ภาพแห่งศรัทธา

พลังของตัวอย่าง

โดย อากิม เดดา, มิราเน่ อัลเบเนีย

ผมรู้ดีว่าวิธีเดียวที่ผมจะพาภรรยาเข้าสู่ศาสนจักรคือการทำตัวผมให้เป็นตัวอย่าง เมื่อผมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผม เธอเริ่มรู้สึกได้ถึงพระวิญญาณพระผู้เป็นเจ้า

การสวดอ้อนวอนฉันสามีภรรยา

ถ่ายภาพโดย โคดีย์ เบลล์

วันหนึ่ง ระหว่างเดินทางไปทำงาน ผมเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังสั่งสอนพระคำของพระผู้เป็นเจ้าบนถนน พวกเขาหยุดผมไว้และถามผมว่า ผมอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายหรือไม่ ในตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าครอบครัวผมกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด เราไม่มีเข็มทิศทางวิญญาณที่จะนำทางให้เรา

ผมดื่มแอลกอฮอล์เช้าวันนั้น ผมจึงจำไม่ได้มากนักว่าผู้สอนศาสนาบอกอะไรกับผมบ้าง แต่พวกเขาก็มอบพระคัมภีร์มอรมอนและจุลสารเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ พร้อมกับหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเขาให้ผม ต่อมาในวันนั้นผมเริ่มอ่าน มีบางสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจเมื่อผมอ่านพระคัมภีร์มอรมอน ผมรู้สึกทึ่งว่าเด็กชายอายุ 14 ปีสามารถมีนิมิตอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร

ผมกำลังค้นหาความจริง ผมจึงเริ่มพบกับผู้สอนศาสนา หลังจากได้รับบทเรียนส่วนใหญ่แล้ว ผมรู้ว่าผมจำเป็นต้องรับบัพติศมา แต่เมื่อวันที่ผมจะรับบัพติศมาใกล้เข้ามา เรามีบทเรียนที่ผมรับฟังได้ยากจริงๆ บทเรียนนั้นเป็นการพูดถึงพระคำแห่งปัญญา

บทเรียนนั้นยากสำหรับผมเพราะผมดื่มหนักมาก สภาพแวดล้อมการทำงานของผมยากลำบากมาก ทุกคนที่ผมทำงานล้วนแต่ดื่ม และผมก็ทำเช่นเดียวกัน ผมมักจะออกไปดื่มหลังจากเลิกงาน และกลับบ้านในตอนดึก

แต่ผู้สอนศาสนาทำได้ดีมาก ผมยังคงรักพวกเขาเพราะเรื่องนี้ พวกเขาสอนผมว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้เราแข็งแรงและพระองค์ทรงมอบพระคำแห่งปัญญาให้เราเพื่อเป็นพรแก่เรา การเชื่อฟังกฎนี้เป็นเรื่องยากสำหรับผมมากแต่ผมก็เริ่มปฏิบัติตามกฎข้อนี้อย่างช้าๆ ผมจำได้ว่าผมโทรหาผู้สอนศาสนาทุกวัน คอยอัปเดตความก้าวหน้าของผม และบอกพวกเขาว่าผมไม่ได้ดื่มวันนั้น พวกเขามีความสุขกับความก้าวหน้าของผมมาก

ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา ผมได้รับบัพติศมาและเข้าสู่คอกของพระเยซูคริสต์ ผมรู้สึกถึงพระวิญญาณในวันอันงดงามนั้น! แต่ผมอยู่ตามลำพังเมื่อผมเข้าร่วมศาสนจักร ผมอยากให้ครอบครัวของผมอยู่ด้วยกันกับผม

ตอนที่ผมคุยกับคลิริเม่ ภรรยาของผมเรื่องศาสนจักร เธอจะไม่ฟังอะไรเลยในตอนแรก คุณปู่ของเธอเป็นผู้นับถือศาสนาอื่น และเธอสงสัยว่าเหตุใดศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายถึงได้มายังแอลเบเนีย ผมรู้ว่าทางเดียวที่ผมจะพาเธอเข้าไปในพระกิตติคุณได้คือการทำเป็นตัวอย่าง ด้วยการกระทำของเรา ผู้คนจะเห็นได้ว่าเราคือใครจริงๆ

คลิริเม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวผม การที่ผมเลิกดื่มเหล้าและเริ่มกลับบ้านแต่วัน เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่ผมกำลังทำอยู่ เธอจึงเริ่มรู้สึกถึงพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าเมื่อผมบอกเธอเรื่องศาสนจักร ผมไม่สามารถอธิบายถึงความรู้สึกมีความสุขที่ได้รับเมื่อเธอบอกผมว่า สักวันเธอจะรับบัพติศมาด้วย ไม่นานเธอก็เริ่มศึกษาบทเรียนของผู้สอนศาสนา ซึ่งผมช่วยผู้สอนศาสนาสอนเธอ ผมรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งเมื่อเธอเลือกวันรับบัพติศมาของเธอ หกเดือนหลังจากที่ผมรับบัพติศมา

หลังจากเธอรับบัพติศมา และลูกทั้งสองคนของเรารับบัพติศมาเมื่อพวกเขาอายุแปดขวบ ผมรู้สึกว่าเราเป็นครอบครัวนิรันดร์ได้ แต่บัพติศมาเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เพื่อเตรียมตัวไปพระวิหาร เรารู้ว่าเราต้องติดตามพระผู้เป็นเจ้าจนสิ้นสุดชีวิตของเรา รักษาพระบัญญัติ ไปโบสถ์ รับส่วนศีลระลึก รับใช้ตามการเรียก อ่านพระคัมภีร์ และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธสัญญาและแผนแห่งความรอดของพระองค์

วันที่เราผนึกเป็นครอบครัวในพระวิหารแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนีเป็นอีกวันที่สวยงาม ในพระวิหาร ผมได้เข้าใจแผนแห่งความสุขที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงมีให้เรามากยิ่งขึ้น และผมรู้สึกถึงความรักของพระองค์

ผมยังจำสัญญาที่คลิริเม่และผมให้ไว้ในพระวิหารได้ เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องผิดพลาดหรือเราประสบกับความยากลำบาก จิตใจของผมจะหวนนึกถึงสัญญาเหล่านั้น

เราพยายามที่จะอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนเป็นครอบครัว เพราะนั่นคือสิ่งที่เรารู้สึกในพระวิหาร ทุกครั้งที่นึกถึงพระวิหาร ผมรู้สึกมีความสุขและได้รับพร ผมรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีอยู่จริง พระองค์ทรงรักเราและทรงต้องการให้เรามีความสุข