2018
ท่านอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า?
พฤศจิกายน 2018


ท่านอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า?

เพราะการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ หากเราเลือกกลับใจและหันใจไปหาพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์จะทรงรักษาเราทางวิญญาณ

หลังจากลูกชายคนเล็กของเราเป็นผู้สอนศาสนาได้ไม่กี่เดือน เขากับคู่ศึกษาเสร็จพอดีเมื่อลูกชายของเรารู้สึกปวดศีรษะตื้อๆ เขารู้สึกแปลกมาก ตอนแรกเขาควบคุมแขนซ้ายไม่ได้ จากนั้นลิ้นก็ชา ใบหน้าซีกซ้ายเริ่มอ่อนแรง พูดไม่ชัด เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาไม่รู้ว่าเขากำลังอยู่ในภาวะสมองขาดเลือดไปสามส่วน ความกลัวเริ่มครอบงำขณะเขาเป็นอัมพาตครึ่งซีก ผู้มีอาการดังกล่าวต้องได้รับการดูแลเร็วที่สุดจึงจะส่งผลดีต่อการรักษา คู่ผู้สอนศาสนาที่ซื่อสัตย์ของเขาทำบางอย่างทันที หลังจากโทร 911 เขาให้พร น่าอัศจรรย์ที่รถพยาบาลอยู่ห่างจากตรงนั้นเพียงห้านาที

หลังจากรีบนำลูกชายของเราส่งโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ประเมินสถานการณ์ทันทีและตัดสินใจว่าควรให้ยาเพื่อให้เขาหายอัมพาตบางส่วนหรือทั้งหมด1 แต่ถ้าเขาไม่มีภาวะสมองขาดเลือด ยาจะส่งผลเสียรุนแรง เช่น ทำให้เลือดออกในสมอง ลูกชายเราต้องเลือก เขาเลือกรับยา แม้ต้องผ่าตัดหลายครั้งและใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ แต่ในที่สุดเขาก็ได้กลับไปเป็นผู้สอนศาสนาจนจบหลังจากอาการดีขึ้นมากแล้ว

พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีเดชานุภาพทั้งมวลและทรงทราบทุกสิ่ง ทรงทราบความทุกข์ทางกายของเรา ทรงรับรู้ความเจ็บปวดทางกายของเราเนื่องจากความเจ็บป่วย โรคภัย วัยชรา อุบัติเหตุ หรือความผิดปกติแต่กำเนิด ทรงรับรู้ความทุกข์ทางอารมณ์อันเนื่องจากความวิตกกังวล ความเหงา ภาวะซึมเศร้า หรือความเจ็บป่วยทางจิต ทรงรู้จักทุกคนที่ได้รับความอยุติธรรมหรือถูกกระทำทารุณกรรม ทรงทราบความอ่อนแอ ความโน้มเอียง และการล่อลวงที่เราประสบ

ในชีวิตมรรตัยเราได้รับการทดสอบเพื่อดูว่าเราจะเลือกความดีเหนือความชั่วหรือไม่ สำหรับคนที่เลือกรักษาพระบัญญัติ พวกเขาจะอยู่กับพระองค์ “ในสภาพแห่งความสุขอันไม่รู้จบ”2 เพื่อช่วยให้เราก้าวหน้าจนเป็นเหมือนพระองค์ พระบิดาบนสวรรค์จึงประทานอำนาจและความรู้ทั้งหมดแก่พระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ไม่มีโรคทางกาย ทางอารมณ์ หรือวิญญาณที่พระคริสต์ทรงรักษาไม่หาย3

จากการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดบนโลกนี้ พระคัมภีร์เล่าปาฏิหาริย์หลายครั้งที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้อำนาจรักษาผู้ทุกข์ทรมานทางกาย

กิตติคุณของยอห์นเล่าเรื่องชายคนหนึ่งที่ทนทุกข์ทรมานเพราะความเจ็บป่วยมา 38 ปี

“เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นคนนั้นนอนอยู่ และทรงทราบว่าเขาป่วยอยู่อย่างนั้นนานแล้ว พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ท่านอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า?”

ชายคนนั้นตอบว่าไม่มีใครช่วยเขาเลยทั้งที่เขาต้องการให้ช่วยมากที่สุด

“พระเยซูตรัสกับเขาว่า ลุกขึ้นเถิด จงยกแคร่ของท่านเดินไป

ทันใดนั้น เขาก็หายเป็นปกติและยกแคร่ของเขาเดินไป”4

ขอให้สังเกตผลเทียบเคียงระหว่างชายคนนี้ที่ทุกข์ทรมานนานถึง—38 ปี—กับการที่เขาหายเร็วมากเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาหาย “ทันที

ในอีกกรณีหนึ่ง หญิงคนหนึ่งเป็นโรคโลหิตตกมานาน 12 ปี เธอ “ใช้ทรัพย์ทั้งหมด [ของเธอ] เป็นค่าหมอ … หญิงผู้นี้แอบมาทางข้างหลังและแตะต้องชายฉลองพระองค์ของพระองค์ และใน ทันใดนั้น โลหิตที่ตกก็ หยุด

“แต่พระเยซูตรัสว่า มีคนหนึ่งแตะต้องตัวเราเพราะเรารู้สึกได้ว่าฤทธิ์ซ่านออกจากตัวเรา

“เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าไม่สามารถจะซ่อนตัวต่อไปได้แล้ว นาง … ทูลพระองค์ต่อหน้าทุกคน … และหายโรคได้ใน ทันที5

พระคริสต์ทรงสอนผ่านการปฏิบัติศาสนกิจว่าพระองค์ทรงมีอำนาจเหนือร่างกาย เราไม่สามารถเลือกเวลาได้ว่าจะให้พระคริสต์ทรงรักษาโรคทางกายของเราเมื่อใด การรักษาเกิดขึ้นตามพระประสงค์และพระปรีชาญาณของพระองค์ ในพระคัมภีร์ บางคนทุกข์ทรมานหลายสิบปี หลายคนทุกข์ทรมานทั้งชีวิต ความทุพพลภาพจะขัดเกลาเราและทำให้เราวางใจพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น แต่เมื่อเรายอมให้พระคริสต์เกี่ยวข้อง พระองค์จะทรงเพิ่มพลังทางวิญญาณให้เราเสมอเพื่อเราจะสามารถทนแบกภาระได้มากขึ้น

สุดท้ายแล้วเรารู้ว่าโรคทางกาย หรือความไม่สมประกอบทุกอย่างจะหายในการฟื้นคืนชีวิต นั่นเป็นของขวัญที่มอบให้มนุษย์ทุกคนผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์6

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาได้มากกว่าร่างกายของเรา ทรงรักษาวิญญาณเราได้เช่นกัน ทั่วพระคัมภีร์เราเรียนรู้ว่าพระคริสต์ทรงช่วยคนที่วิญญาณอ่อนแอให้หายเป็นปกติได้อย่างไร7 ขณะที่เราไตร่ตรองประสบการณ์เหล่านี้ ความหวังและศรัทธาในเดชานุภาพของพระผู้ช่วยให้รอดที่จะเป็นพรแก่ชีวิตเราเพิ่มขึ้น พระเยซูคริสต์ทรงเปลี่ยนจิตใจเราได้ ทรงรักษาเราให้หายจากผลของความอยุติธรรมหรือทารุณกรรม ทรงเพิ่มพลังความสามารถให้เราทนความสูญเสียและความปวดร้าวใจ ทรงนำสันติสุขมาช่วยให้เราอดทนต่อการทดลองของชีวิต รักษาเราทางจิตใจ

พระคริสต์ทรงรักษาเราได้เช่นกันเมื่อเราทำบาป เราทำบาปเมื่อเราจงใจละเมิดกฎข้อหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า8 เมื่อเราทำบาป จิตวิญญาณเราไม่สะอาด ไม่มีสิ่งที่ไม่สะอาดจะอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าได้9 “การสะอาดจากบาปคือการรักษาหายทางวิญญาณ”10

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงทราบว่าเราจะทำบาป แต่ทรงเตรียมทางให้เราได้รับการไถ่ เอ็ลเดอร์ลินน์ จี. รอบบินส์สอนว่า “การกลับใจไม่ใช่แผนสำรอง [ของพระผู้เป็นเจ้า] ในเหตุการณ์ที่เราอาจล้มเหลว การกลับใจ เป็น แผนของพระองค์ โดยทรงทราบว่าเราจะล้มเหลว”11 เมื่อเราทำบาป เรามีโอกาสเลือกความดีจากความชั่ว เราเลือกความดีเมื่อเรากลับใจหลังจากทำบาป โดยผ่านพระเยซูคริสต์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ เราจะได้รับการไถ่จากบาปและนำเรากลับไปที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาหลังจากเรากลับใจ การรักษาทางวิญญาณไม่ใช่การกระทำฝ่ายเดียว—ต้องมีทั้งอำนาจการไถ่ของพระผู้ช่วยให้รอดและการกลับใจจริงของคนบาป สำหรับคนที่เลือกไม่กลับใจ พวกเขากำลังปฏิเสธการรักษาที่พระคริสต์ทรงมอบให้ พวกเขาทำประหนึ่งไม่มีการไถ่12

เมื่อข้าพเจ้าให้คำปรึกษาคนที่พยายามกลับใจ ข้าพเจ้าแปลกใจที่ผู้ดำเนินชีวิตในบาปตัดสินใจทำสิ่งถูกต้องได้ยาก พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงไปจากพวกเขา และพวกเขามักจะไม่อยากเลือกสิ่งที่นำพวกเขาให้ใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น พวกเขาดิ้นรนนานหลายเดือนหรือหลายปี อับอายหรือหวาดกลัวเพราะผลจากบาปของตน บ่อยครั้งพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนหรือได้รับการให้อภัย ข้าพเจ้ามักจะได้ยินพวกเขาพูดถึงความกลัวของตนว่าถ้าคนที่พวกเขารักรู้ว่าพวกเขาทำอะไรลงไป คนเหล่านั้นคงเลิกรักและไปจากพวกเขา เมื่อคิดแบบนั้น พวกเขาจึงไม่ยอมปริปากและถ่วงเวลากลับใจ พวกเขารู้สึกอย่างผิดๆ ว่าไม่กลับใจตอนนี้ดีกว่าเพื่อพวกเขาจะได้ไม่ทำร้ายคนที่พวกเขารัก พวกเขาคิดว่าทนทุกข์หลังจากชีวิตนี้ดีกว่าต้องผ่านกระบวนการกลับใจตอนนี้ พี่น้องทั้งหลาย การเลื่อนวันกลับใจ ไม่ใช่ ความคิดที่ดีเลย ปฏิปักษ์มักใช้ความกลัวขัดขวางเราไม่ให้ทำตามศรัทธาของเราในพระเยซูคริสต์ทันที

เมื่อคนที่เรารักทราบความจริงว่าเราทำบาป แม้พวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่พวกเขามักจะต้องการช่วยคนบาปที่กลับใจอย่างจริงใจให้เปลี่ยนและคืนดีกับพระผู้เป็นเจ้า การรักษาทางวิญญาณเร็วขึ้นเมื่อคนบาปสารภาพและแวดล้อมไปด้วยคนที่รักพวกเขาและช่วยให้พวกเขาละทิ้งบาปของตน ขอให้จดจำว่าพระเยซูคริสต์ทรงมีอำนาจรักษาผู้บริสุทธิ์ซึ่งตกเป็นเหยื่อของบาปที่หันมาพึ่งพระองค์เช่นกัน13

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์กล่าวว่า “วิญญาณของเราได้รับบาดเจ็บเมื่อเราทำผิดและทำบาป แต่ไม่เหมือนกับร่างกายทางโลกของเรา เมื่อกระบวนการกลับใจสมบูรณ์จะไม่มีรอยแผลเป็นอยู่ตรงนั้นเนื่องจากการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ คำสัญญาคือ ‘ดูเถิด, คนที่กลับใจจากบาปของเขา, คนคนนั้นได้รับการให้อภัย, และเรา, พระเจ้า, ไม่จำมันอีก’ [หลักคำสอนและพันธสัญญา 58:42]”14

เมื่อเรากลับใจ “ด้วยความตั้งใจเด็ดเดี่ยว”15 “พระองค์จะทรงนำแผนอันสำคัญยิ่งแห่งการไถ่มาสู่ [ชีวิตเรา] โดยทันที16 พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงรักษาเรา

คู่ผู้สอนศาสนากับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่ช่วยลูกชายเราในสนามเผยแผ่ทำอย่างรวดเร็ว บุตรชายของเราเลือกรับยารักษาโรค อัมพาตจากโรคของเขาที่น่าจะมีผลต่อชีวิตที่เหลือกลับหายไปสิ้น ในทำนองเดียวกัน ยิ่งเรากลับใจและนำการชดใช้ของพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตเราเร็วเท่าใด เราจะได้รับการรักษาจากผลของบาปเร็วขึ้นเท่านั้น

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเชื้อเชิญดังนี้ “หากท่านออกนอกเส้นทาง … ข้าพเจ้าเชื้อเชิญท่าน … ให้กลับมา ไม่ว่าท่านมีข้อกังวลอะไร ไม่ว่าท่านมีความท้าทายอะไร มีที่ให้ท่านในศาสนจักรนี้ ศาสนจักรของพระเจ้า ท่านและอนุชนในรุ่นที่ยังไม่เกิดจะได้รับพรเพราะการกลับสู่เส้นทางพันธสัญญาของท่านตั้งแต่บัดนี้”17

การรักษาทางวิญญาณเรียกร้องให้เรายอมทำตามเงื่อนไขที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงกำหนด เราต้องไม่ถ่วงเวลา! เราต้องทำวันนี้! ทำเดี๋ยวนี้เพื่ออัมพาตทางวิญญาณจะไม่ขัดขวางความก้าวหน้านิรันดร์ของท่าน ขณะข้าพเจ้าพูด หากท่านรู้สึกว่าต้องขออภัยจากคนที่ท่านทำผิดต่อพวกเขา ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านขอ บอกพวกเขาว่าท่านทำอะไรลงไป ขอให้พวกเขาให้อภัยท่าน ถ้าท่านทำบาปที่ส่งผลต่อความมีค่าควรเข้าพระวิหาร ขอให้ท่านหารือกับอธิการของท่าน—วันนี้ อย่าถ่วงเวลา

พี่น้องทั้งหลาย พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักเรา พระองค์ประทานอำนาจและความรู้ทั้งหมดให้พระบุตรที่รักของพระองค์พระเยซูคริสต์ เนื่องจากพระองค์ สักวันหนึ่งมวลมนุษย์จะหายจากโรคทางกายทุกอย่าง เพราะการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ หากเราเลือกกลับใจและหันใจไปหาพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์จะทรงรักษาเราทางวิญญาณ การรักษานั้นเกิดขึ้นได้ทันที เราเป็นคนเลือกเราอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า?

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงจ่ายราคาเพื่อให้เราหายเป็นปกติ แต่เราต้องเลือกรับยารักษาที่พระองค์ทรงมอบให้ จงรับวันนี้! อย่าถ่วงเวลา ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ยาชนิดนี้เรียกว่า tPA (ยาสลายลิ่มเลือด)

  2. โมไซยาห์ 2:41.

  3. ดู มัทธิว 4:24. พระคริสต์เสด็จไปรักษาผู้ป่วยทุกคน แม้แต่คนที่เป็น “โรคต่างๆ” “เจ็บปวดทรมาน” “ถูกผีเข้า” และ “พวกที่เป็นลมบ้าหมู”

  4. ดู ยอห์น 5:5–9; เน้นตัวเอน.

  5. ดู ลูกา 8:43–47; เน้นตัวเอน.

  6. ดู แอลมา 40:23; ฮีลามัน 14:17.

  7. ดู ลูกา 5:20, 23–25; ดู งานแปลของโจเซฟ สมิธ, ลูกา 5:23 (ใน ลูกา 5:23, เชิงอรรถ a): “การให้อภัยบาปไม่ต้องใช้พลังอำนาจมากกว่าการทำให้คนป่วยลุกขึ้นเดินหรือ.”

  8. ดู 1 ยอห์น 3:4..

  9. ดู 3 นีไฟ 27:19.

  10. “พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์,” สั่งสอนกิตติคุณของเรา: แนวทางการรับใช้งานเผยแผ่ศาสนา, ฉบับแก้ไข (2018), lds.org/manual/missionary.

  11. ลินน์ จี. รอบบินส์, “เจ็ดสิบครั้งคูณเจ็ด,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 22.

  12. ดู โมไซยาห์ 16:5.

  13. หลายครั้งข้าพเจ้าเห็นแต่ละบุคคลหายเร็วขึ้นเมื่อสมาชิกครอบครัวช่วยประคับประคองคนที่ฝ่าฝืนคำปฏิญาณของความภักดีและความไว้วางใจ ช่วยพวกเขาหันไปหาพระผู้ช่วยให้รอดอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อเดชานุภาพแห่งการรักษาของพระองค์ในชีวิตพวกเขา หากคนที่กลับใจจริงพยายามเปลี่ยนจริงๆ สมาชิกครอบครัวที่ช่วยพวกเขาในการศึกษาพระกิตติคุณ การสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจ และการรับใช้เหมือนพระคริสต์ไม่เพียงช่วยให้คนบาปเปลี่ยนเท่านั้นแต่จะเปิดประตูสู่การรักษาที่เพิ่มขึ้นจากพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตพวกเขาด้วย ในเวลาที่เหมาะสม ผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อสามารถช่วยคนที่ทำบาปได้โดยแสวงหาการนำทางจากสวรรค์ว่าจะศึกษาอะไรด้วยกัน จะรับใช้อย่างไร และจะให้สมาชิกครอบครัวมีส่วนช่วยเหลือและเพิ่มพลังให้คนที่กลับใจเพื่อเปลี่ยนและได้ประโยชน์จากเดชานุภาพการไถ่ของพระเยซูคริสต์อย่างไร

  14. บอยด์ เค. แพคเดอร์, “แผนแห่งความสุข,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 28.

  15. 3 นีไฟ 18:32.

  16. แอลมา 34:31; เน้นตัวเอน.

  17. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน,” เลียโฮนา, เม.ย. 2018, 7.