2010–2019
จงยึดมั่นวิถีทางของเจ้า
ตุลาคม 2015


10:43

จงยึดมั่นวิถีทางของเจ้า

จงให้พระผู้เป็นเจ้ามาก่อนไม่ว่าท่านเผชิญการทดลองใดอยู่ จงมีศรัทธาในพระคริสต์ และวางใจพระองค์ในทุกสิ่ง

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ข้าพเจ้ายืนอยู่ที่ชานชลาสถานีรถไฟชินะกะวะ โตเกียวเพื่อไปเยี่ยมคณะเผยแผ่โกเบประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 14:46 น. เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขนาด 9.0 แมกนิจูด ความสั่นสะเทือนที่รุนแรงมากทำให้ข้าพเจ้ายืนไม่ติด ต้องเกาะราวบันไดไว้แน่น หลอดไฟบนเพดานรอบด้านเริ่มหล่นลงสู่พื้น โตเกียวแตกตื่นกันไปทั้งเมือง

ยังดีที่ข้าพเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บ และสี่ชั่วโมงต่อมา ก็โล่งใจเมื่อทราบว่าทุกคนในครอบครัวปลอดภัย

มีข่าวสารที่น่ากลัวและน่าตกใจนำเสนอทางโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง สึนามิขนาดยักษ์ซัดถล่มพื้นที่คณะเผยแผ่ เซ็นดะอิ—กวาดเอาทุกสิ่งที่มันผ่านไป: รถ บ้าน โรงงาน และทุ่งนา ภาพอันน่าเศร้านั้นทำให้ข้าพเจ้าตกตะลึงและร้องไห้ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนอย่างหนักเพื่อขอให้พระบิดาประทานการปกป้องและช่วยเหลือทุกคนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้อันเป็นที่รักของข้าพเจ้า

ต่อมา ข้าพเจ้าได้รับการยืนยันว่าผู้สอนศาสนาและสมาชิกศาสนจักรทุกคนปลอดภัย สมาชิกหลายท่านได้รับผลกระทบ ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา บ้านและข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน มีผู้เสียชีวิตเกือบ 20,000 คน ชุมชนถูกทำลายและหลายคนจำต้องละทิ้งบ้านเรือนจากผลกระทบของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในโรงงานพลังงานนิวเคลียร์

ภัยพิบัติเช่นนี้กำลังสร้างความหายนะในหลายภูมิภาคของโลกยุคปัจจุบัน ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตมากมาย เราได้รับการเตือนว่าภัยพิบัติ สงครามและความยากลำบากสุดคณานับจะเกิดขึ้นในโลก

เมื่อการทดลองเช่นนี้เกิดขึ้นกับเราอย่างกะทันหัน เราอาจสงสัยว่า “ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับฉันด้วย” หรือ “ทำไมฉันต้องเดือดร้อนด้วย”

เป็นเวลานานหลังการเปลี่ยนใจเลื่อมใสสู่พระกิตติคุณที่ข้าพเจ้ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนต่อคำถามที่ว่า “ทำไมฉันต้องรับการทดลอง” ข้าพเจ้าเข้าใจแผนแห่งความรอดในส่วนที่กล่าวว่าเราจะต้องได้รับการทดสอบ แต่ในความเป็นจริง เมื่อเกิดคำถามเช่นนี้ ข้าพเจ้าไม่เชื่อมั่นว่านั่นคือคำตอบที่มีพลังมากพอที่จะเป็นคำตอบที่สมบูรณ์ แต่ในชีวิตข้าพเจ้ามีครั้งหนึ่งที่ประสบการทดลองอย่างหนัก

เมื่ออายุ 30 ปี ขณะข้าพเจ้าทำงานเยี่ยมคณะเผยแผ่นะโงะยะ หลังการประชุมประธานคณะเผยแผ่ได้กรุณาจัดเอ็ลเดอร์ให้ขับรถไปส่งข้าพเจ้าที่สนามบิน แต่ขณะที่เราไปถึงทางแยกเชิงเขาแห่งหนึ่ง มีรถบรรทุกขนาดใหญ่บึ่งมาด้านหลังเราด้วยความเร็วสูงแล้วชนท้ายรถเราอย่างแรงดันรถเราไปไกลถึง 70 ฟุต (20 ม.) สิ่งที่แย่ที่สุดของเรื่องนี้คือรถนั่นไม่มีคนขับ ท้ายรถเรายุบเข้าไปครึ่งหนึ่งของขนาดเดิม เคราะห์ดีที่เอ็ลเดอร์และข้าพเจ้ารอด

แต่แล้วในวันต่อมาข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกปวดคอและไหล่และมีอาการปวดศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆ จากวันนั้นเป็นต้นมาข้าพเจ้านอนไม่หลับ และทุกวันต้องฝืนทนอยู่กับความเจ็บปวดทั้งกายและใจ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าให้ทรงรักษาความเจ็บปวดของข้าพเจ้าแต่อาการเหล่านั้นยังคงอยู่นานเกือบ 10 วัน

ในช่วงเวลานี้ความรู้สึกสงสัยเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจข้าพเจ้าและมีคำถามว่า “ทำไมผมต้องทนเจ็บปวดมากเช่นนี้” อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้รับการรักษาอย่างที่ต้องการ ข้าพเจ้ายังคงพยายาม ซื่อสัตย์ในการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าต่อไป ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนต่อไปว่าจะสามารถไขปัญหาเรื่องการทดลองของข้าพเจ้าได้

ยังมีอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ข้าพเจ้าพบตนเองต้องดิ้นรนอยู่กับปัญหาส่วนตัวอีกสองสามเรื่อง และข้าพเจ้าว้าวุ่นใจมากเพราะไม่รู้ว่าจะรับมือกับการทดลองใหม่นี้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอคำตอบ แต่ก็ไม่ได้รับโดยทันที ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไปปรึกษาผู้นำศาสนจักรที่ข้าพเจ้าไว้ใจ

ขณะสนทนากันเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความรักว่า “บราเดอร์อาโอยากิ จุดประสงค์ที่คุณมาอยู่บนโลกนี้ไม่ใช่เพื่อรับการทดลองนี้หรือครับ ไม่ใช่เพื่อที่จะยอมรับการทดลองทั้งหมดของชีวิตนี้ตามที่มันเป็นแล้วปล่อยส่วนที่เหลือไว้กับพระเจ้า คุณคิดหรือไม่ว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขเมื่อเราฟื้นคืนชีวิต”

เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ข้าพเจ้ารู้สึกถึงพระวิญญาณอย่างแรงกล้ายิ่ง ข้าพเจ้าได้ยินหลักคำสอนนี้มานับไม่ถ้วนแต่ดวงตาแห่งความเข้าใจของข้าพเจ้าไม่เคยเปิดถึงระดับที่เปิดอยู่ขณะนั้น ข้าพเจ้าเข้าใจว่านี่คือคำตอบที่ข้าพเจ้าแสวงหาจากพระเจ้าในคำสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้าสามารถเข้าใจอย่างชัดเจนถึงแผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์และเข้าใจหลักธรรมสำคัญนี้ใหม่

ในหนังสืออับราฮัม พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า “และพวกเราจะพิสูจน์พวกเขาโดยวิธีนี้, เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำสิ่งทั้งปวงไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาจะทรงบัญชาพวกเขาหรือไม่;”1

หลักธรรมนั้นคือพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกทรงทราบแบบแผนอันล้ำเลิศของโลกนี้ นั่นคือพระองค์ทรงปกครองเหนือทุกสิ่งในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และนั่นคือ เพื่อที่จะนำมาซึ่งแผนแห่งความรอด พระองค์ทรงเตรียมประสบการณ์ต่างๆ ไว้ให้เรามากมาย—รวมทั้งการทดลองบางอย่างด้วย—ขณะเราอยู่บนโลกนี้

และพระเจ้าตรัสกับโจเซฟ สมิธดังนี้

จงรู้ไว้เถิด, ลูกพ่อ, ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้จะเป็นประสบการณ์แก่เจ้า, และจะเกิดขึ้นเพื่อ ความดีของเจ้า. …

“ฉะนั้น, จงยึดมั่นวิถีทางของเจ้า…, เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะทรงอยู่กับเจ้าตลอดกาลและตลอดไป.”2

การทดลองของโลกนี้—รวมทั้งความเจ็บป่วยและความตาย—เป็นส่วนหนึ่งของแผนแห่งความรอดและหลีกเลี่ยงไม่ได้ จำเป็นที่เราจะต้อง “ยึดมั่นวิถีทางของ [เรา]” และยอมรับการทดลองของเราด้วยศรัทธา

แต่จุดประสงค์ของชีวิตไม่ได้มีเพียงการอดทนต่อการทดลองเท่านั้น พระบิดาบนสวรรค์ทรงส่งพระบุตรที่รัก พระเยซูคริสต์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่เพื่อเราจะเอาชนะการทดลองที่เราเผชิญบนโลกนี้ได้ หรืออีกนัยหนึ่ง พระองค์ทรงทำให้สิ่งที่อ่อนแอของเรากลับเป็นสิ่งที่แข็งแรง3 พระองค์ทรงชดใช้บาปและความบกพร่องของเรา และทรงทำให้การรับความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์เป็นไปได้สำหรับเรา

ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์กล่าวว่า “การทดสอบที่พระผู้เป็นเจ้าทรงวางไว้ต่อหน้าเราไม่ได้ทดสอบเราว่าอดทนต่อความยากลำบากได้หรือไม่ แต่ทดสอบเราว่าอดทนได้ดีเพียงใด เพื่อผ่านการทดสอบเราต้องแสดงให้เห็นว่าเราไม่ลืมพระองค์และพระบัญญัติที่พระองค์ประทานให้”4

ขณะมีการทดลอง จงเลือกการ “ยึดมั่นวิถีทางของเจ้า” จงหันใจของท่านหาพระผู้เป็นท่านเมื่อเผชิญการทดลอง จงเชื่อฟังพระบัญญัติอย่างนอบน้อม แสดงศรัทธาที่จะทำให้ความปรารถนาของท่านสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

ให้เรากลับมาดูบทสรุปเรื่องรถชนท้ายที่นะโงะยะ ข้าพเจ้าอาจเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนั้น กระนั้นด้วยพระคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้ารอดอย่างน่าอัศจรรย์ และข้าพเจ้ารู้ว่าความทุกข์ทรมาน มากมาย มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้และเติบโต5 พระบิดาบนสวรรค์ประทานการศึกษาเพื่อให้ข้าพเจ้าควบคุมความไม่อดทน พัฒนาความเห็นอกเห็นใจและปลอบโยนผู้กำลังทุกข์ทรมาน เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ใจข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยความรู้สึกขอบพระทัยต่อพระบิดาบนสวรรค์สำหรับการทดลองครั้งนี้

จงให้พระผู้เป็นเจ้ามาก่อน ไม่ว่าท่านเผชิญการทดลองใดอยู่ จงมีศรัทธาในพระคริสต์ และวางใจพระองค์ในทุกสิ่ง โมโรไนให้สัญญาต่อไปนี้กับคนที่ทำเช่นนั้น: “และหากท่านจะปฏิเสธตนจากความไม่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าทุกอย่าง, และรักพระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดพลัง, ความนึกคิด, และพละกำลังของท่าน, เมื่อนั้นพระคุณของพระองค์จึงเพียงพอสำหรับท่าน, เพื่อโดยพระคุณของพระองค์ท่านจะดีพร้อมในพระคริสต์;”6

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าและพระบุตรที่รัก พระเยซูคริสต์ ทรงพระชนม์และว่าพระสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าต่อผู้ที่ “ยึดมั่นวิถีทางของ [พวกเขา]” และรักพระองค์จะประสบความสำเร็จแม้ท่ามกลางการทดลอง ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน