พรของการพึ่งพาตนเอง
การลงทุนที่ดีที่สุด
หลังจากถูกเลิกจ้าง บลังกา เกรกอรีเครียดจากการหางานใหม่ แต่จากนั้นเธอเข้าร่วมกลุ่มการพึ่งพาตนเองหลักสูตรหางานที่ดีกว่าเดิม
บลังกา เกรกอรีทำงานธนาคารมา 27 ปี นับรวม 12 ปีที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการด้วย—เธอจึงตกใจมากเมื่อถูกเลิกจ้าง แต่ความประหลาดใจของเธอเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวลและความเครียดอย่างรวดเร็ว
ยังดีที่เอริคสามีของบลังกามีงานทำและครอบครัวมีเงินออมจึงช่วยให้ผ่านเวลาแห่งความยากลำบากไปได้ หลังจากหายป่วยและออกจากงานได้ปีกว่า ซิสเตอร์เกรกอรีเริ่มหางานใหม่
เธอแก้ไขเรซูเม่ ลงทะเบียนเรียนคอมพิวเตอร์ เข้าร่วมงานแสดงสินค้า และเริ่มกรอกใบสมัครงาน ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้สัมภาษณ์งานหลายงาน ด้วยประสบการณ์การทำงานของเธอ เธอคิดว่าการหางานใหม่คงง่าย
“ดิฉันกังวลมากขึ้นเมื่อไม่มีใครตอบกลับ” ซิสเตอร์เกรกอรีกล่าว “ทำนองว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’”
หลายเดือนผ่านไปโดยไม่มีสักรายเสนองานให้ทำ ในที่สุด สามีเธอซึ่งเวลานั้นรับใช้เป็นอธิการวอร์ดในนิวพอร์ตบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาแนะนำให้บลังกาไปดูโครงการพึ่งพาตนเองของศาสนจักรและเข้าร่วมกลุ่มหางานที่ดีกว่าเดิม
“คุณรู้สึกถึงพระวิญญาณ”
เมื่อเข้าร่วมกลุ่มหางานที่ดีกว่าเดิม ซิสเตอร์เกรกอรีเริ่มหลักสูตร 12 สัปดาห์ที่ช่วยเธอฝึกสร้างเครือข่าย มองหาโอกาส อัปเดตเรซูเม่ นำเสนอตนเองอย่างมืออาชีพ และเตรียมรับการสัมภาษณ์งาน เธอตั้งเป้าหมายประจำวันเกี่ยวกับการค้นหาแหล่งข้อมูล ทำการติดต่อ และจัดการพบปะด้วยตนเอง
“ชั้นเรียนการพึ่งพาตนเองไม่เหมือนชั้นเรียนอื่น เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ คุณรู้สึกถึงพระวิญญาณที่นั่น” เธอกล่าว “ชั้นเรียนสอนให้เราใช้ศรัทธา ขยันหมั่นเพียร ทำงานหนัก และทูลวิงวอนพระเจ้า—ไม่เพียงพึ่งพาทักษะของเราและความสามารถในการหางานเท่านั้นแต่พึ่งพาความช่วยเหลือจากพระบิดาบนสวรรค์ด้วย”
เพราะกลุ่มหางานที่ดีกว่า ซิสเตอร์เกรกอรีจึงได้ฝึกพูดถึงคุณสมบัติของเธอ ติดต่อบุคคลกับธุรกิจต่างๆ โดยใช้เครื่องมือสร้างเครือข่ายที่เรียกว่า “30 วินาทีนี่คือฉัน” ข้อความใน 30 วินาทีนี่คือฉันช่วยให้นายจ้างเข้าใจประเภทของงานที่ลูกจ้างกำลังหา ประสบการณ์ของคนที่จะมาเป็นลูกจ้าง และบุคคลนั้นจะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างไร
หลังจากเรียนไปได้ราวแปดสัปดาห์ วันหนึ่งซิสเตอร์เกรกอรีรู้สึกว่าต้องคุกเข่าสวดอ้อนวอนตลอดทั้งวันเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ดิฉันถ่อมตน” เธอกล่าว “ดิฉันต้องการให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงช่วยให้ดิฉันค้นพบบางอย่าง ดิฉันไม่ได้ทูลว่าดิฉันอยากเป็นผู้จัดการหรืออยากมีรายได้มากๆ ดิฉันแค่ต้องการงาน ดิฉันระบายความในใจต่อพระเจ้า”
ส่วนหนึ่งของ “การบ้าน” วันนั้นคือเธอสมัครงานห้าตำแหน่งทางอิเล็กทรอนิกส์ วันรุ่งขึ้น นายจ้างคนหนึ่งโทรมาสัมภาษณ์เธอในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธนาคารสาขา เธอตื่นเต้นที่พระองค์ทรงตอบคำสวดอ้อนวอนเร็วมาก
“ดิฉันไม่กังวลกับการสัมภาษณ์ เพราะฝึกในชั้นเรียนมานานแล้ว” ซิสเตอร์เกรกอรีกล่าว กระนั้นก็ตาม เธอยังสวดอ้อนวอนด้วยศรัทธาแรงกล้าก่อนการสัมภาษณ์ “พระบิดาบนสวรรค์” เธอวิงวอน “ขอทรงใส่คำพูดไว้ในปากข้าพระองค์เพื่อข้าพระองค์จะตอบได้อย่างถูกต้องและเพื่อคนสัมภาษณ์จะเห็นคุณค่าของสิ่งที่ข้าพระองค์เสนอ”
“นั่นจะเปลี่ยนชีวิตคุณ”
ในเดือนมีนาคม 2018 ไม่กี่วันหลังจากการสัมภาษณ์ของซิสเตอร์เกรกอรี มิกคีกับมาร์กาเร็ต ฟอสเตอร์ขับรถเข้าไปในที่จอดรถของอาคารประชุมสเตคนิวพอร์ตบีชเพื่อมาเยี่ยมกลุ่มหางานที่ดีกว่าเดิมค่ำวันนั้น ครอบครัวฟอสเตอร์ซึ่งเวลานั้นรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาอาวุโสเต็มเวลาของหน่วยงานการพึ่งพาตนเอง มาถึงก่อนเวลาและประหลาดใจที่เห็นบลังกาจอดรถที่นั่นแล้ว
“เธอตื่นเต้นมากถึงขนาดกระโดดเข้ามาในรถของเราเพื่อบอกว่าเธอเพิ่งได้งาน” เอ็ลเดอร์ฟอสเตอร์กล่าว “เธอบรรยายว่าเธอรักพระบิดาบนสวรรค์มาก โครงการพึ่งพาตนเองและกลุ่มพึ่งพาตนเองของเธอมีความหมายต่อเธอมากในการหางาน”
ซิสเตอร์เกรกอรีเป็นพยานต่อครอบครัวฟอสเตอร์เช่นกันว่าเธอไม่เคยรู้สึกใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอดหรือรู้สึกว่าพระองค์มีส่วนในชีวิตเธอมากเท่านี้มาก่อน ทั้งสามคนร้องไห้ด้วยความสำนึกคุณและซาบซึ้งใจ หนึ่งปีต่อมา ซิสเตอร์เกรกอรียังคงสำนึกคุณต่อกลุ่มพึ่งพาตนเองของเธอต่อความช่วยเหลือจากสวรรค์ และต่องานเจ้าหน้าที่ธนาคารของเธอ
“เงินดี ตารางงานดี สวัสดิการดี” เธอกล่าว เธอกำลังใช้ทักษะ พัฒนาพรสวรรค์ใหม่ๆ และ “ก้าวหน้าในบริษัท”
“การเข้าร่วมกลุ่มหางานที่ดีกว่าเดิม 12 สัปดาห์เป็นการลงทุนที่ดีที่สุดที่คุณจะทำได้” เธอกล่าวกับคนที่กำลังหางานหรือคิดจะเปลี่ยนงาน “ไม่ใช่แค่ช่วยคุณอัปเดตเรซูเม่และบอกทักษะของคุณเท่านั้น แต่จะช่วยคุณฝึกใช้ศรัทธาและทำให้ประจักษ์พยานเติบโตด้วย นั่นคือสิ่งที่สร้างความแตกต่าง ชั้นเรียนจัดเพียงสัปดาห์ละสองชั่วโมง แต่จะช่วยจริงๆ จะเปลี่ยนชีวิตคุณ”