2010–2019
แผนแห่งความสุข
เมษายน 2015


18:56

แผนแห่งความสุข

บั้นปลายของกิจกรรมทั้งปวงในศาสนจักรคือการเห็นชายและหญิงกับลูกๆ ของพวกเขามีความสุขที่บ้าน ผนึกกันชั่วนิรันดร

หลายปีมาแล้ว หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ข้าพเจ้าเรียนอยู่ที่วิทยาลัย ข้าพเจ้าพบกับดอนน่า สมิธที่นั่น ประมาณช่วงเวลานั้นข้าพเจ้าเคยอ่านมาว่าองค์ประกอบสำคัญของชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จได้แก่คุกกี้กับจุมพิต ข้าพเจ้าคิดว่านั่นลงตัวดีทีเดียว

ข้าพเจ้าไปเรียนวิทยาลัยในตอนเช้าแล้วกลับไปทำงานในอู่ซ่อมรถของคุณพ่อข้าพเจ้าที่บริคัม ซิตี้ในตอนบ่าย วิชาสุดท้ายในช่วงเช้าของดอนน่าคือคหกรรมศาสตร์ ข้าพเจ้าแวะไปห้องเรียนของเธอก่อนออกไปทำงาน ประตูเป็นกระจกฝ้า แต่ถ้าข้าพเจ้ายืนชิดกระจกเธอจะเห็นเงาข้าพเจ้าด้านนอก เธอจะแอบออกมาให้คุกกี้และจุมพิต ที่เหลือก็คงเดาได้ เราแต่งงานในพระวิหารซอลท์เลคและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในชีวิตเรา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าพเจ้ามักจะสอนหลักธรรมสำคัญข้อหนึ่งบ่อยๆ นั่นคือ: บั้นปลายของกิจกรรมทั้งปวงในศาสนจักรคือการเห็นชายและหญิงกับลูกๆ ของพวกเขามีความสุขที่บ้าน ผนึกกันเพื่อกาลเวลาและชั่วนิรันดร

ในกาลเริ่มต้น:

“บรรดาพระผู้เป็นเจ้าจึงทรงลงไปวางระบบมนุษย์ในรูปลักษณ์ของพวกพระองค์เอง, ในรูปลักษณ์ของบรรดาพระผู้เป็นเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงประกอบเขา, ชายและหญิงเพื่อพระองค์จะทรงประกอบพวกเขา.

“และบรรดาพระผู้เป็นเจ้าตรัส : เราจะอวยพรพวกเขา. และบรรดาพระผู้เป็นเจ้าตรัส : เราจะทำให้พวกเขาอุดมสมบูรณ์และขยายเผ่าพันธุ์, และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลก, และทำให้มันศิโรราบ” (อับราฮัม 4:27–28)

ดังนั้นวัฏจักรของชีวิตมนุษย์จึงเริ่มต้นบนโลกนี้เมื่อ “อาดัมเสพสมกับภรรยา, และนางคลอดบุตรและธิดาให้เขา, และพวกเขาเริ่มขยายเผ่าพันธุ์และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลก

“และ …บุตรและธิดาของอาดัมเริ่มแยกไปเป็นคู่ ๆ ในแผ่นดิน, …และพวกเขาให้กำเนิดบุตรและธิดาด้วย” (โมเสส 5:2–3)

พระบัญญัติให้ขยายเผ่าพันธุ์และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลกไม่เคยยกเลิก พระบัญญัติดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อแผนแห่งการไถ่และเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขของมนุษย์ โดยผ่านการใช้อำนาจนี้อย่างชอบธรรม เราอาจเข้าใกล้พระบิดาในสวรรค์และประสบกับความสมบูรณ์แห่งปีติ แม้การเป็นพระเจ้า อำนาจแห่งการให้กำเนิดไม่ได้เป็นส่วนเสริมของแผน แต่เป็นแผนแห่งความสุข เป็นกุญแจสู่ความสุข

ความปรารถนาคู่ครองในมนุษยชาติมีอยู่ตลอดมาและแรงกล้ามาก ความสุขในชีวิตมรรตัย ปีติ และความสูงส่งของเราขึ้นอยู่กับวิธีที่เราตอบสนองความปรารถนาทางร่างกายเหล่านี้ที่บีบบังคับเราอย่างต่อเนื่อง เมื่ออำนาจการให้กำเนิดเจริญวัยเต็มที่ในความเป็นชายและความเป็นหญิงในวัยต้น ความรู้สึกส่วนตัวเกิดขึ้นอย่างมาก ในทางธรรมชาติซึ่งไม่เหมือนประสบการณ์อื่นใดทางร่างกาย

ตามหลักการทั่วไป การหาคู่เริ่มต้นด้วยเรื่องรักใคร่ แม้ว่าวัฒนธรรมอาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่การหาคู่เต็มไปด้วยความรู้สึกแบบหนังสือนิยายซึ่งมีความตื่นเต้นและความคาดหวัง แม้การปฏิเสธในบางครั้ง มีแสงจันทร์และดอกกุหลาบ จดหมายรัก เพลงรัก บทกวี การจับมือ และการแสดงความรักอื่นๆ ระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว โลกนี้มีเพียงเราสองและพวกเขาอิ่มเอมด้วยปีติ

และหากท่านคิดว่าความหวานชื่นของความรักใคร่ในวัยหนุ่มสาวนั้นคือผลรวมทั้งหมดของสิ่งที่ได้มาจากน้ำพุแห่งชีวิต ท่านก็ยังไม่ได้อยู่นานพอที่จะเห็นการอุทิศตนและการปลอบประโลมจากความรักในชีวิตแต่งงานที่ยาวนาน คู่สามีภรรยาถูกทดลองจากการล่อลวง ความเข้าใจผิด ปัญหาการเงิน วิกฤติในครอบครัว และความเจ็บป่วย และในช่วงเวลาเช่นนี้ความรักยิ่งมั่นคงแข็งแรง ความรักที่มั่นคงมีความสุขล้นจนแม้คู่แต่งงานใหม่ก็ไม่อาจจินตนาการได้

รักแท้เรียกร้องให้ยับยั้งการแบ่งปันความรักใคร่ซึ่งไขอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นด้วยอำนาจแห่งการสร้างไว้จนหลังแต่งงาน นี่หมายถึงการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้องมีการควบคุมความปรารถนาทางร่างกาย ความรักอันบริสุทธิ์ยอมรับว่าหลังจากให้คำปฏิญาณว่าจะซื่อสัตย์ชั่วนิรันดร์ หลังจากพิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย และตามหลักแล้วหลังจากศาสนพิธีผนึกในพระวิหารเท่านั้นที่อำนาจการให้กำเนิดจะได้รับการปลดปล่อยในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อแสดงความรักอันสมบูรณ์ ซึ่งต้องแบ่งปันเฉพาะกับบุคคลผู้นั้นที่เป็นคู่ครองของท่านแต่  เพียง  ผู้เดียวตลอดกาล

เมื่อเข้าไปอย่างมีค่าควร กระบวนการนี้จะผสานความรู้สึกทางร่างกาย อารมณ์ และวิญญาณที่สวยงามและสูงส่งที่สุดอันเกี่ยวข้องกับคำว่ารัก ส่วนนั้นของชีวิตไม่มีประสบการณ์ใดของมนุษย์ทั้งปวงจะเทียบเท่าได้ เมื่อมีการทำและรักษาพันธสัญญา สิ่งนั้นจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ “เพราะในนั้นมีกุญแจของฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์แต่งตั้งไว้, เพื่อเจ้าจะรับเกียรติและรัศมีภาพ” (คพ. 124:34), “ซึ่งรัศมีภาพนี้จะเป็นความสมบูรณ์และความต่อเนื่องของพงศ์พันธุ์ทั้งหลายตลอดกาลและตลอดไป” (คพ. 132: 19)

แต่ความรักใคร่เลื่อนลอยไม่สมบูรณ์ เป็นเพียงการเริ่มต้น ความรักได้รับการบำรุงเลี้ยงโดยการมีบุตร ซึ่งมาจากน้ำพุแห่งชีวิตนั้นที่มอบให้คู่สามีภรรยาในการแต่งงาน การปฏิสนธิเกิดขึ้นในอ้อมกอดระหว่างสามีกับภรรยาที่แต่งงานกันแล้ว ร่างกระจิริดเริ่มก่อตัวในรูปแบบที่สวยงามสลับซับซ้อน เด็กออกจากครรภ์ด้วยปาฏิหาริย์ของการเกิด ได้รับการสร้างในรูปลักษณ์ของบิดาและมารดาทางโลก ในร่างมรรตัยของเด็กเป็นวิญญาณที่สามารถรู้สึกและรับรู้เรื่องทางวิญญาณ สิ่งที่สงบนิ่งอยู่ในร่างมรรตัยของเด็กคนนี้คืออำนาจที่จะให้กำเนิดลูกหลานในรูปลักษณ์ของเขาเอง

“วิญญาณกับร่างกายเป็นจิตวิญญาณของมนุษย์” (คพ. 88:15) และมีกฎทางวิญญาณและทางร่างกายที่ต้องเชื่อฟังหากเราต้องการมีความสุข มีกฎนิรันดร์รวมถึงกฎที่เกี่ยวข้องกับการให้ชีวิต “ประกาศิตไว้ในสวรรค์อย่างเปลี่ยนแปลงไม่ได้ก่อนการวางรากฐานของโลกนี้, ซึ่งในนั้นทรงกำหนดพรไว้ทุกประการ” (คพ. 130:20) นี่คือกฎทางวิญญาณซึ่งระบุมาตรฐานทางศีลธรรมสำหรับมนุษยชาติ (ดู งานแปลของโจเซฟ สมิธ โรมัน 7: 14–15 ; 2 นีไฟ 2:5; คพ. 29:34; 134:6) มีพันธสัญญาซึ่งผูก ผนึก ปกป้องและให้สัญญาถึงพรนิรันดร์

แอลมาตักเตือนชิบลันบุตรชายของท่านว่า “จงแน่ใจด้วยว่าลูกหักห้ามความลุ่มหลงทั้งปวงของลูก, เพื่อลูกจะเต็มไปด้วยความรัก” (แอลมา 38:12) เราใช้บังเหียนเพื่อนำทาง กำกับ และเหนี่ยวรั้ง ความลุ่มหลงของเราต้องถูกควบคุม เมื่อใช้โดยถูกต้องตามกฎ อำนาจแห่งการให้กำเนิดจะเป็นพรและจะชำระให้บริสุทธิ์ (ดู คำสอนของประธานศาสนจักร: โจเซฟ เอฟ. สมิธ [1998], 177)

การล่อลวงมีอยู่ตลอดเวลา เพราะปฏิปักษ์ไม่สามารถให้กำเนิดชีวิต เขาจึงริษยาทุกคนที่มีอำนาจสวรรค์นั้น เขากับไพร่พลทั้งหลายที่ติดตามเขาถูกขับไล่และเพิกถอนสิทธิ์ในการรับร่างกายมรรตัย “เขาแสวงหาเพื่อจะให้มนุษย์ทั้งปวงเศร้าหมองเหมือนตัวเขา” (2 นีไฟ 2:27) หากทำได้เขาจะล่อลวงเพื่อลดคุณค่า ก่อความเสื่อมเสีย และหากเป็นไปได้ก็จะทำลายของประทานนี้ซึ่งหากเรามีค่าควรเราอาจเพิ่มพูนได้ชั่วนิรันดร์ (ดู คพ. 132:28–31)

หากเราทำให้น้ำพุแห่งชีวิตของเราแปดเปื้อนหรือนำคนอื่นให้ล่วงละเมิด จะมีการลงโทษที่ “แสนสาหัส” และ “ยากเหลือจะทน” (คพ. 19:15) เกินจะสาสมกับความพึงพอใจทั้งหมดที่ได้รับทางร่างกาย

แอลมาบอกโคริแอนทอนว่า “ลูกไม่รู้หรือ, ลูกพ่อ, ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความน่าชิงชังในสายพระเนตรของพระเจ้า; แท้จริงแล้ว, น่าชิงชังที่สุดเหนือบาปทั้งปวงนอกจากการทำให้เลือดบริสุทธิ์ต้องหลั่งหรือการปฏิเสธพระวิญญาณบริสุทธิ์?” (แอลมา 39:5) เราไม่สามารถหลีกหนีผลที่ตามมาเมื่อเราล่วงละเมิด

การแสดงอำนาจแห่งการให้กำเนิดที่ถูกต้องตามกฎหมายและได้รับอนุญาตทำได้ระหว่างสามีกับภรรยา ชายและหญิง ที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สิ่งใดที่นอกเหนือจากนี้ละเมิดพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า อย่ายอมจำนนต่อการล่อลวงอันเลวร้ายของปฏิปักษ์ เพราะหนี้ทุกอย่างของการล่วงละเมิดต้องชำระ “จน‍กว่าจะใช้หนี้หมด” (มัทธิว 5:26)

ไม่มีที่ใดที่ความโอบอ้อมอารีและพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าจะประจักษ์ชัดไปกว่าในการกลับใจ

เมื่อได้รับบาดเจ็บ ร่างกายทางโลกของเราสามารถซ่อมแซมตนเอง บางครั้งด้วยความช่วยเหลือจากแพทย์ แต่ถ้ามีความเสียหายมากมักจะเกิดรอยแผลเป็นตรงบริเวณนั้นซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจถึงการบาดเจ็บ

แต่กับร่างกายทางวิญญาณเป็นอีกเรื่องหนึ่ง วิญญาณของเราได้รับบาดเจ็บเมื่อเราทำผิดและทำบาป แต่ไม่เหมือนกับร่างกายทางโลกของเรา เมื่อกระบวนการกลับใจสมบูรณ์จะไม่มีรอยแผลเป็นอยู่ตรงนั้นเนื่องจากการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ คำสัญญาคือ “ดูเถิด, คนที่กลับใจจากบาปของเขา, คนคนนั้นได้รับการให้อภัย, และเรา, พระเจ้า, ไม่จำมันอีก” (คพ. 58:42)

เมื่อเราพูดถึงการแต่งงานและชีวิตครอบครัว มีสิ่งหนึ่งเข้ามาสู่ความคิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “แล้วข้อยกเว้นเล่า” บางคนเกิดมาพร้อมกับข้อจำกัดและไม่สามารถให้กำเนิดบุตร การแต่งงานของผู้บริสุทธิ์บางคนต้องพังทลายเพราะความไม่ซื่อสัตย์ของคู่ครอง อีกหลายคนไม่ได้แต่งงานและดำเนินชีวิตโสดอย่างมีค่าควร

สำหรับเวลานี้ข้าพเจ้าขอมอบการปลอบประโลมนี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา! ความรักและความโอบอ้อมอารีที่ประจักษ์ในบิดาในอุดมคติทางโลกนั้นขยายอยู่ในพระองค์ผู้ทรงเป็นพระบิดาและพระผู้เป็นเจ้าของเราเกินกว่าความสามารถของความคิดมนุษย์จะเข้าใจได้ การพิพากษาของพระองค์เที่ยงธรรม พระเมตตาของพระองค์ไม่มีขีดจำกัด เดชานุภาพของพระองค์ชดเชยได้เกินกว่าการเปรียบเทียบใดๆ ทางโลก “ถ้าเรามีความหวังในพระ‍คริสต์เพียงแค่ในชีวิตนี้ เราก็เป็นพวกน่า‍เวท‌นาที่‍สุดของคนทั้ง‍หมด” (1 โครินธ์ 15:19)

บัดนี้ข้าพเจ้าขอใช้คำว่า พระวิหาร ด้วยความคารวะ ข้าพเจ้านึกภาพห้องผนึกและแท่นพร้อมกับคู่หนุ่มสาวคุกเข่าอยู่ที่นั่น ศาสนพิธีพระวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นมากกว่าการแต่งงาน เพราะการแต่งงานนี้สามารถผนึกโดยพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญา พระคัมภีร์ประกาศว่าเรา “จะสืบทอดบัลลังก์, อาณาจักร, มณฑล, และอำนาจ, อำนาจการปกครอง” (คพ. 132:19) ข้าพเจ้าเห็นปีติที่รอคอยคนเหล่านั้นผู้ยอมรับของประทานอันสูงส่งนี้และใช้อย่างมีค่าควร

ซิสเตอร์ดอนน่า สมิธ แพคเกอร์กับข้าพเจ้าอยู่เคียงข้างกันในชีวิตแต่งงานเกือบ 70 ปี เมื่อพูดถึงภรรยาข้าพเจ้า แม่ของลูกๆ เรา ข้าพเจ้าไม่อาจสรรหาถ้อยคำมาบรรยาย ความรู้สึกนั้นลึกซึ้งมากและความสำนึกคุณมีพลังมากจนสุดจะพรรณนา รางวัลสุดประเสริฐที่เราได้รับในชีวิตนี้และชีวิตที่จะมาถึง คือลูกหลานของเรา เมื่อใกล้สิ้นสุดวันเวลาในความเป็นมรรตัยของเราด้วยกัน ข้าพเจ้าขอบคุณทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่เคียงกับเธอและคำสัญญาที่พระเจ้าประทานไว้ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์และพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ พระองค์ทรงเป็นประมุขของศาสนจักร โดยผ่านการชดใช้ของพระองค์และอำนาจของฐานะปุโรหิต ครอบครัวซึ่งเริ่มต้นในความเป็นมรรตัยสามารถอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร การชดใช้ ซึ่งเรียกเราแต่ละคนกลับคืนได้นั้นไม่ทิ้งรอยแผลไว้ หมายความว่าไม่ว่าเราทำอะไรลงไปหรือเคยไปอยู่ที่ไหนหรือบางสิ่งเกิดขึ้นอย่างไร หากเรากลับใจอย่างแท้จริง พระองค์ทรงสัญญาว่าจะชดใช้ให้ และเมื่อพระองค์ทรงชดใช้ ทุกอย่างจะหายไป มีพวกเราหลายคนที่ซัดเซไปมา ด้วยความรู้สึกผิด ไม่รู้จะหนีออกมาได้อย่างไร ท่านหนีออกมาได้โดยการยอมรับการชดใช้ของพระคริสต์ และทุกสิ่งซึ่งทำให้จิตใจปวดร้าวจะเปลี่ยนเป็นความสวยงามและความรักและนิรันดร

ข้าพเจ้าขอบพระทัยสำหรับพรของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ สำหรับอำนาจแห่งการให้กำเนิด สำหรับอำนาจแห่งการไถ่ สำหรับการชดใช้—การชดใช้ซึ่งจะชำระมลทินทุกอย่างให้สะอาดไม่ว่าจะยากแค่ไหนหรือนานเท่าไหร่หรือทำซ้ำกี่ครั้งก็ตาม การชดใช้จะทำให้ท่านเป็นอิสระอีกครั้งเพื่อรุดหน้าต่อไป อย่างสะอาดและมีค่าควร เพื่อเดินตามเส้นทางซึ่งท่านได้เลือกไว้ในชีวิต

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์ ว่าพระเยซูคือพระคริสต์ ว่าการชดใช้ไม่ใช่สิ่งทั่วๆ ไปสำหรับศาสนจักรทั้งหมด แต่เป็นเรื่องส่วนบุคคล และถ้าท่านมีบางสิ่งที่รบกวนจิตใจท่าน—บางครั้งเกิดขึ้นนานมาแล้วจนท่านแทบจะจำไม่ได้—จงนำการชดใช้มาใช้ การชดใช้จะชำระท่านให้สะอาด และท่าน เช่นเดียวกับพระองค์ จะไม่จดจำบาปของท่านอีกต่อไป ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน