2010–2019
ระเบียบเรียบร้อยแบบบริสตอล: จงมีค่าควรสู่พระวิหาร—ไม่ว่ายามดีหรือลำบาก
ตุลาคม 2015


15:36

ระเบียบเรียบร้อยแบบบริสตอล: จงมีค่าควรสู่พระวิหาร—ไม่ว่ายามดีหรือลำบาก

การปฏิบัติหลักธรรมพระกิตติคุณอันศักดิ์สิทธิ์จะช่วยให้เรามีค่าควรเข้าพระวิหาร ทำให้เราสามารถพบความสุขในชีวิตนี้ และนำเรากลับไปบ้านบนสวรรค์ของเรา

ศาสดาพยากรณ์ลีไฮประกาศว่า “หากไม่มีความชอบธรรมก็ไม่มีความสุข”1

ปฏิปักษ์ประสบความสำเร็จในการใส่เรื่องโกหกไว้ในความคิดคนจำนวนมาก เขากับทูตของเขาประกาศว่าการเลือกจริงๆ ที่เรามีคือเลือกระหว่างความสุขกับความพอใจ ตอนนี้ในชีวิตนี้ กับความสุขใน ชีวิตที่จะมาถึง (ซึ่งปฏิปักษ์ยืนยันว่าไม่มีจริง) เรื่องโกหกดังกล่าวเป็นทางเลือกที่ผิด แต่ดึงดูดใจมาก2

จุดประสงค์สูงส่งที่สุดในแผนแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้าคือเพื่อให้สานุศิษย์ที่ชอบธรรมและครอบครัวแห่งพันธสัญญาเป็นหนึ่งเดียวกันในความรัก ความปรองดอง และสันติสุขในชีวิตนี้3 และได้รับรัศมีภาพซีเลสเชียลในนิรันดรกับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา พระผู้สร้างของเรา และพระบุตรที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา4

สมัยข้าพเจ้าเป็นผู้สอนศาสนาวัยหนุ่มได้รับมอบหมายให้ไปคณะเผยแผ่บริติช เขตแรกที่ทำงานอยู่ในบริสตอลดิสตริกต์สมัยนั้น ผู้นำศาสนจักรในท้องที่คนหนึ่งเน้นว่าผู้สอนศาสนาที่รับใช้ในเขตนั้นต้องเป็น “ระเบียบเรียบร้อยแบบบริสตอล”

เรือที่ท่าเรือบริสตอล

ตอนแรกข้าพเจ้าไม่เข้าใจประเด็นที่เขาพูด แต่ไม่นานก็รู้ประวัติและความหมายของวลี “ระเบียบเรียบร้อยแบบบริสตอล” ครั้งหนึ่งบริสตอลเคยเป็นท่าเรือคึกคักที่สุดอันดับสองในสหราชอาณาจักร มีคลื่นสูงมากคือ 43 ฟุต (13 เมตร) สูงเป็นอันดับสองของโลก เมื่อน้ำลด เรือสมัยเก่าจะกระแทกพื้นใต้น้ำและตะแคงข้าง ถ้าต่อเรือไม่ดี เรือจะเสียหาย ยิ่งไปกว่านั้น ทุกอย่างที่ไม่เก็บหรือผูกไว้ให้ดีจะถูกเหวี่ยงไปมาจนพังยับเยิน5 หลังจากข้าพเจ้าเข้าใจความหมายของวลีนั้น จึงรู้ว่าผู้นำคนนี้กำลังบอกพวกเราว่า ในฐานะผู้สอนศาสนา เราต้องเป็นคนชอบธรรม ทำตามกฎ และพร้อมรับสถานการณ์ยุ่งยากต่างๆ นานา

คำท้าทายเดียวกันนี้ใช้ได้กับเราแต่ละคน ข้าพเจ้าจะเรียกความเป็น “ระเบียบเรียบร้อยแบบบริสตอล” ว่าความมีค่าควรเข้าพระวิหาร—ในยามดีและในยามร้าย

ขณะที่การขึ้นลงของกระแสน้ำในช่องแคบบริสตอลค่อนข้างทำนายได้และเตรียมรับได้ แต่พายุและการล่อลวงของชีวิตนี้มักจะทำนายไม่ได้ แต่เรารู้ว่าจะมาแน่นอน! เพื่อเอาชนะความท้าทายและการล่อลวงที่เราแต่ละคนต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องมีการเตรียมที่ชอบธรรมและใช้เครื่องป้องกันที่เบื้องบนจัดหาไว้ให้ เราต้องตั้งใจว่าจะมีค่าควรเข้าพระวิหารไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ถ้าเราพร้อม เราจะไม่กลัว6

ความสุขในชีวิตนี้และความสุขในชีวิตที่จะมาถึงมีความชอบธรรมเป็นตัวเชื่อมโยง แม้ในช่วงระหว่างความตายกับการฟื้นคืนชีวิต “วิญญาณคน ชอบธรรม เข้าในสภาพแห่งความสุข, ซึ่งเรียกว่าเมืองบรมสุขเกษม, สภาพของการพักผ่อน, สภาพของความสงบสุข”7

เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงเริ่มปฏิบัติศาสนกิจบนแผ่นดินโลกในอิสราเอลและต่อมาในบรรดาชาวนีไฟ พระผู้ช่วยให้รอดตรัสเรื่องความสุขทั้งในชีวิตนี้และในนิรันดร พระองค์ทรงเน้นศาสนพิธี แต่ทรงเน้นมากเช่นกันในเรื่องพฤติกรรมทางศีลธรรม ตัวอย่างเช่น เหล่าสานุศิษย์จะได้รับพรถ้าพวกเขาจะหิวกระหายความชอบธรรม มีเมตตา ใจบริสุทธิ์ สร้างสันติ และทำตามหลักศีลธรรมพื้นฐานอื่นๆ ข่าวสารเกี่ยวกับหลักคำสอนพื้นฐานบอกชัดเจนว่าพระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงเน้นทั้งเจตคติและความประพฤติที่ชอบธรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน คำสอนของพระองค์ไม่เพียงแทนที่และอยู่เหนือองค์ประกอบในกฎของโมเสสเท่านั้น8 แต่เป็นการปฏิเสธหลักปรัชญาผิดๆ ของมนุษย์ด้วย

เป็นเวลาหลายศตวรรษที่พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มีความเชื่อที่ได้รับการดลใจและมาตรฐานความประพฤติที่กำหนดไว้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ชอบธรรม พึงปรารถนา ถูกศีลธรรม และส่งผลให้เกิดความสุข ความอิ่มเอมใจ และปีติ อย่างไรก็ดี หลักธรรมและศีลธรรมขั้นพื้นฐานที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนกำลังถูกโจมตีอย่างหนักในโลกทุกวันนี้ ศาสนาคริสต์กำลังถูกโจมตี หลายคนเชื่อว่าโดยทั่วไปศีลธรรมเปลี่ยนไปแล้ว9

เราอยู่ในยุคสมัยที่ยาก มีแนวโน้มจะ “เรียกความชั่วว่าดี, และความดีว่าชั่ว” มากขึ้น10 โลกที่เน้นการมุ่งแสวงหาเพื่อตนเองและการต่อต้านอนุรักษ์นิยมทางศาสนาเป็นที่น่าวิตกมาก นักเขียนผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งที่ไม่ใช่สมาชิกของเราเขียนว่า “น่าเสียดายที่ผมเห็นหลักฐานเพียงน้อยนิดยืนยันว่าผู้คนมีความสุขมากขึ้นจริงๆ ในสมัยนี้ หรือลูกๆ ของพวกเขามีสภาพเศรษฐกิจดีขึ้น หรือมีความยุติธรรมทางสังคมพอสมควร หรืออัตราการแต่งงานลดลงและขนาดครอบครัวเล็กลง … สัญญาทุกอย่างยกเว้นคนส่วนใหญ่เหงามากขึ้นและทุกอย่างหยุดก้าวหน้า”11

ในฐานะสานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงคาดหวังให้เราวางแผนและเตรียม ในแผนแห่งความสุข สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมเป็นหลักธรรมที่สร้างระเบียบและการเลือกของเราสำคัญ12 พระผู้ช่วยให้รอดทรงเน้นเรื่องนี้ตลอดการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ รวมถึงอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีโง่และเงินตะลันต์13 ในอุปมาสองเรื่องนี้ พระเจ้าทรงยกย่องการเตรียมพร้อมและการปฏิบัติ พระองค์ทรงกล่าวโทษการผัดวันประกันพรุ่งและความเกียจคร้าน

ข้าพเจ้าตระหนักว่า แม้มีความสุขท่วมท้นในแผนอันสูงส่งของพระผู้เป็นเจ้า แต่บางครั้งรู้สึกได้ว่าความสุขนั้นห่างไกลและถูกแยกออกจากสภาวการณ์ปัจจุบันของเรา เราอาจรู้สึกไกลเกินเอื้อมขณะพยายามเป็นสานุศิษย์ จากมุมมองอันจำกัดของเรา การล่อลวงและสิ่งล่อใจในปัจจุบันดูเหมือนน่าสนใจ ในทางกลับกัน เรารู้สึกได้ว่ารางวัลจากการต้านทานการล่อลวงเหล่านั้นห่างไกลและไม่อาจได้มา แต่การเข้าใจแผนของพระบิดาอย่างแท้จริงเปิดเผยว่ารางวัลของความชอบธรรมมีให้ตอนนี้ ความชั่วร้ายอย่างเช่นการประพฤติผิดศีลธรรมไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำตอบ แอลมากล่าวไว้ชัดเจนกับโคริแอนทอนบุตรชายของท่านว่า “ดูเถิด, พ่อกล่าวแก่ลูก, ความชั่วร้ายไม่เคยเป็นความสุขเลย”14

อมิวเล็คกล่าวหลักคำสอนของเราอย่างชัดเจนใน แอลมา 34:32 ว่า “ดูเถิด, ชีวิตนี้เป็นเวลาสำหรับมนุษย์ที่จะเตรียมพบพระผู้เป็นเจ้า; แท้จริงแล้ว, ดูเถิดวันแห่งชีวิตนี้เป็นวันสำหรับมนุษย์ที่จะทำงานของพวกเขา”

แล้วเราจะเตรียมอย่างไรในเวลายากเช่นนี้ นอกเหนือจากจะมีค่าควรเข้าพระวิหารแล้ว ยังมีหลักธรรมอีกมากมายที่เอื้อต่อความชอบธรรม ข้าพเจ้าจะเน้นหลักธรรมสามข้อ

หนึ่ง: การควบคุมตนเองและความประพฤติที่ชอบธรรม

ข้าพเจ้าเชื่อว่าบางครั้งพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักเราต้องทรงมองเราด้วยความขบขันเหมือนเรารู้สึกขณะเฝ้ามองลูกเล็กๆ ของเราเรียนรู้และเติบโต เราทุกคนสะดุดล้มขณะที่เรารับประสบการณ์

การทดสอบมาร์ชเมลโล

ข้าพเจ้าชื่นชอบคำปราศรัยการประชุมใหญ่ของประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟในปี 201015 เกี่ยวกับการทดสอบมาร์ชเมลโลอันเลื่องชื่อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในทศวรรษ 1960 ท่านคงจำได้ว่าเด็กอายุสี่ขวบได้มาร์ชเมลโลชิ้นเดียว ถ้าพวกเขารอ 15 ถึง 20 นาทีโดยไม่กินชิ้นนั้น พวกเขาจะได้ชิ้นที่สอง วีดิทัศน์ที่ผลิตออกมาแสดงให้เห็นสีหน้าท่าทางที่เด็กหลายคนใช้หลีกเลี่ยงการกินมาร์ชเมลโล16 บางคนไม่สำเร็จ

ปีที่แล้วศาสตราจารย์ที่ทำการทดสอบคนแรกชื่อดร. วอลเตอร์ มิสเชล เขียนหนังสือซึ่งเขาบอกไว้ในนั้นว่าเหตุผลส่วนหนึ่งของการศึกษาเรื่องนี้คือความวิตกกังวลของเขาเกี่ยวกับการควบคุมตนเองและการติดบุหรี่ของเขาเอง เขากังวลเป็นพิเศษหลังจากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐในปี 1964 สรุปว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอด17 หลังจากการศึกษาหลายปี เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเขารายงานว่า “การควบคุมตนเองเปรียบเสมือนกล้ามเนื้อ ยิ่งใช้ ยิ่งแข็งแรง การหลีกเลี่ยงสิ่งล่อใจหนึ่งครั้งจะช่วยให้ท่านสามารถต้านทานการล่อลวงอื่นๆ ในอนาคต”18

หลักธรรมแห่งความก้าวหน้านิรันดร์คือการฝึกควบคุมตนเองและการดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมจะเพิ่มพลังความสามารถให้เราต้านทานการล่อลวง สิ่งนี้เป็นจริงทั้งในขอบเขตทางวิญญาณและในเรื่องทางโลก

ผู้สอนศาสนาของเราเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยม พวกเขาพัฒนาคุณลักษณะเหมือนพระคริสต์ เน้นการเชื่อฟังและความเข้มแข็งทางวิญญาณ เราคาดหวังให้พวกเขาทำตามตารางเวลาอย่างเคร่งครัดและใช้วันเวลาของพวกเขารับใช้ผู้อื่น รูปลักษ์ภายนอกของพวกเขาสุภาพเรียบร้อย แทนที่จะสวมชุดลำลองหรือชุดไม่สุภาพตามที่แพร่หลายในปัจจุบัน ความประพฤติและรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาถ่ายทอดข่าวสารที่จริงจังทางศีลธรรม19

ปัจจุบันเรามีคนหนุ่มสาวประมาณ 230,000 คนกำลังรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาหรือกลับจากการรับใช้ในห้าปีที่ผ่านมา พวกเขาพัฒนาความเข้มแข็งทางวิญญาณและวินัยในตนเองซึ่งต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง หาไม่แล้วคุณสมบัติเหล่านี้จะลีบเหมือนกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งาน เราทุกคนต้องพัฒนาและแสดงให้เห็นความประพฤติและรูปลักษณ์ภายนอกที่ประกาศว่าเราเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของพระคริสต์ คนที่ละทิ้งความประพฤติอันชอบธรรมหรือรูปลักษณ์ภายนอกที่สุภาพดีงามย่อมเปิดรับวิถีชีวิตที่ไม่ได้ก่อเกิดปีติหรือความสุข

พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูให้พิมพ์เขียวของแผนแห่งความสุขและตัวกระตุ้นให้เข้าใจ ให้เราฝึกควบคุมตนเองและหลีกเลี่ยงการล่อลวง อีกทั้งสอนให้เรารู้วิธีกลับใจเมื่อมีการละเมิดเกิดขึ้น

สอง: การให้เกียรติวันสะบาโตจะเพิ่มความชอบธรรมและเป็นเครื่องคุ้มครองครอบครัว

ศาสนจักรของชาวคริสต์ยุคแรกเปลี่ยนการถือปฏิบัติวันสะบาโตจากวันเสาร์เป็นวันอาทิตย์เพื่อเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้า จุดประสงค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐานอื่นๆ ของสะบาโตยังไม่เปลี่ยน สำหรับชาวยิวและชาวคริสต์ วันสะบาโตเป็นสัญลักษณ์ของงานที่ยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า20

ข้าพเจ้ากับภรรยา และเพื่อนร่วมงานสองคนกับภรรยาของพวกเขา เพิ่งเข้าร่วมพิธีชาบัท (สะบาโต) ของชาวยิวตามคำเชิญของเพื่อนรักชื่อโรเบิร์ต อับรามส์กับไดแอนภรรยาของเขาในบ้านที่นิวยอร์ก21 พิธีนี้เริ่มตั้งแต่วันสะบาโตของชาวยิวคือเย็นวันศุกร์ โดยมุ่งถวายเกียรติพระผู้เป็นเจ้าในฐานะพระผู้สร้าง เริ่มด้วยการให้พรครอบครัวและร้องเพลงสวดสะบาโต22 เราเข้าร่วมพิธีล้างมือ การให้พรขนมปัง สวดอ้อนวอน รับประทานอาหารโคเชอร์ ท่องพระคัมภีร์ และร้องเพลงสะบาโตในบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง เราฟังคำพูดภาษาฮีบรู ตามด้วยคำแปลภาษาอังกฤษ ข้อพระคัมภีร์ที่กินใจที่สุดอ่านจากพันธสัญญาเดิม ซึ่งเรารักข้อนี้เช่นกัน จากอิสยาห์ ประกาศว่าสะบาโตเป็นวันปีติยินดี23 และจากเอเสเคียล ที่ว่าวันสะบาโต “จะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้า เพื่อเจ้าจะทราบว่าเราคือยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย”24

ความประทับใจท่วมท้นจากค่ำวันนั้นเกี่ยวข้องกับความรักครอบครัว ความภักดี และภาระรับผิดชอบต่อพระผู้เป็นเจ้า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นี้ ข้าพเจ้านึกถึงการข่มเหงรุนแรงที่ชาวยิวประสบหลายศตวรรษที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าการให้เกียรติวันสะบาโตเป็น “พันธสัญญาต่อเนื่อง” ซึ่งปกปักรักษาและเป็นพรแก่ชาวยิวตามสัมฤทธิผลในพระคัมภีร์25 อีกทั้งเอื้อประโยชน์ต่อชีวิตครอบครัวที่น่าทึ่งและความสุขซึ่งประจักษ์ชัดในชีวิตชาวยิวจำนวนมาก26

สำหรับสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย การให้เกียรติวันสะบาโตเป็นรูปแบบหนึ่งของความชอบธรรมซึ่งจะเป็นพรและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัว เชื่อมโยงเรากับพระผู้สร้าง และเพิ่มความสุข วันสะบาโตจะช่วยแยกเราจากสิ่งไม่สำคัญ ไม่เหมาะสม หรือผิดศีลธรรม ช่วยให้เราอยู่ในโลก แต่ไม่เป็นของโลก

ในหกเดือนที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าสังเกตที่สุดในศาสนจักร นี่เพราะสมาชิกขานรับการเน้นเรื่องสะบาโตอีกครั้งของฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสอง และขานรับคำท้าของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเรื่องการทำให้สะบาโตเป็นวันปีติยินดี27 สมาชิกจำนวนมากเข้าใจว่าการรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงนั้นเป็นที่หลบภัยจากมรสุมของชีวิตนี้ อีกทั้งเป็นเครื่องหมายของความภักดีต่อพระบิดาในสวรรค์และความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของการประชุมศีลระลึก เรายังต้องไปอีกไกล แต่เรามีจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม ข้าพเจ้าท้าทายให้เราทุกคนน้อมรับคำแนะนำนี้ต่อไปและปรับปรุงการนมัสการในวันสะบาโตของเรา

สาม: ความคุ้มครองจากสวรรค์มีให้เมื่อเราชอบธรรม

แผนส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าเป็นพรแก่เราด้วยของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของประทานดังกล่าว “คือสิทธิ์ที่จะมีความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อใดก็ตามที่เรามีค่าควร”28 สมาชิกองค์นี้ของพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ทรงเป็นตัวแทนชำระเราให้สะอาดถ้าพระกิตติคุณเป็นที่หนึ่งในชีวิตเรา พระองค์ทรงเป็นเสียงเตือนให้ระวังความชั่วและเสียงป้องกันอันตรายเช่นกัน ขณะที่เราล่องเรือในทะเลชีวิต เราจำเป็นต้องทำตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณจะทรงช่วยเราหลีกเลี่ยงการล่อลวงและอันตราย ทรงปลอบโยนและนำเราผ่านพ้นความท้าทาย “ผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์”29

การปฏิบัติหลักธรรมพระกิตติคุณอันศักดิ์สิทธิ์จะช่วยให้เรามีค่าควรเข้าพระวิหาร ทำให้เราสามารถพบความสุขในชีวิตนี้ และนำเรากลับไปบ้านบนสวรรค์ของเรา

พี่น้องที่รัก ชีวิตไม่ง่าย ทั้งไม่มุ่งหมายจะให้เป็นเช่นนั้น ชีวิตเป็นเวลาของการทดสอบและการทดลอง เหมือนเรือสมัยเก่าในอ่าวบริสตอล จะมีเวลาที่น้ำแห้งและดูประหนึ่งทุกอย่างที่ทำให้เราลอยอยู่ในโลกนี้หายไป เราอาจกระแทกพื้นใต้น้ำแม้ถึงกับตะแคงข้าง ท่ามกลางการทดลองเช่นนั้น ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าการดำเนินชีวิตให้มีค่าควรเข้าพระวิหารอยู่เสมอจะผูกทุกอย่างที่สำคัญจริงๆ ไว้ด้วยกัน พรอันหอมหวานของสันติ ความสุข และปีติ ตามด้วยพรแห่งชีวิตนิรันดร์และรัศมีภาพซีเลสเชียลกับพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์จะเป็นจริง ข้าพเจ้าเป็นพยานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. 2 นีไฟ 2:13. พระคัมภีร์ข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเทียบเคียงในพระคัมภีร์มอรมอน น่าสนใจตรงที่ศาสดาพยากรณ์หลายท่านซึ่งงานเขียนและโอวาทของพวกท่านอยู่ในพระคัมภีร์มอรมอนใช้วิธีนี้เน้นแนวคิดสำคัญๆ เกี่ยวกับหลักคำสอน ดูตัวอย่างใน 2 นีไฟ 9:25 (เจคอบ) และ 2 นีไฟ 11:7 (นีไฟ)

  2. ดู 2 นีไฟ 28.

  3. ดู 4 นีไฟ 1:15–17.

  4. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:23.

  5. ดู Wiktionary, “shipshape and Bristol fashion.” wiktionary.org.

  6. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 38:30.

  7. แอลมา 40:12; เพิ่มตัวเอน.

  8. ดู มัทธิว 5, บทสรุป.

  9. ดู คาร์ล ซีเดอร์สตรอม,, “The Dangers of Happiness,” New York Times, July 19, 2015, Sunday Review section, 8.

  10. 2 นีไฟ 15:20.

  11. รอสซ์ ดูแธท, “Gay Conservatism and Straight Liberation,” New York Times, June 28, 2015, Sunday Review section, 11.

  12. ดู 2 นีไฟ 2.

  13. ดู มัทธิว 25:2–3, 14–30.

  14. แอลมา 41:10.

  15. ดู ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “จงอดทนต่อไป,”เลียโฮนา, พ.ค. 2010, 70.

  16. ดู วอลเตอร์ มิสเชล, The Marshmallow Test: Mastering Self-Control (2014); see also Jacoba Urist, “What the Marshmallow Test Really Teaches about Self-Control,” Atlantic, Sept. 24, 2014, theatlantic.com ด้วย.

  17. ดู มิสเชล, The Marshmallow Test, 136–38.

  18. มาเรียน คอนนิโควา, “The Struggles of a Psychologist Studying Self-Control,” New Yorker, Oct. 9, newyorker.com, 2014, อ้าง รอย บูมีสเตอร์ ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตท ผู้ศึกษาเรื่องอำนาจจิตและการควบคุมตนเอง.

  19. ดู มาเลีย วอลลัน,, “How to Proselytize,” New York Times Magazine, July 19, 2015, 21 เธออ้างอิงคำพูดของมาริโอ ไดแอซจากศูยน์อบรมผู้สอนศาสนา บราซิล.

  20. ดู Bible Dictionary, “Sabbath.”

  21. เอ็ลเดอร์วอน จี. คีทช์กับเบอร์นิซภรรยา และจอห์น เทย์เลอร์กับภรรยา มาสมทบกับข้าพเจ้าและภรรยาไปเข้าร่วมพิธีชาบัทกับโรเบิร์ต อับรามส์และไดแอนภรรยาของเขาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2015 คุณ อับรามส์ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์กสี่สมัยและเป็นเพื่อนของศาสนจักรมานานหลายปี คุณ อับรามส์เชิญเพื่อนชาวยิวอีกสองคนกับภรรยามาด้วย

  22. เพลงสวดที่ร้องในวันสะบาโตชื่อว่า Shalom Aleichem (“สันติสุขอยู่กับท่าน”)

  23. ดู อิสยาห์ 58:13–14.

  24. เอเสเคียล 20:20.

  25. ดู อพยพ 31:16–17.

  26. ดู โจเซฟ ไลเบอร์แมน, The Gift of Rest: Rediscovering the Beauty of the Sabbath (2011). หนังสือน่าอ่านของวุฒิสมาชิกไลเบอร์แมนพูดถึงพิธีชาบัทของชาวยิวและให้ข้อคิดที่สร้างแรงบันดาล

  27. ดู อิสยาห์ 58:13–14; ดู รัสเซลล์ เอ็ม, เนลสัน, “สะบาโตคือวันปีติยินดี,”เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 129–132 ด้วย.

  28. Bible Dictionary, “Holy Ghost.”

  29. กาลาเทีย 5:22.