2017
ความรักกับเค้กช็อกโกแลต: ท่านจะให้อะไรเพื่อนำพวกเขากลับมา
กันยายน 2017


การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด

ความรักกับเค้กช็อกโกแลต: ท่านจะให้อะไรเพื่อนำพวกเขากลับมา

chocolate cake

ซิสเตอร์บาบาทา ซอนเนนเบิร์กท้อแท้หมดกำลังใจ ในฐานะคุณแม่วัยสาวที่มีลูกสาวอายุไม่ถึงแปดขวบห้าคน เธอประหลาดใจที่ได้รับเรียกให้สอนชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์อายุ 16 ถึง 17 ปีในวอร์ดของเธอ หลังจากทำการเรียกหลายเดือน เธอพบว่านักเรียนเข้าชั้นเรียนไม่สม่ำเสมอและมีจำนวนน้อยมาก วันอาทิตย์วันหนึ่งมีเด็กผู้ชายคนเดียวมาเข้าชั้นเรียน แทนที่จะสอนนักเรียนแค่คนเดียว เธอกลับรวมชั้นของเธอกับอีกชั้นหนึ่ง เธอเกือบจะยอมแพ้อยู่แล้ว แต่ขณะไตร่ตรองและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับสถานการณ์อันชวนหดหู่ของเธอ การดลใจก็มา และเธอเกิดการเปลี่ยนแปลงในใจ

การทำงานเป็นทีม

เคนสามีเธอเป็นหัวหน้าเผยแผ่วอร์ด พวกเขาทั้งสองรู้สึกถึงการกระตุ้นเตือนให้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือเยาวชนของวอร์ด เธอจะทำเค้กช็อกโกแลตและเขาจะชวนเยาวชนในวอร์ดมาบ้านทุกเย็นวันอาทิตย์เพื่อรับประทานเค้กและพูดคุยเรื่องการเตรียมเป็นผู้สอนศาสนา ขณะวัยรุ่นรับประทานเค้ก ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กจะชวนพวกเขามาชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ของเธอ

เนื่องจากการเชื้อเชิญที่ “หวานชื่น” นี้ จำนวนผู้เข้าชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์จึงเพิ่มขึ้น แต่เนทเยาวชนชายคนหนึ่งไม่คล้อยตามคำเชื้อเชิญอันไม่ลดละ ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กรู้สึกว่าเธอกำลังสูญเสียแกะตัวหนึ่งของเธอ การตอบสนองของเธอต่อความรู้สึกนั้นคือ “ไปตามหาตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะพบ” (ลูกา 15:4) แทนที่จะยอมแพ้เรื่องเนท ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กกลับคิดแผนหนึ่งขึ้นมาได้

การเยี่ยมบ้าน

เย็นวันอาทิตย์วันหนึ่งเธอไปบ้านของเนท เธอพบเขาอยู่บ้านกับสมาชิกอีกคนหนึ่งของชั้นเรียนเธอที่ไม่ได้เข้าชั้นเรียนวันนั้นด้วย เธอบอกทั้งสองว่าเธอคิดถึงพวกเขาและจะสอนบทเรียนพวกเขาตอนนั้นที่นั่น คุณพ่อของเนทเพิ่งได้รับการปลดจากการเป็นอธิการวอร์ดได้ไม่นาน เขาประทับใจกับความไม่ย่อท้อของครูคนนี้ เขาส่งข้อความบอกสามีเธอว่า “เคน ช่วยบอกภรรยาคุณแทนผมด้วยครับว่าขอบคุณ เธอได้รับการดลใจให้มาที่นี่และสอนเนทกับแมคเคย์”

กระนั้นก็ตาม วันอาทิตย์ต่อมา เนทเลือกไม่ไปเข้าโรงเรียนวันอาทิตย์อีก ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กจึงไปบ้านเขาอีกครั้งเพื่อจะสนทนาพระกิตติคุณกับเขา เนทรู้ทัน เขาจึงไปแอบอยู่บ้านเพื่อน ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กเจอเขาอยู่ห่างจากบ้านของเขาไม่กี่หลังและแบ่งปันบทเรียนที่นั่น

ในที่สุด เนทตัดสินใจกลับไปเข้าชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ของเขา

อะไรได้ผล

friends eating cake

ทำไมเนทกลับมา

เค้กช็อกโกแลตที่ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กเสิร์ฟในบ้านของเธออย่างนั้นหรือ

การไปเยี่ยมบ้านของเนทและไปตามหาเขา (ที่บ้านของเพื่อนบ้าน) อย่างนั้นหรือ

การกระตุ้นจากเพื่อนๆ และครอบครัวให้ไปโบสถ์อย่างนั้นหรือ

หรือความรักที่เขารู้สึกจากซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กครูโรงเรียนวันอาทิตย์ของเขาอย่างนั้นหรือ

คำตอบน่าจะใช่ทั้งหมดที่กล่าวมา ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้และมากกว่านั้น เนทเริ่มเข้าเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์สม่ำเสมอพร้อมกับเพื่อนๆ ของเขา

เรื่องที่เหลือ

ข้าพเจ้าขอเพิ่มเติมเรื่องที่เหลือ เพราะความรู้สึกที่เนทมีต่อครูโรงเรียนวันอาทิตย์ของเขา เขาจึงไม่พลาดโอกาสซื้อช็อกโกแลตให้เธอเมื่อเขาเห็นเธอที่ห้างสรรพสินค้าในเวลาต่อมา ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กผู้แสดงความรักมากมายต่อเขากลายเป็นผู้ได้รับความรักจากเขา

ไม่นานหลังจากนั้น ในเดือนกันยายน ปี 2015 เนทกรอกใบสมัครเป็นผู้สอนศาสนาและเวลานี้เขารับใช้ในคณะเผยแผ่แจ็คสัน มิสซิสซิปปี

สมาชิกชั้นเรียนคนอื่นๆ ที่มีปัญหาเรื่องการเข้าเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ตัดสินใจรับใช้งานเผยแผ่เช่นกัน เยาวชนชายห้าคนและเยาวชนหญิงสามคนที่เข้าชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์อายุ 16-17 ปีของซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กในช่วงที่เธอรับใช้เป็นครูต่างรับใช้งานเผยแผ่มาแล้วหรือกำลังรับใช้ และอีกหลายคนจะรับใช้

เอื้อมออกไปหาคนที่ไม่เข้าชั้นเรียน

“รักคนที่ท่านสอน” ส่วนที่ 1 ของ การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด มีหัวข้อสนทนาชื่อ “เอื้อมออกไปหาคนที่ไม่เข้าชั้นเรียน” หัวข้อนั้นอ่านว่า “การเอื้อมออกไปหาสมาชิกที่แข็งขันน้อยไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ของผู้สอนประจำบ้าน ผู้เยี่ยมสอน หรือผู้นำฐานะปุโรหิตและผู้นำองค์การช่วยเท่านั้น—ครูก็สามารถช่วยในงานนี้ได้เช่นกัน การสอนเป็นมากกว่าการนำเสนอบทเรียนในวันอาทิตย์ การสอนรวมถึงการปฏิบัติด้วยความรักและช่วยผู้อื่นให้ได้รับพรแห่งพระกิตติคุณ และบ่อยครั้งความช่วยเหลือนี้คือสิ่งที่สมาชิกชั้นเรียนที่แข็งขันน้อยต้องการจริงๆ เราทุกคนต้องทำงานด้วยกันเพื่อเอื้อมออกไปหาคนที่ประสบปัญหา และในฐานะครูท่านอยู่ในตำแหน่งพิเศษที่จะช่วยเหลือได้”1

ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กทราบดีว่าเธออยู่ในฐานะที่จะช่วยสมาชิกชั้นเรียนของเธอได้ เธอได้รับพรให้มีโอกาสสัมผัสใจพวกเขาสัปดาห์ละครั้งและเธอตั้งใจทำเช่นนั้น—ทั้งในห้องเรียนของเธอและในบ้านของพวกเขา เห็นชัดว่าครูทุกคนอาจไม่อยู่ในฐานะที่จะไปเยี่ยมบ้านคนไม่เข้าชั้นเรียนทุกสัปดาห์ ทั้งไม่อยู่ในวิสัยจะทำได้เสมอไป แต่เราทุกคนทำบางสิ่งบางอย่างได้ แม้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแสดงความรักต่อคนที่อยู่ในความพิทักษ์ของเรา จงจดจำถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์แอลมา “โดยเรื่องเล็กและเรียบง่ายสิ่งสำคัญจะเกิดขึ้น” (แอลมา 37:6)

เชื้อเชิญด้วยความรัก

Jesus teaching

หมวด “เชื้อเชิญด้วยความรัก” ของหัวข้อสนทนาเดียวกันมีทัศนะต่อไปนี้รวมอยู่ด้วย “การแสดงความรักอย่างพระคริสต์ที่จริงใจมีพลังยิ่งใหญ่ในการทำให้ใจของสมาชิกชั้นเรียนผู้กำลังประสบปัญหากับพระกิตติคุณอ่อนลง บ่อยครั้งบุคคลเหล่านี้เพียงต้องการรับรู้ว่าพวกเขาเป็นที่ต้องการและมีคนรัก”2

ด้วยเหตุที่ซิสเตอร์ซอนเนนเบิร์กพยายามช่วยเหลือเนท เขาจึงรู้สึกว่ามีคนต้องการเขาและรักเขา ในฐานะผู้สอนศาสนาเต็มเวลา ตอนนี้เนทกับเพื่อร่วมชั้นต่างมีโอกาสช่วยให้ผู้อื่นรู้สึกถึงความรักเหมือนพระคริสต์แบบเดียวกัน นับเป็นพรอย่างยิ่งที่พวกเขาสามารถจดจำและทำตามแบบอย่างครูโรงเรียนวันอาทิตย์ของพวกเขา

จนกว่าท่านจะพบคนที่หายไป

ในฐานะฝ่ายประธานโรงเรียนวันอาทิตย์สามัญ เราขอบคุณครูโรงเรียนวันอาทิตย์ทั่วโลกผู้เชื้อเชิญสมาชิกชั้นเรียนของพวกเขาในหลากหลายวิธีให้มาหาพระคริสต์ เราสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้าทรงอวยพรท่านขณะท่านพยายามรักคนที่ท่านสอน และเพราะความรักนั้นท่าน “ไปตามหาตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะพบ”—เฉกเช่นพระองค์ทรงทำในช่วงปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัย

อ้างอิง

  1. การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด (2016), 8, teaching.lds.org.

  2. การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด, 9.