การประชุมใหญ่สามัญ
หลักคำสอนของพระเยซูคริสต์เรียบง่าย
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2024


หลักคำสอนของพระเยซูคริสต์เรียบง่าย

ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงงานศักดิ์สิทธิ์ของการสอนบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ถึงหลักคำสอนอันเรียบง่ายของพระเยซูคริสต์

เราทุกคนมีสมาชิกครอบครัวที่เรารักซึ่งกำลังถูกล่อลวงและทดลองโดยพลังของซาตานที่ดูเหมือนจะไม่หยุดหย่อน ผู้ทำลายที่จะทำให้บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าทนทุกข์ สำหรับเราหลายคน มีค่ำคืนที่ไม่อาจข่มตาหลับ เราพยายามโอบล้อมผู้ที่อยู่ในความเสี่ยงด้วยพลังแห่งความดีทุกอย่าง เราวิงวอนเพื่อพวกเขาในคำสวดอ้อนวอน เรารักพวกเขา เราเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

แอลมาศาสดาพยากรณ์ผู้ปราดเปรื่องในสมัยโบราณ เผชิญการทดลองคล้ายๆ กัน ผู้คนที่ท่านนำและรักถูกโจมตีบ่อยครั้งโดยศัตรูที่ดุร้าย แต่พวกเขาก็ยังพยายามเลี้ยงดูลูกๆ ให้ชอบธรรมในโลกแห่งความชั่วร้าย แอลมารู้สึกว่าความหวังเดียวที่จะได้ชัยชนะคือพลังที่บางครั้งเราอาจประเมินค่าต่ำไปและมักใช้งานน้อยเกินไป ท่านวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า

แอลมารู้ว่าเพื่อให้พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วย ผู้คนที่ท่านนำจะต้องกลับใจ รวมถึงปรปักษ์ของท่านด้วย ฉะนั้น ท่านจึงเลือกวิธีสู้รบที่ต่างออกไป

พระคัมภีร์มอรมอนบรรยายไว้ดังนี้: “และบัดนี้, เนื่องจากการสั่งสอนพระวจนะมีแนวโน้มอย่างยิ่งที่จะนำผู้คนให้ทำสิ่งซึ่งเที่ยงธรรม—แท้จริงแล้ว, บังเกิดผลอันมีพลังแก่จิตใจผู้คนยิ่งกว่าดาบ, หรือสิ่งใด, ที่ได้เกิดกับพวกเขา—ฉะนั้นแอลมาจึงคิดว่าสมควรที่พวกเขาจะลองอานุภาพแห่งพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า”

พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าคือหลักคำสอนที่พระเยซูคริสต์และศาสดาพยากรณ์ของพระองค์สอน แอลมารู้ว่าถ้อยคำของหลักคำสอนมีพลังมาก

ใน ภาคที่ 18 ของหลักคำสอนและพันธสัญญา พระเจ้าทรงเปิดเผยรากฐานแห่งหลักคำสอนของพระองค์:

“เพราะ, ดูเถิด, เราบัญชาคนทั้งปวงทุกแห่งหนให้กลับใจ …

“เพราะ, ดูเถิด, พระเจ้าพระผู้ไถ่ของเจ้าทรงทนรับความตายในเนื้อหนัง; ดังนั้นพระองค์ทรงทนรับความเจ็บปวดของคนทั้งปวง, เพื่อคนทั้งปวงจะได้กลับใจและมาหาพระองค์.

“และพระองค์ทรงลุกขึ้นอีกครั้งจากบรรดาคนตาย, เพื่อพระองค์จะทรงนำคนทั้งปวงมาหาพระองค์, โดยเงื่อนไขแห่งการกลับใจ”

“และเจ้าจะหมอบลงและนมัสการพระบิดาในนามของเรา.

“… ท่านต้องกลับใจและรับบัพติศมา, ในพระนามของพระเยซูคริสต์”

“จงทูลขอพระบิดาในนามของเรา, ด้วยศรัทธาเชื่อมั่นว่าเจ้าจะได้รับ, และเจ้าจะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์”

“และบัดนี้, หลังจากที่เจ้าได้รับสิ่งนี้, เจ้าต้องรักษาบัญญัติของเราในทุกสิ่ง”

“จงรับพระนามของพระคริสต์, และพูดความจริงด้วยสติ.

“และมากเท่าที่กลับใจและรับบัพติศมาในนามของเรา, ซึ่งคือพระเยซูคริสต์, และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่, คนเหล่านั้นนั่นเองจะได้รับการช่วยให้รอด”

ในข้อความเหล่านั้น พระผู้ช่วยให้รอดทรงมอบตัวอย่างอันดีพร้อมว่าเราควรสอนหลักคำสอนของพระองค์อย่างไร หลักคำสอนนี้คือศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ การกลับใจ บัพติศมา การรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และการอดทนจนวาระสุดท้าย เป็นพรแก่บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า

เมื่อเราสอนหลักธรรมเหล่านี้แก่คนที่เรารัก พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยให้เรารู้ความจริง เพราะเราต้องการการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจึงต้องเลี่ยงการคาดเดาหรือการตีความส่วนตัวที่นอกเหนือไปจากการสอนหลักคำสอนที่แท้จริง

นั่นอาจทำได้ยากเมื่อท่านรักคนที่ท่านกำลังพยายามโน้มน้าว คนๆ นั้นอาจไม่สนใจหลักคำสอนที่ท่านสอน ทำให้ท่านอยากลองอะไรที่ใหม่ๆ หรือน่าตื่นเต้น แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเปิดเผยวิญญาณแห่งความจริงก็ต่อเมื่อเรารอบคอบและระมัดระวังที่จะไม่สอนนอกเหนือจากหลักคำสอนที่แท้จริง วิธีที่แน่นอนที่สุดวิธีหนึ่งในการหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้หลักคำสอนเท็จคือ เลือกที่จะสอนอย่างเรียบง่าย ความปลอดภัยได้มาจากความเรียบง่ายนั้น และเกิดความเสียหายน้อย

การสอนแบบเรียบง่ายช่วยให้เราแบ่งปันหลักคำสอนแห่งความรอดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ขณะที่เด็กยังไม่ถูกแตะต้องจากการล่อลวงของจอมอุบายซึ่งเด็กจะต้องเผชิญในภายหลัง นานก่อนที่ความจริงซึ่งเด็กต้องเรียนรู้จะจมหายไปกับเสียงรบกวนของโซเชียลมีเดีย เพื่อนฝูง และปัญหาส่วนตัว เราควรคว้าทุกโอกาสในการแบ่งปันคำสอนของพระเยซูคริสต์กับเด็กๆ ช่วงเวลาการสอนเหล่านี้ล้ำค่าและมีน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับความพยายามอย่างไม่ลดละของพลังฝ่ายตรงข้าม เพราะทุกๆ ชั่วโมงที่เราใช้ปลูกฝังหลักคำสอนในชีวิตเด็กคนหนึ่ง มีหลายชั่วโมงนับไม่ถ้วนของฝ่ายตรงข้ามที่เต็มไปด้วยข้อความและภาพที่เข้ามาท้าทายหรือเพิกเฉยความจริงที่ช่วยให้รอด

บางท่านอาจสงสัยว่าการทำให้ลูกๆ ใกล้ชิดกับท่านมากขึ้นผ่านการเล่นสนุกอาจจะดีกว่าหรือไม่ หรืออาจถามว่าลูกจะเริ่มรู้สึกรับไม่ไหวกับคำสอนของท่านหรือไม่ แต่เราควรพิจารณาว่า “ด้วยเวลาอันจำกัดและโอกาสอันน้อยนิด ถ้อยคำของหลักคำสอนใดที่ฉันจะแบ่งปันได้เพื่อเสริมพลังลูกให้ต่อต้านความท้าทายอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มีต่อศรัทธาของพวกเขา?” ถ้อยคำที่ท่านแบ่งปันวันนี้อาจเป็นถ้อยคำที่พวกเขาจำติดตัวไป และวันนี้จะผ่านไปในไม่ช้า

ข้าพเจ้าชื่นชมมาโดยตลอดที่คุณย่าทวดข้าพเจ้า แมรีย์ บอมเมลี อุทิศตนในการแบ่งปันหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ ครอบครัวเธอได้รับการสอนจากผู้สอนศาสนาในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อเธออายุ 24 ปี

หลังรับบัพติศมา แมรีย์ปรารถนาจะไปสมทบกับวิสุทธิชนในอเมริกา เธอจึงออกเดินทางจากสวิตเซอร์แลนด์ไปเบอร์ลิน และทำงานกับสตรีคนหนึ่งที่จ้างเธอให้ทอผ้าสำหรับเสื้อผ้าของครอบครัว แมรีย์อาศัยอยู่ในห้องคนรับใช้และตั้งเครื่องทอผ้าไว้ในบริเวณห้องนั่งเล่นของบ้าน

เวลานั้น การสอนหลักคำสอนของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นเรื่องผิดกฎหมายในเบอร์ลิน แต่แมรีย์พบว่าเธอไม่สามารถหยุดแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้มาได้ สตรีเจ้าของบ้านกับเพื่อนๆ ของเธอจะมามุงรอบเครื่องทอผ้าเพื่อฟังแมรีย์สอน เธอพูดถึงการมาปรากฏของพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ต่อโจเซฟ สมิธ การมาเยือนของเหล่าเทพ และพระคัมภีร์มอรมอน เมื่อนึกถึงเรื่องราวของแอลมา เธอสอนเรื่องหลักคำสอนแห่งการฟื้นคืนชีวิต เธอเป็นพยานว่าครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกันได้อีกครั้งในอาณาจักรซีเลสเชียล

ความกระตือรือร้นของแมรีย์ในการแบ่งปันหลักคำสอนของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูไม่ช้าก็ก่อปัญหา ใช้เวลาไม่นานก่อนตำรวจจะจับแมรีย์ไปเข้าคุก ระหว่างทาง เธอถามตำรวจถึงชื่อผู้พิพากษาที่เธอจะต้องแสดงตนต่อหน้าในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอถามถึงครอบครัวเขาด้วย ถามว่าเขาเป็นพ่อและสามีที่ดีหรือไม่ ตำรวจบอกว่าผู้พิพากษาคนนี้เป็นคนฝ่ายโลก

เมื่ออยู่ในคุก แมรีย์ขอดินสอกับกระดาษ เธอใช้เวลาทั้งคืนเขียนจดหมายถึงผู้พิพากษา เป็นพยานถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ตามที่บรรยายไว้ในพระคัมภีร์มอรมอน สาธยายเรื่องโลกวิญญาณ และอธิบายเรื่องการกลับใจ เธอแนะนำว่าผู้พิพากษาจะต้องใช้เวลาใคร่ครวญชีวิตก่อนเผชิญกับการพิพากษาครั้งสุดท้าย เธอเขียนว่าเธอรู้ว่าเขามีหลายเรื่องต้องกลับใจ หลายเรื่องที่จะทำให้ครอบครัวเขาโศกเศร้าและทำให้เขาทุกข์ใจอย่างยิ่ง ในตอนเช้า เมื่อเธอเขียนจดหมายเสร็จ เธอมอบให้ตำรวจและขอให้เขานำไปส่งให้ผู้พิพากษา และเขาตกลงทำ

ต่อมา ผู้พิพากษาเรียกตำรวจนายนี้ไปที่ห้องทำงาน จดหมายที่แมรีย์เขียนเป็นหลักฐานที่หักล้างไม่ได้ว่าเธอสอนหลักคำสอนของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู และการทำเช่นนั้นผิดกฎหมาย แต่ไม่นานตำรวจก็กลับมาที่ห้องขังของแมรีย์ เขาบอกเธอว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดถูกยกเลิกและเธอเป็นอิสระแล้ว การที่เธอสอนหลักคำสอนของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ทำให้เธอถูกจับเข้าคุก และการประกาศหลักคำสอนเรื่องการกลับใจต่อผู้พิพากษาทำให้เธอถูกปล่อยออกจากคุก

การสอนของแมรีย์ บอมเมลีไม่ได้จบลงที่การถูกปล่อยตัว บันทึกถ้อยคำของเธอถ่ายทอดหลักคำสอนที่แท้จริงลงมาหลายชั่วอายุที่ยังไม่เกิดมา ความเชื่อของเธอที่ว่าแม้แต่ผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสใหม่ก็สามารถสอนหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ได้ ทำให้ลูกหลานของเธอได้รับการเสริมพลังในการต่อสู้ของตน

เมื่อเราทำสุดความสามารถเพื่อสอนคนที่เรารักเกี่ยวกับหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ บางคนอาจยังไม่ตอบรับ ความสงสัยอาจคืบคลานเข้ามาในใจท่าน ท่านอาจสงสัยว่าท่านรู้จักหลักคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดดีพอที่จะสอนอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ และถ้าท่านพยายามสอนแล้ว ท่านอาจสงสัยว่าทำไมถึงไม่เห็นผลลัพธ์ในแง่บวกชัดเจนกว่านี้ อย่ายอมต่อความสงสัยเหล่านั้น จงหันไปหาพระผู้เป็นเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ

“แท้จริงแล้ว, และจงเรียกหาพระผู้เป็นเจ้าเพื่อการดำรงชีวิตทุกอย่างของลูก; … ขอให้ความรักของใจลูกมอบไว้แด่พระเจ้าตลอดกาล”

“และบัดนี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านถ่อมตน, และว่าง่ายและอ่อนโยน; รับฟังคำวิงวอนจากผู้อื่น; เปี่ยมด้วยความอดทนและความอดกลั้น; รู้จักยับยั้งตนในทุกสิ่ง; ขยันหมั่นเพียรในการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าตลอดเวลา; ขอในสิ่งใดก็ตามที่ท่านขัดสน, ทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายโลก; น้อมขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าเสมอในสิ่งใดก็ตามที่ท่านได้รับ”

ถ้าท่านสวดอ้อนวอน ถ้าท่านทูลสนทนากับพระผู้เป็นเจ้า และถ้าท่านวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อคนที่ท่านรัก และถ้าท่านไม่เพียงขอบพระทัยพระองค์สำหรับความช่วยเหลือเท่านั้น แต่สำหรับความอดทนและความอ่อนโยนที่มาจากการไม่ได้รับทุกสิ่งที่ท่านปรารถนาในทันทีหรืออาจไม่ได้รับเลย ข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะเข้าใกล้พระองค์มากขึ้น ท่านจะขยันหมั่นเพียรและอดกลั้น และเมื่อนั้นท่านจะรู้ว่าท่านได้ทำทุกสิ่งที่ท่านทำได้แล้ว เพื่อช่วยให้คนที่ท่านรักและคนที่ท่านสวดอ้อนวอนให้ สามารถรับมือกับความพยายามของซาตานที่จะทำให้พวกเขาตกราง

“แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย”

ท่านพบความหวังได้ในบันทึกพระคัมภีร์เรื่องครอบครัว เราอ่านเรื่องคนที่หันไปจากสิ่งที่พวกเขาได้รับการสอนหรือคนที่ดิ้นรนกับพระผู้เป็นเจ้าเพื่อขอการให้อภัย เช่น แอลมาผู้บุตร บุตรของโมไซยาห์ และอีนัส ในช่วงวิกฤตพวกเขาจดจำถ้อยคำของบิดามารดาได้ ถ้อยคำแห่งหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ การจดจำได้ช่วยพวกเขาให้รอด คำสอนของท่านเรื่องหลักคำสอนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะเป็นที่จดจำ

ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงงานศักดิ์สิทธิ์ของการสอนบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ถึงหลักคำสอนอันเรียบง่ายของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเปิดทางให้เราได้รับการชำระให้สะอาดทางวิญญาณ และได้รับการต้อนรับสู่ที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าในที่สุด เพื่อพำนักกับพระองค์และพระบุตรของพระองค์ในรัศมีภาพชั่วนิรันดร์เป็นครอบครัว ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

พิมพ์