2016
รู้ทันสิ่งปลอมแปลงของซาตาน
เมษายน 2016


รู้ทัน สิ่งปลอมแปลงของซาตาน

ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา

เมื่อเราพบเจอสิ่งปลอมแปลงทางวิญญาณ พระคัมภีร์มอรมอนสามารถช่วยให้เราตัดสินได้ว่าอะไรจริงและอะไรไม่จริง

ภาพ
woman with money

ผมกำลังเก็บแบงก์ดอลลาร์สหรัฐสองใบใส่กระเป๋าสตางค์ที่ร้านขายของชำเมื่อแบงก์ใบหนึ่งสะดุดตาผม ผมคิดว่าสีเขียวอ่อนกว่าสีอื่นเล็กน้อย ผมจึงสำรวจใกล้ขึ้น แล้วจึงสังเกตเห็นว่าภาพของประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตันดูไม่ชัด แม้แต่กระดาษก็รู้สึกผิดปกติ มันเป็นแบงก์ปลอม พนักงานเปลี่ยนแบงก์จริงให้แล้วเก็บแบงก์ปลอมคืนให้ผู้จัดการร้าน

ตั้งแต่นั้นมา ผมคิดมากเรื่องแบงก์ดอลลาร์ปลอมใบนั้น ผมสงสัยว่ามันหมุนเวียนอยู่นานเท่าใดแล้ว และตลอดหลายปีมานี้ถูกหลอกไปแล้วกี่คน อันที่จริง ถ้าผมไม่ใส่ใจ ผมอาจจะถูกหลอกด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับแบงก์ค์จริงและเพ่งมองที่ความต่างไม่ใช่ความเหมือน ผมบอกได้ว่าเป็นแบงก์ปลอม

พระคัมภีร์มอรมอนเต็มไปด้วยตัวอย่างของคนปลอมแปลงทางวิญญาณผู้ทำตามวิธีของซาตานในการพูดเท็จและหลอกคนอื่นเพื่อประโยชน์ของตน โดยศึกษากลอุบายและเล่ห์เหลี่ยมของพวกเขา เราเริ่มสังเกตเห็นความผิดพลาดแบบเดียวกับสายตาคนที่ฝึกมาเริ่มสังเกตเห็นความต่างระหว่างเงินจริงกับเงินปลอม ยิ่งเราฝึกสายตาให้มองความต่างออก เราจะยิ่งพร้อมพบกับคนปลอมแปลงยุคปัจจุบันและต่อต้านคำเท็จของพวกเขาได้

การรู้เท่าทันสิ่งปลอมแปลงของซาตาน

ซาตานหมายมั่นนำเราออกห่างผ่านการปลอมแปลงทางวิญญาณตามแบบฉบับของเขา และถ้าเราไม่ระวัง เราจะถูกหลอก ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธ (1838–1918) เตือนว่า “ซาตานเป็นนักลอกเลียนแบบที่มีความชำนาญ และเมื่อให้ความจริงแท้ของพระกิตติคุณแก่โลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็จะกระจายเหรียญปลอมของหลักคำสอนเท็จไปทั่ว จงระวังเงินปลอมของเขา เพราะเงินนั้นซื้ออะไรให้ท่านไม่ได้นอกจากความผิดหวัง ความเศร้าหมอง และความตายทางวิญญาณ”1

สิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เราถูกสิ่งปลอมแปลงของซาตานหลอกได้ดีที่สุดคือ ทำความคุ้นเคยกับความจริงของพระกิตติคุณให้มากที่สุด ยิ่งเรารู้ความจริงลึกซึ้งเพียงใด เราจะยิ่งมองเห็นความต่างมากเพียงนั้นเมื่อซาตานนำเสนอสิ่งปลอมแปลงของเขาต่อเรา ฉะนั้น เมื่อเขาหลอก เราต้องมองหาความต่างไม่ใช่ความเหมือน อย่างที่ผมทำกับแบงก์ปลอม เพราะนั่นคือจุดที่มักจะเผยให้เห็นคำเท็จเสมอ

ประธานเอสรา แทฟท์ เบนสัน (1899–1994) สอนว่า “พระคัมภีร์มอรมอนเปิดโปงศัตรูของพระคริสต์ … ด้วยพระปรีชาญาณล่วงหน้าอันไม่มีขอบเขตของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงออกแบบพระคัมภีร์มอรมอนให้เรามองเห็นความผิดพลาดและรู้วิธีต่อสู้กับแนวคิดผิดๆ ด้านการศึกษา การเมือง ศาสนา และปรัชญาในสมัยของเรา”2

ทุกวันนี้เราทำสงครามกับซาตาน เราเหมือนกองทัพที่ต้องรู้ว่าศัตรูมีแผนจะทำอะไร ตัวอย่างเช่น การรู้ว่าศัตรูจะโจมตีเมื่อใดและที่ไหนสามารถเป็นข้อมูลอันประมาณค่ามิได้ นั่นคือสาเหตุที่เราเรียกการได้ข้อมูลเช่นนั้นว่า “การรู้เท่าทัน” เพื่อจะรู้จักศัตรูของเรา เราต้องฉลาดกว่าศัตรู พระคัมภีร์มอรมอนสามารถช่วยให้เรา “รู้เท่าทัน” วิธีปลอมแปลงของซาตานได้

คำพูดป้อยอเป็นสิ่งปลอมแปลง

สิ่งปลอมแปลงเกินครึ่งในพระคัมภีร์มอรมอนใช้คำพูดป้อยอและบุคลิกภาพที่มีเสน่ห์ทำให้บรรลุเป้าหมายของพวกเขา ตัวอย่างเช่น เชเร็ม “มีความรู้อันเป็นเลิศเกี่ยวกับภาษาของผู้คน; ดังนั้น, เขาจึงใช้การยกยอปอปั้นได้มากมาย, และสามารถใช้พลังแห่งวาทศิลป์ได้มาก, ตามอำนาจของมาร” (เจคอบ 7:4) ปุโรหิตชั่วของกษัตริย์โนอาห์ใช้ “คำพูดที่ไร้ประโยชน์และคำป้อยอ” (โมไซยาห์ 11:7) ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้ผู้คนทำการล่วงประเวณีและความชั่วร้ายอื่นๆ คอริฮอร์บรรลุผลคล้ายกันในวันเวลาของเขา “ชักนำใจคนไปเป็นอันมาก” (แอลมา 30:18) อแมลิไคยาห์และแกดิแอนทันทั้งคู่ใช้ความสามารถในการพูดป้อยอเพื่อตั้งกองทัพของผู้ติดตามที่ชั่วร้าย (ดู แอลมา 46:10; ฮีลามัน 2:4)

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คำป้อยอเป็นคำพูดตื้นๆ ไม่จริงใจ กลับกลอก และเกินจริง นีไฟเตือนเรื่องคนที่ “จะสอนตามวิธีนี้, หลักคำสอนเท็จและเหลวไหลและโง่เขลา, และจะลำพองอยู่ในใจพวกเขา, และจะพยายามซ่อนแผนของพวกเขาไว้ลึกยิ่งนักจากพระเจ้า; และงานของพวกเขาจะอยู่ในความมืด” (2 นีไฟ 28:9)

บ่อยครั้งจะใช้คำพูดป้อยอเพื่อหลอกลวง มักจะมีเจตนาแอบแฝงหรือแผนการปกปิดไว้ คำพูดป้อยอล้วนเกี่ยวข้องกับสำนวนมากกว่าสาระ และมีผลมากต่อความไร้สาระและความจองหองของมนุษย์ปุถุชนภายในบุคคลนั้น อย่างไรก็ดี ศาดาพยากรณ์ของพระเจ้าบอกความจริงอันเรียบง่ายทว่าสำคัญที่เรา จำเป็นต้อง ฟัง

คำพูดป้อยอเป็นภาษาที่ซาตานพูด ประธานเจมส์ อี. เฟาสท์ (1920–2007) ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดอธิบายดังนี้ “บ่อยครั้งเสียง [ของซาตาน] ฟังดูมีเหตุผลและข่าวสารของเขาพิสูจน์ได้ง่ายว่าถูกต้อง นั่นคือเสียงที่น่าสนใจ ดึงดูดใจ และมีน้ำเสียงเสนาะหู ไม่แข็งกระด้างหรือระคายหู ไม่มีใครอยากฟังเสียงของซาตานถ้าเสียงนั้นฟังดูแข็งกร้าวหรือหยาบกระด้าง”3

ภาพ
whispering

เมื่อโลกนำเสนอแนวคิด ปรัชญา หรือความคิดเห็นที่ดูเหมือนจะเพิ่มความไร้สาระหรือความจองหองหรือฟังเหมือนดีเกินจริง สิ่งนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่เราต้องระวังทันที จงถือว่าแนวคิดเหล่านั้นเป็นสิ่งปลอมแปลง จงเปรียบเทียบกับความจริงที่ศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าสอน มองหาความต่าง ไม่ใช่ความเหมือน และแนวคิดปลอมๆ เหล่านั้นจะชัดเจน

นีฮอร์—นักปลอมแปลงที่คนชื่นชอบ

นีฮอร์ใช้วิธีป้อยอของซาตานอย่างเสรี เราลองมาพิเคราะห์กันโดยให้เขาเป็นกรณีศึกษาของนักปลอมแปลงทางวิญญาณ นีฮอร์ผู้ซึ่งหลักคำสอนของเขาดูเหมือนจะน้อมรับแนวคิดของพระผู้ไถ่ เป็นผู้สั่งสอนที่มีเสน่ห์และเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวนีไฟ นีฮอร์ดึงดูดผู้ติดตามมากมายโดยสอนว่า “มนุษยชาติทั้งปวงจะได้รับการช่วยให้รอดในวันสุดท้าย” และ “มีชีวิตนิรันดร์” (แอลมา 1:4)

เราเห็นไหมว่าเหตุใดข่าวสารของนีฮอร์จึงดึงดูด เขากำลังสอนเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าที่ง่ายๆ สบายๆ—พระผู้เป็นเจ้าที่จะช่วยให้ทุกคนรอดไม่ว่าจะทำอะไรเพราะพระองค์ทรงรักทุกคน ฉะนั้นทำไปเลยและทำสิ่งที่อยากทำ เพราะดีทั้งหมด นั่นเป็นปรัชญาน่าดึงดูดที่คนในสมัยของนีฮอร์น้อมรับ (ดู แอลมา 1:5) มากเท่าๆ กับคนในปัจจุบัน ตั๋วฟรีไปสวรรค์เป็นสิ่งที่ผู้คนอยากได้

แล้วข่าวสารของนีฮอร์มีปัญหาอะไร เรามาดูประเด็นหลักที่เป็นข้อโต้แย้งของเขาอีกครั้ง

  • พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างทุกคน—ถูก

  • พระผู้เป็นเจ้าทรงรักทุกคน—ถูก

  • เราไม่ควรกลัวพระผู้เป็นเจ้า—ถูก

  • เราควรยินดีกับแนวคิดเรื่องความรอด—ถูก

จนถึงทุกวันนี้ มีความเหมือนมากมายระหว่างสิ่งที่นีฮอร์สอนกับความจริงพระกิตติคุณ แต่จำไว้ว่า—เช่นเดียวกับเงินปลอม เราจำเป็นต้องมองหาความต่าง ไม่ใช่ความเหมือน ฉะนั้นเราลองมาดูประเด็นสุดท้ายของนีฮอร์

  • พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยอมให้ทุกคนได้รับชีวิตนิรันดร์—ผิด!

นี่เป็นความต่างสำคัญที่บอกเราว่านีฮอร์เป็นนักปลอมแปลงทางวิญญาณ ทุกคน ได้รับ ความรอดจากความตายทางร่างกาย แต่ความรอดจากความตายทางวิญญาณมีเงื่อนไขอยู่ที่การยอมกลับใจ ถ้าเรากลับใจ เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์ (ดู เจคอบ 6:11) แต่ชีวิตนิรันดร์ไม่ได้มาฟรีๆ

กิเดียนกับแอลมารู้ทันนักปลอมแปลง

ความชั่วของนีฮอร์ถูกเปิดโปงในวันที่เขาพบกิเดียน ผู้สอนที่ชอบธรรมในศาสนจักรของพระผู้เป็นเจ้า กิเดียนเคยโต้แย้งกษัตริย์โนอาห์เมื่อหลายปีก่อนและด้วยเหตุนี้จึงมีประสบการณ์กับนักปลอมแปลงทางวิญญาณ (ดู โมไซยาห์ 19:4–8) นีฮอร์ “เริ่มโต้แย้งอย่างรุนแรงกับคนผู้นั้น, เพื่อเขาจะได้ชักนำผู้คนของศาสนจักรไป; แต่ [กิเดียน] ทัดทานเขา, โดยตักเตือนเขาด้วยพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า” (แอลมา 1:7) กิเดียนรู้ว่านีฮอร์เป็นนักปลอมแปลง พอถูกเปิดโปง นีฮอร์ก็หันไปใช้อีกวิธีหนึ่งของซาตาน นั่นคือ ฆาตกรรม แต่ความตายของกิเดียนไม่เปล่าประโยชน์ ผู้คนนำนีฮอร์นักปลอมแปลงมาอยู่ต่อหน้าแอลมาเพื่อรับการพิพากษา

แอลมารู้ว่านีฮอร์ไม่เพียงทำผิดฐานฉ้อฉลในอำนาจปุโรหิตและฆาตกรรมเท่านั้น แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่ดำเนินการใดๆ การฉ้อฉลในอำนาจปุโรหิตท่ามกลางผู้คน “จะหมายถึงความพินาศสิ้นของพวกเขา” (แอลมา 1:12) นีฮอร์จึงถูกตัดสินลงโทษให้ถึงตาย และรับ “ความตายอันน่าอับอาย” (แอลมา 1:15)

กิเดียนกับแอลมาเป็นแบบอย่างสำหรับเรา เมื่อเรามีพระวิญญาณอยู่กับเรา เราจะเห็นและได้ยิน “เรื่องดังที่มันเป็นจริง” (เจคอบ 4:13) เราจะจำแผนและกลยุทธอันปลอมแปลงของซาตานได้ “ด้วยความรู้อันสมบูรณ์, เหมือนดังความสว่างของกลางวันต่างจากกลางคืนที่มืด” (โมโรไน 7:15)

ศัตรูนัก “ปลอมแปลง” ของเราฉลาด แต่เหมือนกิเดียนกับแอลมา เราฉลาดกว่า ผมเริ่มรู้ความต่างระหว่างแบงก์ดอลลาร์สองใบทีละน้อยฉันใด เราสามารถฝึกสายตาอีกทั้งความคิดและวิญญาณของเราให้รู้ความต่างระหว่างความจริงกับความเท็จได้ทีละน้อยฉันนั้น เมื่อเราทำเช่นนั้น เราจะรู้จักนักปลอมแปลงและต่อต้านคำเท็จของพวกเขา

อ้างอิง

  1. โจเซฟ เอฟ. สมิธ, Gospel Doctrine, 5th ed. (1939), 376.

  2. คำสอนของประธานศาสนจักร: เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน [2014], 132.

  3. เจมส์ อี. เฟาสท์, “อิทธิพลที่จะช่วยให้เรารอด,” เลียโฮนา, ม.ค. 2007, 4.

พิมพ์