ปัจฉิมวาทะ
พระพันธกิจของพระเยซูคริสต์เพื่อแสดงความรักของพระผู้เป็นเจ้า
โดย เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์
แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง
จากคำปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2003
จุดประสงค์อันล้ำเลิศมากมายที่สำเร็จในพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจของพระเจ้าพระเยซูคริสต์นั้น มีพันธกิจด้านหนึ่งที่ไม่มีใครกล่าวถึง เวลานั้นผู้ติดตามพระองค์ไม่เข้าใจพันธกิจดังกล่าวอย่างถ่องแท้ และคริสต์ศาสนิกชนจำนวนมากในปัจจุบันก็ไม่เข้าใจ แต่พระผู้ช่วยให้รอดตรัสย้ำเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง นั่นคือความจริงอันยิ่งใหญ่ที่ว่า ในทุกสิ่งที่พระเยซูเสด็จมาเพื่อตรัสและทำ รวมถึงและโดยเฉพาะในการทนทุกข์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ พระองค์ทรงแสดงให้เราเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเราทรงเป็นใครและทรงเป็นอย่างไร พระบิดาทรงทุ่มเทให้บุตรธิดาของพระองค์มากเพียงใดในทุกยุคทุกสมัยและในทุกประชาชาติ พระเยซูทรงพยายามเปิดเผยและทรงทำให้พระอุปนิสัยที่แท้จริงของพระบิดาของพระองค์ พระบิดาในสวรรค์ของเราเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทั้งในคำพูดและการกระทำ
พระเยซูเสด็จมาเพื่อขอร้องให้มนุษย์รักพระบิดาบนสวรรค์ดังที่พระองค์ทรงรักพวกเขาตลอดมาและจะรักตลอดไป พวกเขามีโอกาสเข้าใจแผนของพระผู้เป็นเจ้า เดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า ความศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า แม้พระพิโรธและการพิพากษาของพระผู้เป็นเจ้า แต่ยังไม่รู้ถ่องแท้ถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้าและการทุ่มเทอย่างลึกซึ้งเพื่อบุตรธิดาของพระองค์—จนกระทั่งพระคริสต์เสด็จมา
เมื่อพระคริสต์ประทานอาหารแก่คนหิวโหย รักษาคนป่วย ตำหนิความหน้าซื่อใจคด วิงวอนขอศรัทธา—นี่คือพระคริสต์ผู้ทรงกำลังแสดงให้เราเห็นทางของพระบิดาผู้ทรง “เปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณา กริ้วช้า อดทนนาน และเปี่ยมด้วยพระกรุณาธิคุณ”1 ในพระชนม์ชีพของพระองค์และโดยเฉพาะในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ พระคริสต์ทรงประกาศว่า “นี่คือพระเมตตา ของพระผู้เป็นเจ้า ที่เราแสดงให้ท่านเห็น เช่นเดียวกับพระเมตตาของเราเอง”
ข้าพเจ้าเป็นพยานส่วนตัววันนี้ถึงพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ที่เรารู้จักเป็นส่วนตัว ผู้ทรงรู้จักชื่อเรา ได้ยินและตอบคำสวดอ้อนวอนของเรา และทะนุถนอมเราไว้ชั่วนิรันดร์ในฐานะลูกทางวิญญาณของพระองค์ ข้าพเจ้าเป็นพยานว่า ท่ามกลางงานซับซ้อนอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์ในจักรวาล พระองค์ทรงต้องการให้เรามีความสุขยิ่งกว่าเรื่องอื่นทั้งหมดที่พระองค์ทรงห่วงใย
ในวิญญาณแห่งความเป็นอัครสาวกศักดิ์สิทธิ์ ข้าพเจ้าพูดเช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งนี้ในสมัยก่อนว่า “ความรักที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้ไม่ใช่ที่เรารักพระเจ้า แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา และทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา เพื่อเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราอย่างนั้น เราก็ควรจะรักกันและกันด้วย” (1 ยอห์น 4:10–11)—และรักพระองค์ตลอดไป