บ้านเรา ครอบครัวเรา
ตุ๊กแก จิ้งหรีด และเวลากับลูก
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐเมน สหรัฐอเมริกา
ดิฉันไม่นึกว่าสัตว์เลื้อยคลานจะมีผลยั่งยืนต่อความสัมพันธ์ของดิฉันกับลูกชาย
ดัลลินลูกชายของดิฉันรักสัตว์เลื้อยคลานมาตลอด แต่ดิฉันไม่ชอบสัตว์พวกนั้น เขาได้รับอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานตัวหนึ่งโดยมีเงื่อนไขว่าไม่ว่าเขาจะเลือกเลี้ยงอะไร สัตว์ตัวนั้นต้องอยู่ในท่อเครื่องดูดฝุ่นได้เผื่อมันออกจากกรงตอนเขาอยู่ที่โรงเรียน เราไปดูหลายชนิด ตั้งแต่กบจนถึงอีกัวนา ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงตุ๊กแกเสือดาวผิวลื่นนุ่มเหมือนกำมะหยี่สองตัวชื่อฟัซกับไดแอน
เพื่อนใหม่สองตัวนี้มาอยู่กับครอบครัวเราเมื่อดัลลินอายุเจ็ดขวบ แง่มุมหนึ่งของการเลี้ยงตุ๊กแกที่ดิฉันไม่คาดคิดคือต้องให้มันกินจิ้งหรีด—จิ้งหรีดเป็นๆ—สัปดาห์ละครั้ง หลายปีที่ดัลลินกับดิฉัน “ไปซื้อจิ้งหรีดด้วยกัน” การเดินทางไม่ค่อยสะดวกนักเพราะปกติจะรีบไปตอนดึกก่อนร้านปิด
ไดแอนมีชีวิตเพียงสามปี แต่ฟัซมีชีวิตนานหลายปี สุขภาพดีและมีความสุข จนถึงปลายปีสุดท้ายเมื่อดัลลินเรียนมัธยมปลาย เขาได้รับมอบหมายให้ทำการสาธิตในวิชาฝึกพูดต่อหน้าสาธารณชน เขาขอความเห็นจากดิฉันกับสามี เราแนะนำให้เขาพูดเรื่องตุ๊กแกเสือดาวเพราะเขารู้เรื่องนี้มากแล้วและสามารถนำฟัซไปให้ชั้นเรียนดูได้ แต่จากนั้นดัลลินบอกเราว่าฟัซตายแล้ว
“ลูกพูดจริงหรือ ตายเมื่อไหร่” ดิฉันถามเพราะไม่เชื่อหูตัวเอง
ดัลลินบอกเราว่าฟัซตายเมื่อสัปดาห์ก่อน
“มันอยู่ในห้องของผม แต่ไม่ต้องห่วงครับ มันไม่เหม็น ผมห่อไว้สองชั้น”
หลังจากเห็นเราประหลาดใจ ดัลลินจึงอธิบายว่า “ผมกำลังทำการทดลอง—ผมอยากเห็นมันย่อยสลาย”
การทดลองของดัลลินกลับกลายเป็นว่าเขาทำมากกว่าดูมันย่อยสลาย เขาหยุดกระบวนการนั้นโดยเอาฟัซไปแช่ช่องแข็งเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้วเอาออกมาละลายน้ำแข็งและปล่อยให้ย่อยสลายต่อ
หนึ่งปีต่อมา เมื่อดัลลินไปเป็นผู้สอนศาสนา ดิฉันทำความสะอาดช่องแช่แข็งและพบฟัซอยู่ด้านหลัง ยังห่อสองชั้นไว้เหมือนเดิม เนื่องจากดิฉันกำลังเตรียมของส่งให้ดัลลิน ดิฉันจึงคิดว่าคงจะสนุกถ้าส่งการทดลองนี้ไปให้เขาด้วย ดิฉันเอาฟัซใส่กล่องอย่างระมัดระวัง ห่อด้วยกระดาษลายจุดขาวดำ แล้วซ่อนไว้ในห่อของของดัลลินพร้อมกับข้อความที่อ่านได้ว่า “มีของให้ลูกประหลาดใจอยู่ในห่อ” จากนั้นดิฉันก็เฝ้ารอคำตอบของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“ผมคิดถึงตุ๊กแกตัวนั้นเพราะแม่ส่งมา” เขาเขียน “แต่ไม่ได้คิดถึงตุ๊กแกมากเท่ากับตอนที่เราขับรถไปซื้อจิ้งหรีดและทำธุระอื่นๆ ด้วยกันทุกอาทิตย์ ได้ฟังความคิด เรื่องเล่า และประจักษ์พยานของแม่ขณะอยู่ในรถ นั่นเป็นข้ออ้างที่ดีที่จะได้ไปและพูดคุยกับแม่ (ผมพูดไม่มาก แต่ผมฟัง)”
การซื้อจิ้งหรีด ใครจะรู้ พ่อแม่อย่างเราไม่สามารถกำหนดเวลามีอิทธิพลต่อลูกได้เสมอไป เวลาเช่นนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจจะเวลาที่เราพาลูกเข้านอนตอนกลางคืน นั่งกระเช้าไฟฟ้าด้วยกัน หรือแค่นั่งรถไปทำธุระ เราต้องใช้เวลากับลูกๆ ของเรา
พระผู้ช่วยให้รอดทรงแสดงแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุดของการใช้เวลากับเด็กๆ หลังจากทรงสอนชาวนีไฟมาทั้งวัน พระคริสต์ทรงบัญชาผู้คนให้พาเด็กเล็กๆ มาหาพระองค์ พระองค์ทรงคุกเข่าท่ามกลางเด็กๆ และสวดอ้อนวอน หลังจากสวดอ้อนวอน พระองค์ทรงกันแสง หลังจากนั้น “พระองค์ทรงพาเด็กเล็ก ๆ ของพวกเขามา, ทีละคน, และประทานพรให้พวกเขา, และทรงสวดอ้อนวอนถึงพระบิดาเพื่อพวกเขา” (3 นีไฟ 17:21)
เด็กเหล่านั้นรู้ว่าพระเยซูทรงรักพวกเขา พระองค์เต็มพระทัยใช้เวลากับพวกเขา ทรงฟังพวกเขา ทรงสวดอ้อนวอนให้พวกเขา และประทานพรให้พวกเขา คนที่เห็นเหตุการณ์นี้เปี่ยมด้วยพลังจนเรื่องราวบันทึกว่า “ดวงตาไม่เคยเห็น, ทั้งหูไม่เคยได้ยิน, เรื่องสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์เช่นนั้นมาก่อน, เมื่อเราเห็นและได้ยินพระเยซูรับสั่งกับพระบิดา” (3 นีไฟ 17:16)
อิทธิพลที่พระเยซูคริสต์ทรงมีต่อเด็กเหล่านั้นคงอยู่หลายชั่วคน เมื่อเราทุ่มเทเวลาและความสนใจให้เด็กๆ แม้เราจะอยู่กับพวกเขาแค่ตอนซื้อจิ้งหรีด แต่หวังว่าอิทธิพลของเราจะคงอยู่หลายชั่วคนเช่นกัน