรคนแรกในครอบครัว ศรัทธาของเขาโชติช่วง และเขาเริ่มเตรียมรับใช้งานเผยแผ่ทันที น่าเศร้าที่แพทย์วินิจฉัยว่ามารดาของอารอลโดเป็นมะเร็ง สามเดือนต่อมา ไม่กี่วันก่อนที่เธอจะสิ้นชีวิต เธอบอกอารอลโดถึงเรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดว่า ไม่มีญาติพี่น้องจะช่วยเหลือ อารอลโดต้องรับผิดชอบน้องสาวสองคนกับน้องชายของเขาเต็มตัว เขาสัญญาอย่างจริงจังโดยไม่ลังเลกับมารดาที่กำลังจะสิ้นใจ

พี่น้องกาวาลกานเต

ตอนกลางวันเขาทำงานในธนาคาร ตอนกลางคืนเขาเรียนมหาวิทยาลัย เขายังคงรักษาพันธสัญญาบัพติศมา แต่หมดหวังจะเป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลา พันธกิจของเขาคือดูแลครอบครัว

หลายเดือนต่อมาขณะเตรียมพูดในการประชุมศีลระลึก อารอลโดศึกษาถ้อยคำที่ซามูเอลพูดเชิงตำหนิกษัตริย์ซาอูลว่า “ที่จะเชื่อฟัง” เขาอ่าน “ก็ดีกว่า [ถวาย] เครื่องสัตวบูชา”10 อารอลโดได้รับความรู้สึกที่ดูเหมือนไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ว่าเขาต้องเชื่อฟังการเรียกของศาสดาพยากรณ์ให้รับใช้งานเผยแผ่ เขาเดินหน้าด้วยศรัทธามหาศาลโดยไม่หวั่นอุปสรรคตรงหน้า

เอ็ลเดอร์อารอลโด กาวาลกานเต

อารอลโดเก็บออม เงิน สกุลบราซิลเท่าที่เขาจะทำได้ เมื่ออายุ 23 ปี เขาได้รับหมายเรียกเป็นผู้สอนศาสนา เขาบอกน้องชายว่าให้ถอนเงินจากบัญชีของเขาเดือนละเท่าไรสำหรับครอบครัว อารอลโดยังมีเงินไม่พอจ่ายค่างานเผยแผ่เต็มจำนวนและค่ายังชีพของน้องชายกับน้องสาว แต่ด้วยศรัทธาเขาเข้าเอ็มทีซี หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเขาได้รับพรครั้งแรกในบรรดาพรมากมาย ธนาคารที่จ้างเอ็ลเดอร์กาวาลกานเตเพิ่มเงินที่เขาต้องได้รับเมื่อสิ้นสุดการทำงานเป็นสองเท่า ปาฏิหาริย์ครั้งนี้ ตามด้วยปาฏิหาริย์อื่นๆ ทำให้เขามีรายได้ที่ต้องใช้กับงานเผยแผ่และครอบครัวช่วงที่เขาไม่อยู่

ครอบครัวกาวาลกานเตวันนี้

ยี่สิบปีต่อมา เวลานี้บราเดอร์กาวาลกานเตรับใช้เป็นประธานสเตคโบอาวีอาเจม เรซีฟี บราซิล เมื่อนึกย้อนกลับไป เขาพูดถึงวันเวลาเหล่านั้นว่า “เมื่อผมพยายามดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม ผมรู้สึกถึงความรักและการนำทางของพระผู้ช่วยให้รอด ศรัทธาของผมเติบโต ทำให้ผมเอาชนะความท้าทายได้มากมาย”11 ศรัทธาของอารอลโดไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่โดยการเลือก

มีชายหญิงชาวคริสต์มากมายผู้มีศรัทธาลึกซึ้งในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เรายกย่องและเคารพพวกเขา

ยืนเฉยไม่ได้อีกแล้ว

แต่พี่น้องทั้งหลาย เราได้รับมากกว่านั้น: ฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่เหล่าเทพผู้บริสุทธิ์นำกลับมายังแผ่นดินโลก นี่ทำให้ท่านแตกต่าง ท่านยืนเฉยไม่ได้อีกแล้ว ศรัทธาของท่านจะเติบโตไม่ใช่โดยบังเอิญ แต่โดยการเลือก

วิธีที่เราดำเนินชีวิตจะเพิ่มหรือไม่ก็ลดศรัทธาของเรา การสวดอ้อนวอน การเชื่อฟัง ความซื่อสัตย์ ความบริสุทธิ์ของความคิดและการกระทำ และความไม่เห็นแก่ตัวเพิ่มพูนศรัทธา หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ ศรัทธาของเราจะลดลง เหตุใดพระผู้ช่วยให้รอดจึงตรัสกับเปโตรว่า “เราอธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อ [ศรัทธา] ของท่านจะไม่ได้ขาด”12 เพราะมีปฏิปักษ์ผู้เบิกบานในการทำลายศรัทธาของเรา! จงอย่าหยุดปกป้องศรัทธาของท่าน

คำถามที่แสวงหาความจริง

วิธีจัดการกับคำถามที่แสวงหาความจริงเป็นส่วนสำคัญของการสร้างศรัทธา เราใช้ทั้งสติปัญญาและความรู้สึกของเรา พระเจ้าตรัสว่า “เราจะบอกเจ้าในความนึกคิดและในใจเจ้า”13 ใช่ว่าคำตอบทั้งหมดจะมาทันที แต่คำถามสำคัญที่สุดจะพบคำตอบได้โดยผ่านการศึกษาที่จริงใจและการขอคำตอบจากพระผู้เป็นเจ้า การใช้ความนึกคิดโดยไม่ใช้ใจจะไม่ได้คำตอบทางวิญญาณ “พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้เว้นแต่ [ผ่าน] พระวิญญาณของพระเจ้า”14 และเพื่อช่วยเรา พระเยซูทรงสัญญาจะประทาน “ผู้ช่วยอีกผู้หนึ่ง” และทรงเรียกพระองค์ว่า “พระวิญญาณแห่งความจริง”15

ศรัทธาไม่เรียกร้องคำตอบของทุกคำถาม แต่แสวงหาความมั่นใจและความกล้าเพื่อเดินไปข้างหน้า บางครั้งยอมรับว่า “เราไม่รู้ทุกอย่าง แต่เรารู้มากพอจะเดินต่อไปบนเส้นทางของการเป็นสานุศิษย์”16

การหมกมุ่นอยู่กับความสงสัยตลอดเวลา เติมเชื้อเพลิงด้วยคำตอบจากคนขาดศรัทธาและคนไม่ซื่อสัตย์ จะบั่นทอนศรัทธาของคนนั้นในพระเยซูคริสต์และการฟื้นฟู17 “คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่”18

ตัวอย่างเช่น คำถามเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธไม่ใช่เรื่องใหม่ นักวิจารณ์โยนคำถามตั้งแต่เริ่มงาน ถึงคนทั้งปวงผู้มีศรัทธาและกำลังมองผ่านกระจกสีของศตวรรษที่ 21 ผู้มีความสงสัยจริงๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือคำกล่าวของท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ เมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าขอแนะนำด้วยความหวังดีดังนี้ สำหรับตอนนี้ ขอให้บราเดอร์โจเซฟพักบ้าง! ในอนาคต ท่านจะมีข้อมูลมากกว่าที่พบในโปรแกรมค้นหาของทุกวันนี้รวมกันกว่า 100 เท่า และจะเป็นข้อมูลที่มาจากพระบิดาในสวรรค์ของเราผู้ทรงรู้ทุกสิ่ง19 ลองพิจารณาทั้งหมดของชีวิตโจเซฟ—เกิดในความยากไร้และศึกษาตามระบบน้อยมาก ท่านแปลพระคัมภีร์มอรมอนไม่ถึง 90 วัน20 ชายหญิงที่ซื่อตรงภักดีหลายหมื่นคนน้อมรับอุดมการณ์แห่งการฟื้นฟู เมื่ออายุ 38 ปีโจเซฟผนึกประจักษ์พยานของท่านด้วยเลือดของท่านเอง ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าโจเซฟ สมิธเเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า จงเชื่อเรื่องนี้ และก้าวไปข้างหน้า!

ของประทานที่ขยายศรัทธาของเรา

ทั้งพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนให้ความเชื่อมั่นอันงดงามกับเราว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าถือพระคัมภีร์มอรมอนฉบับแรกในภาษาฝรั่งเศสที่จัดพิมพ์โดยจอห์น เทย์เลอร์เมื่อท่านเริ่มทำงานในฝรั่งเศสปี 1852 เวลานี้พระคัมภีร์มอรมอนทั้งหมดหรือบางส่วนมี 110 ภาษาทั่วโลก ให้พยานทางวิญญาณและจับต้องได้ถึงความจริงของการฟื้นฟู ครั้งสุดท้ายที่ท่านอ่านพระคัมภีร์มอรมอนตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายคือเมื่อใด จงอ่านอีกครั้ง พระคัมภีร์เล่มนี้จะเพิ่มศรัทธาของท่าน21

ของประทานอีกอย่างหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้าที่ขยายศรัทธาของเราคือการนำทางของฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสอง วันนี้เราสนับสนุนสมาชิกอัครสาวกสิบสองคนใหม่สามท่าน และข้าพเจ้าขอต้อนรับเอ็ลเดอร์ราสแบนด์ เอ็ลเดอร์สตีเวนสัน และเอ็ลเดอร์เรนลันด์สู่กลุ่มอันศักดิ์สิทธิ์ของโควรัมอัครสาวกสิบสอง เปาโลกล่าวว่า

“พระองค์ [ทรงเรียก] อัครทูต และ … ผู้เผยพระวจนะ …

“เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติ … 

“จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า … 

“จะไม่ … ถูกซัดไปซัดมาและพัดไปพัดมาด้วยลมคำสั่งสอนทุกอย่าง ด้วย … อุบาย [หรือคน] ที่ฉลาดในการล่อลวง”22

การนำทางจากฝ่ายประธานสูงสุดและอัครสาวกสิบสองช่วยปกป้องศรัทธาของเรา

เปลวไฟแห่งศรัทธา

แม้ว่าเปลวไฟแห่งศรัทธาในช่วงเริ่มต้นของท่านอาจจะยังน้อยนิด แต่การตัดสินใจที่ชอบธรรมนำมาซึ่งความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในพระผู้เป็นเจ้าและศรัทธาของท่านเพิ่มพูน ความยากของความเป็นมรรตัยพัดใส่ท่าน และอำนาจชั่วดักซุ่มในความมืดหวังจะดับศรัทธาของท่าน แต่เมื่อท่านเลือกสิ่งดีต่อไป วางใจในพระผู้เป็นเจ้าและติดตามพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าทรงส่งแสงสว่างและความรู้ที่เพิ่มขึ้น และศรัทธาของท่านจะหยั่งรากและไม่หวั่นไหว ประธานโธมัส เอส. มอนสันกล่าวไว้ว่า “อย่ากลัว … อนาคตสดใสเท่าศรัทธาของท่าน”23

พอร์เตอร์, เซน, และแม็กซ์ โอเพ่นชอว์

ศรัทธาของเยาวชนชายของศาสนจักรนี้น่าทึ่งมาก!

ครอบครัวโอเพ่นชอว์

วันที่ 12 มิถุนายนปีนี้ ข้าพเจ้าได้รับอีเมลแจ้งว่าอธิการจากวอร์ดหนึ่งในยูทาห์ ภรรยาของเขา กับลูกอีกสองคนเสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบิน อธิการมาร์ค โอเพ่นชอว์ขับเครื่องบินขณะเครื่องขึ้นจากลานบินเล็กๆ แล้วจู่ๆ เครื่องก็ตกลงมาจากฟ้าสู่พื้นโลก อธิการโอเพ่นชอว์ เอมีภรรยา กับแทนเนอร์และเอลลีลูกๆ ของพวกเขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ ส่วนแม็กซ์ลูกชายวัยห้าขวบกระเด็นออกจากที่นั่งในเครื่องบินอย่างปาฏิหาริย์ เขารอดตายและแค่กระดูกหัก

ข้าพเจ้าทราบมาว่าเอ็ลเดอร์พอร์เตอร์ โอเพ่นชอว์ลูกชายของพวกเขากำลังรับใช้ในคณะเผยแผ่มาจูโร หมู่เกาะมาร์แชล และเซนลูกชายวัย 17 ปีเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในเยอรมนี

ข้าพเจ้าโทรหาเอ็ลเดอร์โอเพ่นชอว์ที่อยู่บนเกาะคริสต์มาส ถึงแม้ความตายที่ไม่คาดฝันของมารดา บิดา น้องชาย และน้องสาวจะทำให้เขาใจสลาย แต่เอ็ลเดอร์โอเพ่นชอว์มุ่งความห่วงใยไปสู่น้องชายสองคนทันที

ในที่สุดเอ็ลเดอร์โอเพ่นชอว์กับเซนน้องชายของเขาตัดสินใจเองว่าคนอื่นช่วยที่บ้านได้และพอร์เตอร์ควรทำงานเผยแผ่ต่อ พวกเขารู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ

เอ็ลเดอร์พอร์เตอร์ โอเพ่นชอว์ที่พิธีบัพติศมา

เมื่อข้าพเจ้าพูดกับเอ็ลเดอร์โอเพ่นชอว์ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความเศร้าเสียใจของเขาแต่รู้สึกถึงไฟที่ไม่อาจดับได้แห่งศรัทธาของเขาด้วย “ผมมีความเชื่อมั่น” เขาบอกข้าพเจ้า “และรู้โดยไม่เคลือบแคลงสงสัยว่าผมจะได้พบครอบครัวอีกครั้ง … ความเข้มแข็งในการทดลองของเราอยู่ใน … พระเจ้าพระเยซูคริสต์เสมอ … พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าประจักษ์ชัดมากขณะช่วย [ผม] กับน้องชายตลอดความท้าทายที่ยากมากนี้”24

เซน โอเพ่นชอว์พูดที่งานศพ

ข้าพเจ้าพบเซนครั้งแรกที่งานศพ ขณะมองดูหีบศพทั้งสี่ตรงหน้าเราในห้องนมัสการ ข้าพเจ้าทึ่งกับศรัทธาของเยาวชนวัย 17 ปีคนนี้เมื่อเขากล่าวกับผู้มาร่วมงานว่า “วันนี้เรามารวมกันด้วยใจนอบน้อมและจิตวิญญาณอ่อนล้า เพื่อระลึกถึงชีวิตของคุณแม่ คุณพ่อ แทนเนอร์ และเอลลี … เราเคยพูดคุยกัน ร้องไห้ด้วยกัน รำลึกด้วยกัน และรู้สึกถึงพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าด้วยกัน …

“วันหลังจากทราบข่าวอุบัติเหตุ ผมพบจดหมายจากคุณแม่ในกระเป๋าของผม ในจดหมายท่านเขียนว่า ‘เซน จำไว้ว่าลูกเป็นใครและลูกมาจากไหน เราจะสวดอ้อนวอนให้ลูกและจะคิดถึงลูก’” เซนอ่านต่อ “ไม่มีคำพูดใดจากคุณแม่ที่จะเป็นคำสั่งเสียได้เหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว ผมรู้ว่าท่าน กับแทนเนอร์ เอลลี และคุณพ่อกำลังสวดอ้อนวอนให้ผม [และพี่ชายกับน้องชาย] ผมรู้ว่า … พวกเขาสวดอ้อนวอนให้ผมจดจำว่าผมเป็นใคร เพราะผมเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้าเหมือนพวกท่าน และพระองค์ทรงส่งผมมาที่นี่ ผมเป็นพยาน [ว่า] … ไม่ว่าเราจะรู้สึกโดดเดี่ยวเพียงใด พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งเรา”25

พี่น้องที่รัก ศรัทธาของท่านไม่ได้เริ่มขึ้นเมื่อท่านเกิด และจะไม่สิ้นสุดเมื่อท่านสิ้นชีวิต ศรัทธาคือการเลือก จงเสริมสร้างศรัทธาของท่านและดำเนินชีวิตให้สมกับพระดำรัสชื่นชมของพระผู้ช่วยให้รอดที่ว่า “[ศรัทธา] ของท่านก็มาก” ขณะทำเช่นนั้นข้าพเจ้าสัญญาว่าโดยผ่านพระคุณของพระเยซูคริสต์ สักวันหนึ่งศรัทธาของท่านจะทำให้ท่านได้ยืนอยู่กับคนที่ท่านรัก สะอาดและบริสุทธิ์ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. มัทธิว 15:28.

  2. มัทธิว 6:30.

  3. ลูกา 8:25.

  4. มัทธิว 8:10.

  5. มัทธิว 11:1.

  6. ดู แอลมา 32:35.

  7. ดู แอล. วิทนีย์ เคลย์ตัน, “เลือกที่จะเชื่อ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 36–39.

  8. ดู Lectures on Faith (1985), 3.

  9. ดู เอเฟซัส 2:8.

  10. 1 ซามูเอล 15:22.

  11. การสนทนาส่วนตัวกับอารอลโด กาวาลกานเต, 29 ส.ค. 2015 ซัลวาดอร์ บราซิล และอีเมลลงวันที่ 31 ส.ค. 2015. เรื่องราวของอารอลโด กาวาลกานเตในการรับปากมารดาที่จะดูแลน้องชายและน้องสาวมีมากกว่านั้น หลายปีหลังจากแม่ของเขาสิ้นชีวิต เขาจะพูดถึงน้องชายและน้องสาวอย่างเปิดเผยว่าเป็น “ลูกๆ” ของเขา ระหว่างที่รับใช้งานเผยแผ่ จดหมายและโทรศัพท์ของเขาในวันคริสต์มาสและวันแม่มักจะพูดถึงความท้าทายของสมาชิกครอบครัวแต่ละคน จากการเสียสละอย่างมากหลังจบงานเผยแผ่อารอลโดรับภาระด้านการเงินสำหรับการศึกษาและงานเผยแผ่ของน้องชาย อารอลโดรอจนน้องสาวและน้องชายแต่งงานก่อนที่เขาจะแต่งงานเมื่ออายุ 32 ปี พวกเขายังคงเป็นครอบครัวที่รักกันมาก.

  12. ลูกา 22:32.

  13. หลักคำสอนและพันธสัญญา 8:2.

  14. 1 โครินธ์ 2:11.

  15. ยอห์น 14:16–17.

  16. ดู อาดัม คอตเตอร์, “เมื่อเกิดความสงสัยและคำถาม,” เลียโฮนา, มี.ค. 2015, 39–41.

  17. เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์เคยกล่าวไว้ว่า “บางคนยืนกรานที่จะศึกษาศาสนจักรผ่านสายตาของผู้ละทิ้งศาสนจักรเท่านั้น—เหมือนการสัมภาษณ์ยูดาสเพื่อที่จะเข้าใจพระเยซู ผู้ละทิ้งศาสนจักรบอกเราเกี่ยวกับพวกเขาเองมากกว่าจะพูดถึงสิ่งซึ่งพวกเขาละทิ้งมาเสมอ” (“All Hell Is Moved” [Brigham Young University devotional, Nov. 8, 1977], 3, speeches.byu.edu).

  18. 1 โครินธ์ 2:14.

  19. “ข้าพเจ้าไม่เคยบอกท่านว่าข้าพเจ้าดีพร้อม แต่ไม่มีความผิดพลาดในการเปิดเผยที่ข้าพเจ้าสอน” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 561).

  20. ดู John W. Welch and Tim Rathbone, “The Translation of the Book of Mormon: Basic Historical Information,” (Foundation for Ancient Research and Mormon Studies, 1986).

  21. พยานทางวิญญาณถึงพระคัมภีร์มอรมอนเป็นหัวใจของการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เป็นพยานที่ต้องชุบชีวิตขึ้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่ทำ ความรู้สึกทางวิญญาณจะเจือจางและเราจะจำพลังที่เคยรู้สึกนั้นไม่ได้อีกต่อไป “และผู้คนเริ่มลืมเครื่องหมายและการอันน่าพิศวงเหล่านั้นซึ่งพวกเขาได้ยินมา, และเริ่มแปลกใจน้อยลงน้อยลงเกี่ยวกับ…การอันน่าพิศวงจากฟ้าสวรรค์, ถึงขนาดที่พวกเขาเริ่มแข็งกระด้างในใจ, และมืดบอดในจิต, เริ่มไม่เชื่อทุกสิ่งซึ่งพวกเขาได้ยินและเห็นมา…และชักนำไปให้เชื่อว่าหลักคำสอนของพระคริสต์เป็นสิ่งโง่เขลาและเปล่าประโยชน์” (3 นีไฟ 2:1–2).

  22. เอเฟซัส 4:11–14.

  23. โธมัส เอส. มอนสัน, “จงรื่นเริงเถิด,” เลียโฮนา, พ.ค. 2009, 113.

  24. อีเมลส่วนตัวได้รับจากเอ็ลเดอร์พอร์เตอร์ โอเพ่นชอว์, 23 ส.ค. 2015.

  25. ความคิดเห็นของเซน โอเพ่นชอว์ในพิธีศพของสมาชิกครอบครัว, 22 มิ.ย. 2015.