การประชุมใหญ่สามัญ
ชีวิตมรรตัยได้ผล!
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2024


ชีวิตมรรตัยได้ผล!

แม้จะมีความท้าทายที่เราทุกคนเผชิญ แต่พระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักทรงออกแบบแผนแห่งความสุขในแบบที่เราไม่ได้ถูกกำหนดให้ล้มเหลว

เป็นเวลาหลายปีที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้สอนประจำบ้านแก่ซิสเตอร์สูงวัยคนหนึ่งในวอร์ด ชีวิตของเธอไม่ง่ายเลย เธอประสบปัญหาสุขภาพมากมาย และผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดมาตลอดชีวิตจากอุบัติเหตุในวัยเด็กที่สนามเด็กเล่น เธอหย่าร้างเมื่ออายุ 32 ปี ต้องเลี้ยงดูลูกเล็กๆ สี่คน และแต่งงานใหม่เมื่ออายุ 50 ปี สามีคนที่สองจากไปเมื่อเธออายุ 66 ปี และซิสเตอร์ท่านนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 26 ปีโดยเป็นแม่ม่าย

แม้จะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เธอซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาตราบจนวาระสุดท้าย ซิสเตอร์ท่านนี้เป็นผู้สืบลำดับเชื้อสายตัวยง เป็นผู้เข้าพระวิหารเป็นประจำ เป็นผู้เก็บรวบรวมและเขียนประวัติครอบครัว แม้เธอจะเผชิญกับการทดลองมากมาย และแน่นอนบางครั้งเธอรู้สึกเศร้าและโดดเดี่ยว แต่เธอยังมีสีหน้าร่าเริงและมีบุคลิกภาพที่น่ารักและสง่างาม

เก้าเดือนหลังจากเธอเสียชีวิต ลูกชายคนหนึ่งของเธอมีประสบการณ์อันน่าทึ่งในพระวิหาร เขาได้เรียนรู้ผ่านอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าคุณแม่มีข้อความถึงเขา เธอสื่อสารกับเขา แต่ไม่ใช่ด้วยภาพหรือเสียงที่มาให้ได้ยิน ข้อความที่ไม่ผิดเพี้ยนต่อไปนี้เข้ามาในใจลูกชายจากคุณแม่: “แม่อยากให้ลูกรู้ว่าชีวิตมรรตัยได้ผล และแม่อยากให้ลูกรู้ว่าแม่เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกสิ่งถึงเกิดขึ้น [ในชีวิตแม่] อย่างที่มันเป็น—และทุกอย่างโอเค”

ข้อความนี้น่าทึ่งยิ่งกว่าเดิมเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์และความยากลำบากที่ซิสเตอร์คนนี้ต้องอดทนและเอาชนะ

พี่น้องทั้งหลาย ชีวิตมรรตัยได้ผล! เพราะถูกออกแบบมาให้ได้ผล! แม้จะมีความท้าทาย ความปวดร้าว และความยากลำบากที่เราทุกคนเผชิญ แต่พระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก มีพระปรีชาญาณ และดีพร้อม ได้ทรงออกแบบแผนแห่งความสุขในแบบที่เราจะไม่ถูกกำหนดให้ล้มเหลว แผนของพระองค์เตรียมทางให้เราเอาชนะความล้มเหลวในชีวิต พระเจ้าตรัสว่า “นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา—คือการทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์”

แต่หากเราต้องการเป็นผู้รับประโยชน์จาก “งานและ … รัศมีภาพ” ของพระเจ้า แม้ “ความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์” เราต้องคาดหวังให้ได้รับการศึกษาและการสอน และผ่านไฟถลุงแร่นี้ไปให้ได้—บางครั้งจนถึงขีดจำกัดสูงสุดของเรา การเลี่ยงปัญหา ความท้าทาย และความยากลำบากของโลกนี้โดยสิ้นเชิงจะเป็นการเลี่ยงกระบวนการที่จำเป็นจริงๆ ต่อการทำให้ความเป็นมรรตัยได้ผล

ดังนั้นเราจึงไม่ควรแปลกใจเมื่อมีความยากลำบากเกิดขึ้นกับเรา เราจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ทดลองเราและผู้คนที่ช่วยให้เราได้ฝึกจิตกุศลและความอดทนที่แท้จริง แต่เราต้องอดทนภายใต้ความยากลำบาก และจดจำดังที่พระเจ้าตรัสว่า:

“และผู้ใดพลีชีพของเขาในอุดมการณ์ของเรา, เพื่อเห็นแก่นามเรา, จะพบมันอีก, แม้นิรันดรแห่งชีวิต.

“ฉะนั้น, อย่ากลัวศัตรูของเจ้าเลย, [หรือปัญหา ความท้าทาย หรือบททดสอบในชีวิตนี้] เพราะเราประกาศิตไว้ … , พระเจ้าตรัส, ว่าเราจะพิสูจน์เจ้าในสิ่งทั้งปวง, ว่าเจ้าจะอยู่ในพันธสัญญาของเรา … เพื่อจะพบว่าเจ้ามีค่าควร.”

เมื่อเรารู้สึกว้าวุ่นใจหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาของเรา หรือรู้สึกว่าเราอาจได้รับความทุกข์ยากในชีวิตมากกว่าที่ควร เราควรจดจำถึงสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้กับลูกหลานอิสราเอลว่า:

“ท่านจงระลึกถึงทาง [ทั้งหลาย] ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงนำท่านในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปี เพื่อจะทรงทำให้ท่านถ่อมใจ และทรงทดสอบเพื่อจะทราบว่าจิตใจของท่านเป็นอย่างไร ดูว่าท่านจะรักษาพระบัญญัติของพระองค์หรือไม่”

ดังที่ลีไฮสอนเจคอบบุตรชายว่า:

“ลูกต้องรับความทุกข์และโทมนัสยิ่ง … กระนั้นก็ตาม … [พระผู้เป็นเจ้า] จะทรงอุทิศความทุกข์ของลูกให้เป็นพรของลูก … พ่อรู้ว่าพระองค์ทรงไถ่ลูกแล้ว, เพราะความชอบธรรมของพระผู้ไถ่ของลูก”

เหตุเพราะชีวิตนี้คือสนามทดสอบและ “เมฆมืดแห่งความทุกข์รุกประจัญ ข่มขวัญสันติให้ลี้ลับตา” เป็นประโยชน์ที่จะจดจำคำแนะนำและคำสัญญาที่พบใน โมไซยาห์ 23 เกี่ยวกับการท้าทายของชีวิต: “กระนั้นก็ตาม—ผู้ใดก็ตามที่มอบความไว้วางใจใน [พระเจ้า] ผู้เดียวกันนั้นพระองค์จะทรงยกขึ้นในวันสุดท้าย.”

เมื่อยังหนุ่ม ข้าพเจ้าเองประสบความเจ็บปวดและความอับอายอย่างมากจากการกระทำที่ไม่ชอบธรรมของผู้อื่น ส่งผลกระทบต่อข้าพเจ้าหลายปีเรื่องการเห็นคุณค่าของตนเองและความรู้สึกมีค่าควรต่อพระเจ้า กระนั้น ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเจ้าทรงสามารถเสริมพลังให้เราและช่วยให้เราผ่านความยากลำบากใดๆ ก็ตามที่เราต้องประสบระหว่างการรอนแรมในหุบเหวแห่งน้ำตานี้

เราคุ้นเคยกับประสบการณ์ของเปาโล:

“และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป เนื่องจากการสำแดงอันยิ่งใหญ่ [ที่ข้าพเจ้าได้รับ] ก็ทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นทูตของซาตานที่คอยโบยตีข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะไม่ยกตัวเกินไป”

“เรื่องหนามนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า”

“แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า: เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า”

เราไม่รู้ว่า “หนามในเนื้อ” ของเปาโลคืออะไร เขาเลือกที่จะไม่อธิบายว่าหนามนั้นเป็นความเจ็บป่วยทางร่างกาย เป็นความบกพร่องทางจิตใจหรือทางอารมณ์ หรือเป็นการล่อลวง แต่เราไม่จำเป็นต้องรู้ละเอียดขนาดนั้นที่จะรู้ว่าเขาต่อสู้ดิ้นรนและวิงวอนพระเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ และในที่สุด พลังความเข้มแข็งและเดชานุภาพของพระเจ้าคือสิ่งที่ช่วยให้เขาผ่านพ้นมาได้

เช่นเดียวกับเปาโล ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้านั่นเองที่ข้าพเจ้าได้รับการเสริมพลังทางอารมณ์และทางวิญญาณในที่สุด และสุดท้ายก็ตระหนักหลังจากผ่านไปหลายปีว่า ข้าพเจ้าเป็นคนมีคุณค่าและมีค่าควรต่อพรพระกิตติคุณมาโดยตลอด พระผู้ช่วยให้รอดทรงช่วยให้ข้าพเจ้าเอาชนะความรู้สึกไม่มีค่าควรและให้อภัยอย่างจริงใจต่อผู้กระทำผิด ในที่สุดข้าพเจ้าก็เข้าใจว่าการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นของประทานส่วนตัวสำหรับข้าพเจ้า และว่าพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรของพระองค์ทรงรักข้าพเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด ชีวิตมรรตัยได้ผล

แม้ว่าในที่สุดข้าพเจ้าจะได้รับพรให้ตระหนักถึงวิธีที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงช่วยชีวิตและยืนเคียงข้างข้าพเจ้าตลอดประสบการณ์เหล่านั้น แต่ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า สถานการณ์เลวร้ายในช่วงวัยรุ่นของข้าพเจ้าเป็นการเดินทางและประสบการณ์ส่วนตัว ของข้าพเจ้า ทางออกและผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องไม่สามารถนำไปใช้ได้กับคนที่ทนทุกข์และยังคงทนทุกข์จากพฤติกรรมที่ไม่ชอบธรรมของผู้อื่น

ข้าพเจ้าตระหนักว่าประสบการณ์ชีวิต—ไม่ว่าดีหรือร้าย—สามารถสอนบทเรียนสำคัญแก่เรา ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วและเป็นพยานว่าชีวิตมรรตัยได้ผล! ข้าพเจ้าหวังว่าผลรวมจากประสบการณ์ชีวิตข้าพเจ้า—ไม่ว่าดีหรือร้าย—จะทำให้ข้าพเจ้ามีความสงสารต่อเหยื่อผู้บริสุทธิ์จากการกระทำของผู้อื่นและเห็นใจผู้ถูกกดขี่

ข้าพเจ้าหวังอย่างจริงใจว่าผลลัพธ์จากประสบการณ์ชีวิตข้าพเจ้า—ไม่ว่าดีหรือร้าย—จะทำให้ข้าพเจ้าใจดีต่อผู้อื่นมากขึ้น ปฏิบัติต่อผู้อื่นดังที่พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงทำ และมีความเข้าใจมากขึ้นต่อคนบาป และทำให้ข้าพเจ้ามีความสุจริตโดยครบถ้วน เมื่อเราพึ่งพาพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอดและรักษาพันธสัญญาของเรา เราสามารถเป็นตัวอย่างของผลอันกว้างไกลของการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด

ข้าพเจ้าขอแบ่งปันตัวอย่างสุดท้ายว่าชีวิตมรรตัยได้ผล

ภาพ
คุณป้าและคุณแม่ของเอ็ลเดอร์เฮลส์

โลอิส แวนเดนบอช คุณป้าของเอ็ลเดอร์เฮลส์ และเคลีย แวนเดนบอช คุณแม่ของท่าน

คุณแม่ข้าพเจ้าไม่ได้มีการเดินทางที่ราบรื่นในชีวิตมรรตัย เธอไม่ได้รับคำยกย่องหรือเกียรติยศทางโลกใดๆ และไม่มีโอกาสทางการศึกษาสูงไปกว่าระดับมัธยมปลาย เธอติดเชื้อโปลิโอตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้เธอมีอาการเจ็บที่ขาข้างซ้ายและใช้งานไม่ถนัดไปตลอดชีวิต เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เธอประสบสภาวการณ์ทางร่างกายและทางการเงินที่ยากลำบากและท้าทายมากมาย แต่เธอซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาและรักพระเจ้า

เมื่อคุณแม่อายุ 55 ปี พี่สาวคนก่อนข้าพเจ้าเสียชีวิต ทิ้งลูกสาวตัวน้อยวัยแปดเดือนซึ่งเป็นหลานสาวข้าพเจ้าให้ต้องกำพร้าแม่ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง คุณแม่ข้าพเจ้าเลี้ยงดูหลานสาวคนนี้ตลอด 17 ปีต่อมา บ่อยครั้งภายใต้สถานการณ์ที่ลำบากมาก กระนั้น แม้จะมีประสบการณ์เหล่านี้ แต่เธอยังรับใช้ครอบครัว เพื่อนบ้าน และสมาชิกในวอร์ดอย่างมีความสุขและเต็มใจ และรับใช้เป็นเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีในพระวิหารเป็นเวลาหลายปี ระหว่างช่วงปีท้ายๆ ของชีวิต คุณแม่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม เธอมักสับสน และถูกกักให้อยู่ภายในสถานพยาบาล น่าเสียดายที่เธอจากไปอย่างกะทันหันขณะอยู่คนเดียว

หลายเดือนหลังเธอเสียชีวิต ข้าพเจ้ามีความฝันที่จดจำได้ไม่ลืม ในความฝัน ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในอาคารบริหารงานของศาสนจักร เธอเข้ามาในสำนักงาน ข้าพเจ้าทราบว่าเธอมาจากโลกวิญญาณ ข้าพเจ้าจะจดจำความรู้สึกนั้นตลอดไป เธอไม่ได้พูดอะไร แต่เธอเปล่งประกายความงดงามทางวิญญาณที่ข้าพเจ้าไม่เคยสัมผัสมาก่อนและยากจะบรรยายได้

สีหน้าและร่างของเธองดงามจริงๆ! ข้าพเจ้าจำได้ว่าพูดกับเธอว่า “แม่ครับ แม่สวยมากเลย!” หมายถึงพลังและความงดงามทางวิญญาณของเธอ เธอรับรู้—อีกครั้งที่เธอไม่ได้พูดอะไร ข้าพเจ้าสัมผัสถึงความรักของเธอ และรู้ว่าเธอมีความสุขและหายจากความกังวลและความท้าทายทางโลก และรอคอย “การฟื้นคืนชีวิตอันรุ่งโรจน์” อย่างใจจดใจจ่อ ข้าพเจ้ารู้ว่าสำหรับคุณแม่ ชีวิตมรรตัยได้ผลแล้ว—และมันได้ผลสำหรับเราด้วย

งานและรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าคือทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์ ประสบการณ์ในชีวิตมรรตัยเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่ช่วยให้เราเติบโตและก้าวหน้าไปสู่ความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ เราไม่ได้ถูกส่งมาบนโลกนี้เพื่อล้มเหลว แต่เพื่อประสบความสำเร็จตามแผนของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงมีเพื่อเรา

ดังที่กษัตริย์เบ็นจามินสอนว่า: “และยิ่งกว่านั้น, ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านพิจารณาถึงสภาพอันเป็นพรและเป็นสุขของคนที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า. เพราะดูเถิด, พวกเขาได้รับพรในทุกสิ่ง, ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายวิญญาณ; และหากพวกเขายืนหยัดอย่างซื่อสัตย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้วพวกเขาจะได้รับเข้าสู่สวรรค์, เพื่อโดยการนั้นพวกเขาจะพำนักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าในสภาพแห่งความสุขอันไม่รู้จบ” อีกนัยหนึ่งคือ ชีวิตมรรตัยได้ผล!

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเมื่อเราได้รับศาสนพิธีของพระกิตติคุณ เข้าสู่พันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า และรักษาพันธสัญญาเหล่านั้น กลับใจ รับใช้ผู้อื่น และอดทนจนวาระสุดท้าย เราเองก็สามารถได้รับความมั่นใจและความวางใจที่สมบูรณ์ในพระเจ้าว่าชีวิตมรรตัยได้ผล! ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ และเป็นพยานว่าอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเรากับพระบิดาบนสวรรค์เกิดขึ้นได้โดยพระคุณและการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

พิมพ์