การประชุมใหญ่สามัญ
ติดตามพระคริสต์
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2024


13:31

ติดตามพระคริสต์

ในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์ เราสอนและเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ แบบอย่างที่ดีพร้อมของเรา ดังนั้น ขอให้เราติดตามพระองค์โดยเลิกความขัดแย้ง

ปีนี้หลายล้านคนได้รับแรงบันดาลใจจากแผนศึกษาพระกิตติคุณที่ใช้ชื่อตามคำเชื้อเชิญของพระผู้ช่วยให้รอด “จงตามเรามา” การติดตามพระคริสต์ไม่ใช่การปฏิบัติสบายๆ หรือชั่วคราว แต่เป็นการผูกมัดตนต่อเนื่องและวิถีชีวิตที่จะนำทางเราทุกเวลาและในทุกแห่ง คำสอนและแบบอย่างของพระองค์กำหนดเส้นทางให้สานุศิษย์ทุกคนของพระเยซูคริสต์ และทุกคนได้รับเชิญมาสู่เส้นทางนี้ เพราะพระองค์ทรงเชิญให้ทุกคนมาหาพระองค์ “ดำและขาว ทาสและไท ชายและหญิง; … ทุกคนเหมือนกันหมดสำหรับพระผู้เป็นเจ้า”

I.

การติดตามพระคริสต์ก้าวแรกคือการเชื่อฟังสิ่งที่ทรงกำหนดว่าเป็น “พระบัญญัติข้อสำคัญ”

“จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน

“นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก

“ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

“ธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้”

พ่อกับลูกเล่นว่าว

พระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าให้พลังที่คอยนำทางและประคับประคองเราในชีวิต ประสบการณ์ของเราในโลกนี้เหมือนเด็กน้อยกับพ่อที่กำลังเล่นว่าวในวันลมแรง เมื่อว่าวลอยสูงขึ้น ลมทำให้ว่าวดึงสายป่านที่ยึดโยงอยู่ในมือของเด็กน้อย เพราะขาดประสบการณ์กับแรงลมของโลกนี้ เขาจึงเสนอให้พ่อตัดสายป่านเพื่อให้ว่าวลอยขึ้นสูงกว่าเดิม พ่อผู้ฉลาดแนะนำไม่ให้ตัด โดยอธิบายว่าสายป่านคือสิ่งที่ยึดให้ว่าวอยู่ในจุดที่ต้านลมของโลกนี้ได้ ถ้าเราไม่ยึดโยงสายป่านไว้ ว่าวจะไม่ลอยสูงขึ้น แต่จะถูกลมเหล่านี้พัดลอยไป และจะตกลงสู่พื้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สายป่านซึ่งขาดไม่ได้นั้นแทนพันธสัญญาที่เชื่อมโยงเรากับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ และพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ เมื่อเราให้เกียรติพันธสัญญาเหล่านั้นโดยรักษาพระบัญญัติและทำตามแผนแห่งการไถ่ พรที่สัญญาไว้ของทั้งสองพระองค์จะทำให้เราทะยานสูงขึ้นถึงระดับซีเลสเชียล

พระคัมภีร์มอรมอนประกาศบ่อยครั้งว่าพระคริสต์ทรงเป็น “แสงสว่างของโลก” ขณะทรงปรากฏต่อชาวนีไฟ พระเจ้าผู้ฟื้นคืนพระชนม์ทรงอธิบายคำสอนนั้นโดยบอกพวกเขาว่า “เราทำตัวอย่างไว้ให้เจ้า” “เราเป็นแสงสว่างซึ่งเจ้าจะชูขึ้น—ซึ่งเจ้าเห็นเราทำ” พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของเรา เราเรียนรู้สิ่งที่พระองค์ตรัสและทรงทำไว้โดยศึกษาพระคัมภีร์แล้วทำตามคำสอนของศาสดาพยากรณ์ ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกระตุ้นให้เราทำ ในศาสนพิธีศีลระลึก เราทำพันธสัญญาทุกวันสะบาโตว่าเราจะ “ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาและรักษาพระบัญญัติของพระองค์”

II.

ในพระคัมภีร์มอรมอน พระเจ้าประทานพื้นฐานแก่เราในสิ่งที่ทรงเรียกว่า “หลักคำสอนของพระคริสต์” ได้แก่ ศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์, กลับใจ, บัพติศมา, รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์, อดทนจนวาระสุดท้าย, และกลับเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ซึ่งหมายถึงวางใจในพระเจ้าและยอมทำทุกสิ่งที่ทรงเรียกร้องจากเรา

พระบัญญัติของพระเจ้ามีสองแบบ: แบบถาวรอย่างหลักคำสอนของพระคริสต์ และแบบชั่วคราว พระบัญญัติชั่วคราวคือพระบัญญัติที่จำเป็นเมื่อศาสนจักรหรือผู้ซื่อสัตย์มีความจำเป็นในสภาวการณ์ชั่วคราว แต่เลิกใช้เมื่อความจำเป็นนั้นผ่านไปแล้ว ตัวอย่างหนึ่งของพระบัญญัติชั่วคราวคือพระบัญชาให้ผู้นำศาสนจักรในยุคแรกย้ายวิสุทธิชนจากนิวยอร์กไปโอไฮโอ ไปมิสซูรี ไปอิลลินอยส์ และสุดท้ายนำผู้บุกเบิกอพยพไปยังแถบเทือกเขาทางตะวันตก แม้จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่เมื่อยังมีผลบังคับ พระบัญญัติเหล่านี้มีไว้ให้ต้องทำตาม

พระบัญญัติถาวรบางข้อใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะถือปฏิบัติกันโดยทั่วไป ตัวอย่างเช่น คำเทศนาขึ้นชื่อของประธานลอเร็นโซ สโนว์เรื่องกฎส่วนสิบเน้นถึงพระบัญญัติที่ประทานมาตั้งแต่แรก แต่สมาชิกศาสนจักรยังไม่ได้ถือปฏิบัติกันโดยทั่วไป จึงจำเป็นต้องเน้นย้ำอีกครั้งในสภาวการณ์ที่ศาสนจักรและสมาชิกเผชิญอยู่ในขณะนั้น ตัวอย่างล่าสุด เมื่อต้องมีการเน้นย้ำอีกครั้งเนื่องจากสภาวการณ์ปัจจุบันที่วิสุทธิชนยุคสุดท้ายหรือศาสนจักรเผชิญ อันได้แก่ ถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวโดยประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ในยุคก่อน และข้อเรียกร้องเมื่อไม่นานมานี้ของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันให้ศาสนจักรใช้ชื่อที่ได้รับการเปิดเผย คือ ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

III.

อีกคำสอนหนึ่งของพระผู้ช่วยให้รอดที่ดูเหมือนต้องเน้นย้ำกันอีกครั้งในสภาวการณ์ยุคนี้

ชายสองคนทะเลาะกัน

นี่คือยุคที่มีแต่คำพูดรุนแรงและทำร้ายจิตใจในการสื่อสารสาธารณะ และบางครั้งแม้แต่ในครอบครัว ความแตกต่างอย่างมากในประเด็นนโยบายสาธารณะมักส่งผลให้เกิดการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์—แม้กระทั่งความเกลียดชัง—ในความสัมพันธ์สาธารณะและความสัมพันธ์ส่วนตัว บรรยากาศของความเป็นอรินี้ บางครั้งถึงกับทำให้ความสามารถในการออกกฎหมายในเรื่องสำคัญๆ เป็นอัมพาต ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการบางอย่างเพื่อประโยชน์สาธารณะ

ผู้ติดตามพระคริสต์ควรสอนอะไรและทำอะไรในยุคที่การสื่อสารเป็นพิษเช่นนี้? คำสอนและตัวอย่างของพระองค์มีอะไรบ้าง?

พระผู้ช่วยให้รอดทรงกำลังสอนชาวนีไฟ

นับเป็นเรื่องสำคัญที่ในบรรดาหลักธรรมแรกๆ ที่พระเยซูทรงสอนเมื่อทรงปรากฏต่อชาวนีไฟคือ ให้หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แม้จะทรงสอนเรื่องนี้ในบริบทของการโต้เถียงกันเรื่องหลักคำสอนทางศาสนา แต่เหตุผลของพระองค์ประยุกต์ใช้ได้แน่นอนกับการสื่อสารและความสัมพันธ์ทางการเมือง นโยบายสาธารณะ และความสัมพันธ์ในครอบครัว พระเยซูทรงสอนว่า:

“คนที่มีวิญญาณของความขัดแย้งย่อมไม่เป็นของเรา, แต่เป็นของมาร, ผู้เป็นบิดาแห่งความขัดแย้ง, และเขายั่วยุใจมนุษย์ให้ขัดแย้งด้วยความโกรธ, ต่อกัน.

“ดูเถิด, นี่ไม่ใช่หลักคำสอนของเรา, ที่จะยั่วยุใจมนุษย์ให้มีความโกรธกัน; แต่นี่เป็นหลักคำสอนของเรา, ว่าเรื่องเช่นนั้นจะหมดไป.”

ในการปฏิบัติศาสนกิจท่ามกลางชาวนีไฟช่วงที่เหลือ พระเยซูทรงสอนพระบัญญัติข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับข้อห้ามเรื่องการขัดแย้ง เรารู้จากพระคัมภีร์ไบเบิลว่าก่อนหน้านี้ทรงสอนเรื่องเหล่านี้ในการเทศนาบนภูเขาครั้งสำคัญ โดยมักจะทรงใช้ภาษาเดียวกันกับที่ทรงใช้สอนชาวนีไฟทุกอย่าง ข้าพเจ้าจะยกข้อความภาษาไบเบิลที่คุ้นเคย:

พระผู้ช่วยให้รอดทรงกำลังสอนในเยรูซาเล็ม

“จงรักศัตรูของท่าน จงอวยพรคนที่สาปแช่งท่าน จงทำดีต่อคนที่เกลียดท่าน และอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ใช้ท่านอย่างดูหมิ่นและข่มเหงท่าน”

นี่เป็นหนึ่งในพระบัญญัติของพระคริสต์ที่รู้จักกันดีที่สุด—ออกแนวปฏิวัติที่สุดและยากที่สุดที่จะปฏิบัติตาม กระนั้นก็ยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของพระดำรัสเชิญให้ทุกคนติดตามพระองค์ ดังที่ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์สอนว่า “ไม่มีวิธีใดให้แสดงความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าได้ดีไปกว่าการแสดงความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวต่อเพื่อนมนุษย์”

การไกล่เกลี่ยสองฝ่ายตรงข้าม

คำสอนพื้นฐานสำคัญอีกข้อโดยผู้ทรงเป็นแบบอย่างของเราคือ: “คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก”

คนที่สร้างสันติ! ความสัมพันธ์ส่วนตัวจะเปลี่ยนไปอย่างไรถ้าผู้ติดตามพระคริสต์จะเลิกใช้ถ้อยคำที่รุนแรงและสร้างความเจ็บปวดในการสื่อสารทุกอย่าง

ในการประชุมใหญ่สามัญปีที่แล้ว ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันให้การท้าทายเหล่านี้:

“หนึ่งในวิธีง่ายที่สุดที่จะบอกว่าใครเป็น ผู้ติดตามที่แท้จริง ของพระเยซูคริสต์คือวิธีที่บุคคลนั้นปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเห็นอกเห็นใจ …

“… สาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์เป็นผู้สร้างสันติ”

“… หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่เราจะถวายพระเกียรติพระผู้ช่วยให้รอดได้คือการเป็นผู้สร้างสันติ”

ท่านจบคำสอนของท่านว่า: “ความขัดแย้งเป็นการเลือก การสร้างสันติเป็นการเลือก ท่านมีสิทธิ์เสรีที่จะเลือกความขัดแย้งหรือความปรองดอง ข้าพเจ้าขอให้ท่าน เลือก เป็นผู้สร้างสันติ เวลานี้และตลอดไป”

ฝ่ายที่มีแนวโน้มจะขัดแย้งกันควรเริ่มการสนทนาด้วยการระบุจุดร่วมที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน

เพื่อทำตามผู้ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีพร้อมและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ เราจำเป็นต้องปฏิบัติสิ่งที่รู้จักกันดีว่าเป็นกฎทองคำ: “จงปฏิ‌บัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวก‍ท่านต้อง‍การให้พวก‍เขาปฏิ‌บัติต่อท่าน เพราะนี่คือธรรม‍บัญญัติและคำสั่ง‍สอนของบรร‌ดาผู้‍เผย‍พระ‍วจนะ” เราจำเป็นต้องรักและทำดีต่อทุกคน เราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและเป็นผู้สร้างสันติในทุกสภาวการณ์ นี่ไม่ได้หมายถึงให้อะลุ่มอล่วยในเรื่องหลักธรรมและลำดับความสำคัญของเรา แต่ให้เลิกโจมตีเรื่องดังกล่าวของคนอื่นแบบรุนแรง นั่นคือสิ่งที่แบบอย่างที่ดีพร้อมของเราทรงทำในการปฏิบัติศาสนกิจ นั่นคือตัวอย่างที่ทรงทำไว้ให้เรา เมื่อทรงเชื้อเชิญเราให้ติดตามพระองค์

ในการประชุมใหญ่นี้เมื่อสี่ปีก่อน ประธานเนลสันให้คำท้าทายจากศาสดาพยากรณ์สำหรับยุคของเราเอง:

ท่าน เต็มใจให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตท่านหรือไม่? ท่าน เต็มใจให้พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นอิทธิพลสำคัญที่สุดในชีวิตท่านหรือไม่? ท่านจะยอมให้พระวจนะ พระบัญญัติ และพันธสัญญาของพระองค์มีอิทธิพลต่อสิ่งที่ท่านทำในแต่ละวันหรือไม่? ท่านจะยอมให้สุรเสียงของพระองค์มาก่อนเสียงอื่นหรือไม่?”

พระเจ้าพระเยซูคริสต์

ในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์ เราสอนและเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ แบบอย่างที่ดีพร้อมของเรา ดังนั้น ขอให้เราติดตามพระองค์โดยเลิกความขัดแย้ง ในขณะที่เราดำเนินตามนโยบายที่เราต้องการในกิจกรรมสาธารณะ ขอให้เราได้รับพรของพระองค์จากการใช้ภาษาของผู้สร้างสันติและวิธีการของผู้สร้างสันติ ส่วนในครอบครัวและความสัมพันธ์ส่วนตัวอื่นๆ ขอให้เราหลีกเลี่ยงความรุนแรงและความเกลียดชัง ให้เราพยายามเป็นผู้บริสุทธิ์เหมือนพระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งในพระนามศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าพเจ้าเป็นพยานและขอพรเพื่อช่วยเราให้เป็นวิสุทธิชน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน