ของเล่น สุดโปรด ของมาร์ติน
“พระเยซูตรัสไว้ว่า มีสิ่งที่ทุกคนให้ได้” (หนังสือเพลงสำหรับเด็ก, 116)
มาร์ตินรู้สึกเศร้าเมื่อพ่อแม่บอกเขาว่าครอบครัวกำลังจะย้ายไปอีกเมืองหนึ่งในโคลอมเบีย เขาไม่อยากจากเพื่อนของเขา บ้านของเขา และสถานที่ซึ่งเขาเติบโตมา แทนที่จะอยู่ในเขตภูเขาอากาศเย็นสบาย ตอนนี้มาร์ตินกลับต้องอยู่ใกล้ทะเลที่มีอากาศร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี เขาต้องแลกซุปร้อนกับน้ำเย็น และเสื้อกันหนาวกับกางเกงขาสั้น นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนใหม่ วอร์ดใหม่ และชั้นเรียนปฐมวัยใหม่ ฟังดูเหมือนน่ากลัว
วันหนึ่งคุณแม่กับคุณพ่อถามมาร์ตินว่ารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการย้าย
“ผมไม่ชอบครับ” มาร์ตินบอก “ผมไม่อยากให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไป”
“พ่อรู้ว่าการย้ายเป็นเรื่องยาก” พ่อบอก “หลายสิ่งจะเปลี่ยนไป แต่ไม่ใช่ ทุกสิ่ง ลูกยังมีพวกเราอยู่!”
“จริงครับ” มาร์ตินบอก
“ลูกยังมีสิ่งต่างๆ ของลูก” คุณแม่บอก
มาร์ตินคิดเรื่องนั้นครู่หนึ่ง เขาจะยังมีเสื้อผ้าของเขา รองเท้าของเขา และสิ่งอื่นๆ ที่เขาคุ้นเคยที่บ้านเก่าหลังนี้—โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเล่นของเขา มาร์ตินดีใจที่เขานำของเล่นสุดโปรดของเขาไปได้ เขาเก็บอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อพวกเขาย้าย
ไม่นานนัก มาร์ตินเริ่มคุ้นเคยกับบ้านใหม่และเมืองใหม่ของเขา เขาดีใจที่การย้ายไม่ได้ยากหรือน่ากลัวอย่างที่เขาคิดว่าจะเป็น
วันอาทิตย์วันหนึ่งเมื่อครอบครัวของเขาไปโบสถ์ มาร์ตินสังเกตเห็นหลายคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ปฐมวัยเต็มไปด้วยเด็กใหม่ เขาสงสัยว่าเด็กเหล่านี้มาจากไหน เขาได้ยินผู้คนที่เขารู้จักพูดเกี่ยวกับการบริจาคอาหาร เสื้อผ้า และรองเท้า หลังกลับจากโบสถ์ มาร์ตินถามคุณแม่เกี่ยวกับคนใหม่ทั้งหมดนี้
“พวกเขาต้องออกจากประเทศของพวกเขา” คุณแม่ตอบ “มีหลายคนทิ้งทุกอย่าง เวลานี้พวกเขาไม่มีอะไรเลย”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนอยากจะช่วยพวกเขาหรือครับ” มาร์ตินถาม
“ใช่จ้ะ พระเยซูทรงสอนเราว่าเราควรช่วยคนที่ขัดสน เราสามารถทำตามแบบอย่างของพระองค์และแบ่งปันสิ่งที่เรามี”
มาร์ตินคิดว่านั่นเป็นเรื่องดีที่จะทำ
คุณแม่บอกอีกว่า “เด็กปฐมวัยหลายคนมีแค่ของที่ใส่ในเป้สะพายหลังใบเดียวเท่านั้น พวกเขาต้องทิ้งของเล่น ลูกคิดว่าลูกมีของเล่นบางชิ้นที่จะให้ได้ไหมจ๊ะ”
“ไม่ครับ!” นั่นมันของเล่นของผม!” มาร์ตินพูด เขาหันหลังและวิ่งเข้าห้องของเขา
มาร์ตินมองไปรอบห้อง น้ำตาคลอหน่วย เขาไม่อยากให้ของเล่นของเขา เขาอุตส่าห์หอบหิ้วของเล่นมาจากบ้านหลังเดิม
เขาไปที่กล่องของเล่นและมองดูในกล่อง เขาเห็นรถกระบะของเล่นของเขา โยโย่ของเขา ทรอมโป (ปลายหมุน) ของเขา ถุงลูกแก้วของเขา และของเล่นอื่นๆ อีกมากมายที่เขาโปรดปราน เขาชอบมันทุกชิ้น ไม่ว่าชิ้นไหนเขาก็ให้มันไม่ได้!
แล้วมาร์ตินก็คิดว่า “แล้วถ้าฉันต้องทิ้งบ้านและของเล่นสุดโปรดของฉันล่ะ”
สองสามนาทีต่อมา เขาไปหาคุณแม่พร้อมกับของเล่นเต็มอ้อมแขน—ไม่ใช่แค่ของเล่นเก่า—แต่เป็นของเล่นที่เขาเล่นประจำ
คุณแม่ดูแปลกใจ “ลูกไม่จำเป็นต้องให้ของเล่นที่ลูกชอบนะจ๊ะ”
มาร์ตินวางของเล่นไว้บนพื้น “เด็กคนอื่นก็มีของเล่นสุดโปรดด้วยครับ” เขาบอก “ผมอยากให้เขาได้ของเล่นสุดโปรดของผมเพื่อพวกเขาจะมีความสุขขึ้นอีกนิด!”
คุณแม่กอดมาร์ติน “แม่ภูมิใจในตัวลูกมากจ้ะ”
มาร์ตินรู้สึกอบอุ่นใจ เขารู้ว่าการให้ผู้อื่นเป็นสิ่งที่พระเยซูจะทรงทำและนั่นทำให้เขามีความสุข