อิสระเสรีหรือ สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม?
การใช้สิทธิ์เสรีอย่างฉลาดทำให้การเลือกของเราเปิดกว้างและทำให้เราสามารถเลือกได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
ภาพประกอบโดย ไบรอัน บีช
ผมยังจำได้ว่าผมกังวลใจเพียงใดขณะเตรียมพบอธิการเรื่องการรับใช้งานเผยแผ่ ผมสงสัยว่าผมดีพอหรือไม่ ผมเหมือนศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธคือผมไม่มี “ความผิดเพราะบาปร้ายแรงหรือชั่วช้าเลย” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:28) แต่ผมกระวนกระวายใจเหมือนกัน
ผมกระวนกระวายใจเพราะอดคิดไม่ได้เกี่ยวกับแดนนีเพื่อนของผม (นามสมมติ) เป็นเวลาหลายเดือนที่แดนนีบอกว่าเขาตั้งตารอนานเพียงใดเพื่อรับใช้งานเผยแผ่ แต่นั่นเปลี่ยนไปหลังจากเขาพบกับอธิการ
เพราะแดนนีมีความประพฤติไม่เหมาะสมกับหญิงสาวหลายคน เขาบอกผมในภายหลัง และนั่นทำให้เขาขาดคุณสมบัติในการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลา เขาไม่มีอิสระที่จะเลือกงานเผยแผ่อีกต่อไป
ในคำพูดของประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง แดนนีตกอยู่ในการล่อลวงของซาตานให้ “ใช้สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม [ของเขา] อย่างไม่ถูกต้อง”1
อิสรภาพที่แท้จริง ตามที่ เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน สอน เกิดขึ้นเมื่อเราใช้สิทธิ์เสรีเลือกการเชื่อฟัง การสูญเสียอิสรภาพ ตามที่แดนนีเรียนรู้ เกิดจากการเลือกไม่เชื่อฟัง
“ถึงแม้ท่านมีอิสระที่จะเลือกวิถีการกระทำของท่าน แต่ท่านไม่มีอิสระที่จะเลือกผล ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ผลเหล่านั้นเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการเลือกที่ท่านทำ”2
ผู้มีสิทธิ์เสรีของตนเอง
เพราะพระคัมภีร์สอนว่าเราเป็น “อิสระที่จะเลือก” “อิสระที่จะกระทำ” และอิสระที่จะทำสิ่งสารพัน “ด้วยเจตจำนงอิสระ [ของเรา]” (2 นีไฟ 2:27; 10:23; คพ. 58:27; ฮีลามัน 14:30) เราจึงมักจะใช้คำว่า “สิทธิ์เสรี”
แต่ท่านรู้ไหมว่าวลี “อิสระเสรี” ไม่ปรากฏในพระคัมภีร์ แต่พระคัมภีร์สอนว่า “เพื่อมนุษย์ทุกคนจะกระทำในหลักคำสอนและหลักธรรม … ตาม สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม ซึ่งเราให้แก่เขา, เพื่อมนุษย์ทุกคนจะรับผิดชอบบาปของเขาเอง” (คพ. 101:78; เน้นตัวเอน)
เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “คำว่า สิทธิ์เสรี ปรากฏ [ในพระคัมภีร์] เป็นคำโดดๆ หรือมากับคำว่า ทางศีลธรรม … เมื่อเราใช้คำว่า สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม เรากำลังเน้นอย่างเหมาะสมเรื่องภาระรับผิดชอบซึ่งเป็นส่วนจำเป็นในของประทานอันสูงส่งแห่งสิทธิ์เสรี เราเป็นสัตภาวะและผู้มีสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมของตัวเราเอง มีอิสระที่จะเลือกแต่ต้องรับผิดชอบการเลือกของเราด้วย”3
ประธานแพคเกอร์เสริมว่า “พระคัมภีร์นิยามสิทธิ์เสรีว่าคือ ‘สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม’ ซึ่งหมายความว่าเราสามารถเลือกได้ระหว่างความดีกับความชั่ว”4 ของประทานที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้นี้หมายความว่าเราเป็น “อิสระที่จะเลือกเสรีภาพและชีวิตนิรันดร์, โดยผ่านพระผู้เป็นสื่อกลางที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์, หรือจะเลือกการเป็นเชลยและความตาย, ตามการเป็นเชลยและอำนาจของมาร” (2 นีไฟ 2:27)
สงครามของซาตานต่อต้านสิทธิ์เสรี
เพราะสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมมีบทบาทสำคัญในแผนแห่งความรอด ซาตานจึงหมายมั่นจะทำลายสิทธิ์เสรีดังกล่าวในโลกก่อนเกิด เขาถูกขับไล่เพราะการกบฏของเขาและเวลานี้เขาหมายมั่นจะ “หลอกลวงและทำให้มนุษย์มืดบอด, และชักนำพวกเขาไปเป็นทาสตามความประสงค์ของเขา” (โมเสส 4:3–4)
ซาตานต้องการให้เราทำการเลือกที่จำกัดอิสรภาพของเรา ชักนำให้มีนิสัยไม่ดีและการเสพติด และปล่อยเราให้ไร้พลังต่อต้านการล่อลวงของเขา ความสวยงามของพระกิตติคุณคือทำให้เรารับรู้การเลือกของเราและผลของการเลือกเหล่านั้น การใช้สิทธิ์เสรีอย่างฉลาดทำให้การเลือกของเราเปิดกว้างและสามารถเลือกได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
แบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด
เมื่อนำเสนอแผนแห่งความรอดที่สภาใหญ่ในสวรรค์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงแสดงให้เราเห็นวิธีใช้สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมอย่างถูกต้อง พระองค์ตรัสว่า “พระบิดา, ขอให้บังเกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด, และให้รัศมีภาพเป็นของพระองค์ตลอดกาล” (โมเสส 4:2) เพราะพระเยซูเต็มพระทัยทำตามพระประสงค์ของพระบิดาในเวลานั้นและต่อมาในสวนเกทเสมนีและบนกางเขน (ดู มัทธิว 26:39; ลูกา 22:42) พระองค์จึงทรงชดใช้การเลือกที่ไม่ดีของเราและจัดหาวิธีให้เราได้รับการให้อภัยผ่านการกลับใจ
ถ้าเราทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด แทนที่จะกล่าวว่า “ฉันทำสิ่งที่ฉันอยากทำ” เราจะประกาศว่า “ฉันทำสิ่งที่พระบิดาทรงต้องการให้ทำ”5 การใช้สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมของเราลักษณะนี้จะทำให้เราเกิดอิสรภาพและความสุข
เมื่อผมไปพบอธิการเพื่อสัมภาษณ์เป็นผู้สอนศาสนาครั้งแรก ผมสำนึกคุณที่ผมได้ทำการเลือกที่ดี สองสามเดือนต่อมาผมรับใช้พระเจ้าในกัวเตมาลา—สอนคนอื่นๆ ให้รู้แผนแห่งความรอดและบทบาทอันสำคัญยิ่งของสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมในแผนนั้น