ปฏิบัติศาสนกิจ ในวิธีที่ศักดิ์สิทธิ์กว่า
จากคำปราศรัยการให้ข้อคิดทางวิญญาณเรื่อง “วิธีปฏิบัติศาสนกิจที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้น” ที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ วันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2018
ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านรักพระผู้เป็นเจ้าสุดหัวใจและสวดอ้อนวอนขอให้เป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระองค์ พระเจ้าจะทรงวางบุตรธิดาที่พิเศษของพระองค์ไว้ในเส้นทางของท่าน
หนังสือชื่อ The Narcissism Epidemic เริ่มด้วยตัวอย่างเกินจริงของวัฒนธรรมอเมริกาสมัยใหม่ดังนี้
“ในรายการเรียลิตี้ทีวี หญิงสาวคนหนึ่งที่วางแผนจัดงานเลี้ยงวันเกิดครบ 16 ปีต้องการให้กั้นถนนสายหลักเพื่อวงโยธวาทิตจะสามารถนำเธอเดินบนพรมแดงเข้าไปในงานเลี้ยงได้ หนังสือชื่อ My Beautiful Mommy อธิบายเรื่องการทำศัลยกรรมตกแต่งให้เด็กที่คุณแม่ของพวกเขากำลังจะรับการผ่าตัด ‘เปลี่ยนโฉมคุณแม่’ ตามสมัยนิยม สมัยนี้อาจมีการว่าจ้างปาปารัซซี่ตัวปลอมให้ตามไปแอบถ่ายรูปท่านเมื่อท่านออกนอกบ้านตอนกลางคืน—ถึงขนาดว่าท่านสามารถนำนิตยสารคนดังตัวปลอมกลับบ้านได้โดยมีภาพถ่ายเหล่านั้นขึ้นปก เพลงยอดนิยมประกาศโดยไม่มีคำพูดประชดประชันแต่อย่างใดว่า ‘ฉันเชื่อว่าโลกควรหมุนรอบตัวฉัน!’ … เด็กน้อยใส่ผ้ากันเปื้อนที่ปักคำว่า ‘นางแบบแนวหน้า’ … และดูดจุกนม ‘กากเพชร’ ขณะพ่อแม่อ่านเพลงกล่อมเด็กสมัยใหม่จาก This Little Piggey Went to Prada (เจ้าหมูน้อยไปร้านปราดา)1
ในฐานะสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ เราปฏิเสธความคิดที่ว่าชีวิตเราล้วนเกี่ยวข้องกับตัวเรา แต่เราทำตามพระผู้ช่วยให้รอดผู้ตรัสว่า
“ถ้ามีใครต้องการเป็นใหญ่ในพวกท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่าน
“และถ้าใครต้องการจะเป็นนาย คนนั้นจะต้องเป็นทาสของพวกท่าน
“… บุตรมนุษย์ … ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก” (มัทธิว 20:26–28)
เราเห็นค่าพระดำรัสของพระองค์ที่ว่า
“เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น” (ยอห์น 13:34; ดู ยอห์น 15:12 ด้วย)
“จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด … จงดูแลแกะของเราเถิด” (ยอห์น 21:15, 16)
“เมื่อท่านหันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน” (ลูกา 22:32)
“ช่วยเหลือคนอ่อนแอ, ยกมือที่อ่อนแรง, และให้กำลังเข่าที่อ่อนล้า” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 81:5)
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการปฏิบัติศาสนกิจแบบพระคริสต์ที่เกิดขึ้นในหมู่สมาชิกศาสนจักรของพระเจ้า นักศึกษาคนหนึ่งที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ เขียนเมื่อไม่นานมานี้ว่า
“ดิฉันกำลังประสบช่วงที่ลำบากมาก วันหนึ่งดิฉันทุกข์ใจมากและเกือบจะร้องไห้ ดิฉันทูลวิงวอนและสวดอ้อนวอนในใจขอให้มีพลังก้าวเดินต่อไป ในทันใดนั้น เพื่อนร่วมห้องส่งข้อความมาแสดงความรักต่อดิฉัน เธอแบ่งปันพระคัมภีร์ข้อหนึ่งและแสดงประจักษ์พยาน นั่นทำให้ดิฉันเกิดพลัง ความอบอุ่นใจ และความหวังอย่างมากในชั่วขณะของความสิ้นหวัง”
ข้าพเจ้าขอแบ่งปันความคิดบางประการที่หวังว่าจะเสริมวิธีปฏิบัติศาสนกิจที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วของท่านต่อกัน ประเด็นแรกของข้าพเจ้าคือ จงจดจำพระบัญญัติข้อแรกก่อนท่านจะใช้ข้อสอง ชายหนุ่มคนหนึ่งมาหาพระผู้ช่วยให้รอดและทูลถามว่า
“ท่านอาจารย์ ในธรรมบัญญัตินั้น พระบัญญัติข้อไหนสำคัญที่สุด?
“พระเยซูทรงตอบเขาว่า จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน
“นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก
“ข้อที่สองก็เหมือนกันคือจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (มัทธิว 22:36–39)
ท่านจะสามารถนำวิธีที่ศักดิ์สิทธิ์กว่ามาใช้รักเพื่อนบ้านของท่าน ดูแลและปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่นได้ดีเพียงใดนั้นจะขึ้นอยู่กับว่าท่านรักษาพระบัญญัติข้อแรกเข้มแข็งเพียงใด
การปฏิบัติศาสนกิจอีกแบบหนึ่ง
มีของขวัญล้ำค่าหาใดเสมอเหมือนของการปฏิบัติศาสนกิจที่มาจากผู้รักพระผู้เป็นเจ้าสุดหัวใจของเขา ผู้หนักแน่น มั่นคง แน่วแน่ และไม่หวั่นไหวในศรัทธาในพระเยซูคริสต์และในพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู (ดู เอเฟซัส 3:17; โคโลสี 1:23; 1 นีไฟ 2:10; โมไซยาห์ 5:15; แอลมา 1:25; 3 นีไฟ 6:14) และผู้รักษาพระบัญญัติอย่างครบถ้วน
ข้าพเจ้าขอให้บริบทบางอย่างที่ท่านทราบอยู่แล้ว คนรุ่นลูกรุ่นหลานทั่วโลกกำลังสูญเสียศรัทธาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูญเสียความเชื่อของตนในศาสนา เมื่อข้าพเจ้าสำเร็จการศึกษาจากบีวายยูในปี 1975 จำนวนคนหนุ่มสาว (อายุ 18 ถึง 24 ปี) ที่นับถือศาสนามีเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันอยู่ที่ 66 เปอร์เซ็นต์ “คนหนุ่มสาวหนึ่งในสามไม่นับถือศาสนาใด”2
ในปี 2001 โรเบิร์ต ซี. ฟูลเลอร์นักวิชาการศาสนาเขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Spiritual, But Not Religious (เน้นจิตวิญญาณแต่ไม่นับถือศาสนา)3 แนวโน้มที่จะฝักใฝ่ทางวิญญาณโดยไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรศาสนาอย่างเป็นกิจลักษณะอาจจะจริงเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ปัจจุบันนี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว เวลานี้คนหนุ่มสาวในสหรัฐสวดอ้อนวอนน้อยลง เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าน้อยลง เชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิลน้อยลง และเชื่อในพระบัญญัติน้อยลง4 เป็นความไร้เดียงสาที่จะเชื่อว่าแนวโน้มของโลกไม่สามารถมีอิทธิพลต่อเราทุกคน—แม้แต่คนที่ทรงเลือกไว้
การดูแลผู้อื่นทั้งทางกายและทางอารมณ์เรียกร้องใจที่ละเอียดอ่อนและไม่เห็นแก่ตัว การดูแลดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญของพระกิตติคุณ คนดีทั้งผู้เชื่อและไม่เชื่อทำการดูแลนี้ทั้งในและนอกศาสนจักร คนดีมีน้ำใจมีอยู่มากมายทั่วโลก เราสามารถเรียนรู้จากพวกเขา
แต่กับสมาชิกที่เปลี่ยนใจเลื่อมใสศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายแล้วนี่การปฏิบัติศาสนกิจอีกแบบหนึ่ง ในฐานะสานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอด เรามีโอกาสให้ปฏิบัติศาสนกิจในวิธีที่จะช่วยกันไม่ให้ศรัทธาของเพื่อนคลอนแคลน ที่เตือนสติเพื่อนร่วมห้องอย่างอ่อนโยนว่าการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนทุกวันทำให้เกิดปาฏิหาริย์จริงๆ และแสดงให้สมาชิกวอร์ดเห็นว่ามาตรฐานของศาสนจักรไม่ใช่แค่กฎแต่เป็นวิธีทำให้เราใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าเสมอและเกิดความสุข
คนที่มีจิตใจดีสามารถช่วยคนบางคนปะยางรถ พาเพื่อนบ้านไปพบแพทย์ รับประทานอาหารกลางวันกับคนเศร้าหมอง หรือยิ้มและกล่าวทักทายเพื่อทำให้วันนั้นเบิกบานมากขึ้น แต่ผู้ทำตามพระบัญญัติข้อแรกจะเพิ่มเติมการรับใช้ที่สำคัญเหล่านี้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยให้กำลังใจคนที่รักษาพระบัญญัติได้เป็นอย่างดีและให้คำปรึกษาที่ชาญฉลาดเพื่อเสริมสร้างศรัทธาของคนที่กำลังสูญเสียศรัทธาหรือต้องการให้ช่วยนำกลับเข้ามาอยู่บนเส้นทางที่เคยเดิน
ข้าพเจ้าท้าทายท่านให้พยายามปฏิบัติศาสนกิจต่อกันทางวิญญาณมากขึ้น การปฏิบัติศาสนกิจทางวิญญาณเริ่มได้ด้วยการอบคุกกี้หรือเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน แต่สุดท้ายแล้ว วิธีปฏิบัติศาสนกิจที่ศักดิ์สิทธิ์กว่านี้เรียกร้องให้เปิดใจท่านและศรัทธาของท่าน กล้าส่งเสริมการเติบโตด้านบวกที่ท่านเห็นในเพื่อน พูดถึงข้อกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านเห็นและรู้สึกว่าไม่สอดคล้องกับการเป็นสานุศิษย์
ขอให้เราอย่าคิดว่าตนชอบธรรม แต่ขอให้เรากล้าหาญทางวิญญาณในการปฏิบัติศาสนกิจในวิธีที่ศักดิ์สิทธิ์กว่า โดยเฉพาะการเสริมสร้างศรัทธาของผู้อื่น เพื่อจุดประกายความคิดของท่าน ลองพิจารณาสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้เหล่านี้:
-
ท่านสังเกตเห็นเพื่อนคนหนึ่งใช้เวลาเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนมากเกินไปและไม่ค่อยร่วมสนทนาเกี่ยวกับหัวข้อพระกิตติคุณ
-
ท่านรู้สึกว่าสมาชิกวอร์ดคนหนึ่งอาจมีปัญหาเรื่องสื่อลามก
-
เพื่อนๆ ของท่านใช้เวลามากกับการถ่ายรูปและโพสต์รูปตัวเองที่เกือบจะดูไม่สุภาพ
-
ท่านสังเกตเห็นคนบางคนที่ดูเหมือนจะเคยชอบพูดคุยเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนแต่เดี๋ยวนี้ไม่พูดถึงเลย
-
ท่านสังเกตเห็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวที่ดูเหมือนจะเคยชอบไปพระวิหารแต่เดี๋ยวนี้ไม่ไป
-
ท่านสังเกตเห็นเพื่อนคนหนึ่งที่เคยพูดด้วยศรัทธาเกี่ยวกับคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์แต่เดี๋ยวนี้วิพากษ์วิจารณ์
-
ท่านรู้จักอดีตผู้สอนศาสนาคนหนึ่งที่ไม่สนใจจะสวมเสื้อผ้าให้สะท้อนถึงพันธสัญญาพระวิหาร
-
ท่านสังเกตเห็นสมาชิกวอร์ดคนหนึ่งหาเหตุไปที่อื่นในวันอาทิตย์แทนที่จะไปโบสถ์
-
ท่านรู้สึกว่าเพื่อนคนหนึ่งเริ่มไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
-
ท่านรู้จักคนที่มีแสงสว่างในดวงตาหลังกลับจากงานเผยแผ่ แต่เดี๋ยวนี้แสงนั้นเลือนหายไป
-
ท่านมีเพื่อนคนหนึ่งที่ล้อเลียนเรื่องศักดิ์สิทธิ์
-
ท่านมีเพื่อนคนหนึ่งที่ความท้อแท้เรื่องการออกเดททำให้คิดว่า “พระผู้เป็นเจ้าไม่รักฉัน”
-
ท่านเห็นศรัทธาของเพื่อนได้รับผลจากความมีค่าควรแบบครึ่งๆ กลางๆ และต้องกลับใจ
ท่านนึกภาพสถานการณ์เหล่านี้หรือสถานการณ์คล้ายกันออกหรือไม่ มีชื่อใครเข้ามาในความคิดท่านหรือไม่ อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “เราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน” (เอเฟซัส 6:12) ความจำเป็นเร่งด่วนที่สุดอย่างหนึ่งทั่วโลกคือการมีศรัทธามากขึ้นในพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ และเต็มใจทำตามพระบัญญัติมากขึ้น
การปฏิบัติศาสนกิจต่อคนๆ หนึ่ง
ถ้าเราทำตามแบบแผนของพระผู้ช่วยให้รอด การปฏิบัติศาสนกิจส่วนใหญ่ของเราจะเป็นการปฏิบัติศาสนกิจจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง พระผู้ช่วยให้รอดตรัสกับหญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำว่า
“ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก
“แต่คนที่ดื่มน้ำที่เราจะให้กับเขานั้นจะไม่มีวันกระหายอีกเลย …
“นางทูลพระองค์ว่า ท่านเจ้าคะ ขอน้ำนั้นให้ดิฉันเถิด เพื่อดิฉันจะได้ไม่กระหายอีก …
“[เธอทูลต่อจากนั้นว่า] ดิฉันทราบว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา เมื่อพระองค์เสด็จมา พระองค์จะทรงชี้แจงทุกสิ่งแก่เรา
“พระเยซูตรัสกับนางว่า เราผู้ที่พูดกับเธอเป็นผู้นั้น” (ดู ยอห์น 4:13–15, 25–26)
แม้ในขณะประกาศความเป็นพระเจ้าของพระเยซู พระองค์ยังทรงปฏิบัติศาสนกิจต่อคนๆ หนึ่ง
ไม่เหมือนการเปลี่ยนยางรถ ประสบการณ์การปฏิบัติศาสนกิจแค่ครั้งเดียวจะไม่แก้ปัญหาทางวิญญาณ จะต้องใช้เวลา การสนทนา และประสบการณ์การให้กำลังใจที่จะช่วยสร้างศรัทธาขึ้นใหม่ จะมาเหมือนหยาดน้ำค้างจากสวรรค์มากกว่ามารวดเดียวจากท่อดับเพลิง ท่านต้องปฏิบัติศาสนกิจครั้งแล้วครั้งเล่าขณะช่วยให้คนบางคนกลับมาหาพระผู้เป็นเจ้าและพึ่งพาพระผู้ช่วยให้รอดและการชดใช้ของพระองค์อีกครั้ง
เพื่อปฏิบัติศาสนกิจในวิธีของพรเจ้า เราต้องได้รับความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันพูดเรื่องนี้อย่างมีพลังในระหว่างการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2018 “ในวันข้างหน้า เราจะรอดทางวิญญาณไม่ได้หากปราศจากอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีให้ตลอดเวลา ทั้งนำทาง ชี้ทาง และปลอบโยน”5
ประธานเนลสันเพิ่มเติมว่า “ข้าพเจ้าขอให้ท่านเพิ่มพูนความสามารถทางวิญญาณปัจจุบันในการรับการเปิดเผยส่วนตัว”6 ท่านแนะนำให้เราสวดอ้อนวอน ฟัง จดความคิดของเรา และลงมือปฏิบัติ
เราจะประยุกต์ใช้สิ่งนี้กับการปฏิบัติศาสนกิจในวิธีที่ศักดิ์สิทธิ์กว่าได้หรือไม่ ขอให้เราสวดอ้อนวอน ฟัง บันทึกความคิดของเรา และลงมือปฏิบัติเกี่ยวกับคนที่เราสามารถปฏิบัติศาสนกิจต่อพวกเขาได้
สวดอ้อนวอนขอให้มีโอกาสสร้างศรัทธาในผู้อื่น ใช่ว่าทุกคนที่ท่านช่วยจะเป็นคนที่ท่านรู้จัก เมื่อพระเยซูทรงปฏิบัติศาสนกิจต่อหญิงม่ายชาวนาอิน พระองค์ทรงอยู่ระหว่างทางไปเมืองนั้น แต่พระองค์ทรงเห็นเธอ ทรงสงสารเธอ และทรงทำให้บุตรชายของเธอฟื้นจากความตาย การปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์เปลี่ยนชีวิตเธอ (ดู ลูกา 7:11–15)
สวดอ้อนวอนขอให้โอกาสการปฏิบัติศาสนกิจมาถึงท่าน ฟัง จดความคิดของท่าน แล้วลงมือปฏิบัติทันทีเมื่อเจอผู้คน
ข้าพเจ้าสะเทือนใจเสมอกับเสียงร้องของผู้เขียนสดุดี “มองทางขวาข้าพระองค์ … ไม่มีใครเหลียวแลข้าพระองค์ ข้าพระองค์ไม่มีที่หลบภัย ไม่มีใคร [ชายหรือหญิงคนใด] ห่วงใยข้าพระองค์” (สดุดี 142:4) ขอให้เราช่วยคนที่รู้สึกแบบนี้
จัดสรรเวลาให้พระวิญญาณ
เพื่อได้รับความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต้องเตรียมความคิดและจิตใจเราให้พร้อม ในรุ่นเรา เราต้องการวินัยและความยับยั้งชั่งใจในการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี อดัม อัลเทอร์พูดไว้ในหนังสือของเขาชื่อ Irresistible เกี่ยวกับพฤติกรรมเสพติดเทคโนโลยีและสื่อสังคม เขาอ้างคำพูดของเกรก ฮอชมุธหนึ่งในวิศวกรก่อตั้งอินสตาแกรมผู้แสดงความเห็นว่า “ยังมีแฮชเท็กอื่นให้คลิกเสมอ พอคลิกก็คล้ายแฮชแท็กจะมีชีวิตขึ้นมาเหมือนสิ่งมีชีวิตและคนเราจะถูกครอบงำได้”7
คุณอัลเทอร์เพิ่มเติมว่า “อินสตาแกรมเหมือนแพลตฟอร์มสื่อสังคมอีกมากมายคือคลิกอ่านได้ไม่สิ้นสุด เฟซบุ๊กมีฟีดไม่รู้จบ Netflix เลื่อนให้ดูซีรีย์ตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ แอปพลิเคชัน Tinder กระตุ้นให้ผู้ใช้ปัดไปค้นหาตัวเลือกที่ดีกว่า … ทริสทาน แฮร์ริส ‘นักจริยธรรมด้านการออกแบบ’ กล่าวว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนขาดพลังควบคุมตนเอง แต่อยู่ที่ ‘มีคนเป็นพันบนอีกด้านหนึ่งของจอที่งานของพวกเขาคือทำลายการควบคุมตนเองที่คุณมี”8
คุณอัลเทอร์กล่าวต่อไปว่า “ไลค์บนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมทำให้คุณรู้สึกดีทางระบบประสาท เหมือนเป็นรางวัลของการแข่งเกม World of Warcraft หรือเห็นผู้ใช้ทวีตเตอร์หลายพันคนแบ่งปันทวีตหนึ่งของท่าน คนที่สร้างและผลิตเทคโนโลยี เกม และประสบการณ์เชิงโต้ตอบล้วนเก่งมากกับสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาทำการทดสอบหลายพันครั้งกับผู้ใช้หลายล้านคนเพื่อให้รู้ว่าการปรับเปลี่ยนใดได้ผลและไม่ได้ผล—สีพื้น แบบอักษร และโทนเสียงใดดึงดูดมากที่สุดและชวนหงุดหงิดน้อยที่สุด เมื่อประสบการณ์พัฒนาขึ้นก็จะกลายเป็นเวอร์ชั่นที่ใช้เป็นอาวุธและต้านไม่อยู่ ในปี 2004 เฟซบุ๊กเป็นสิ่งบันเทิงใจ แต่ปัจจุบันเป็นสิ่งเสพติด”9
เพื่อให้พระวิญญาณสถิตกับเรา เราต้องรู้กาลเทศะ เรียนรู้ว่าต้องวางสมาร์ทโฟนของท่าน กำหนดเวลาที่ท่านตั้งใจจะไม่ใช้เทคโนโลยี
ในระหว่างการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2018 ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด รักษาการประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า “มีผู้คนมากเกินไปที่ปล่อยให้ตนเองใช้ชีวิตเกือบทั้งหมดกับการออนไลน์ด้วยอุปกรณ์ทันสมัย—จอที่ส่องแสงบนใบหน้าพวกเขาทั้งวันทั้งคืนพร้อมการเสียบหูฟังซึ่งสกัดกั้นพวกเขาออกจากเสียงสงบแผ่วเบาของพระวิญญาณ ถ้าเราไม่หาเวลาถอดหูฟัง เราอาจพลาดโอกาสที่จะได้ยินสุรเสียงของพระองค์ผู้ตรัสว่า ‘จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า’ [สดุดี 46:10] ไม่มีอะไรผิดที่เราใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า แต่เราต้องฉลาดในการใช้สิ่งเหล่านี้”10
การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กัน
สมัยข้าพเจ้าเรียนปริญญาตรีที่บีวายยู นอกจากเคธีภรรยาข้าพเจ้าผู้ซึ่งอิทธิพลนิรันดร์ของเธอไม่อาจวัดได้แล้ว เพื่อนร่วมห้องสองคน—คนหนึ่งก่อนข้าพเจ้าเป็นผู้สอนศาสนาและอีกคนหลังข้าพเจ้าเป็นผู้สอนศาสนา—ก่อร่างสร้างฐานทางวิญญาณให้ข้าพเจ้าอย่างมาก คนหนึ่งคือรีด รอบิสัน ปัจจุบันเป็นอาจารย์ที่บีวายยูสาขาพฤติกรรมองค์กร ข้าพเจ้าพบเขาในช่วงเป็นผู้สอนศาสนา และเราเป็นเพื่อนร่วมห้องหลังจากนั้น ความเคร่งครัดของรีดในการทำตามพระบัญญัติ ความรักที่เขามีต่อศาสดาพยากรณ์ และประจักษ์พยานอันไม่สั่นคลอนของเขาในพระผู้ช่วยให้รอดทำให้ข้าพเจ้าและทุกคนที่อยู่รอบข้างเขาเข้มแข็ง เขายังคงเป็นแบบอย่างสำหรับข้าพเจ้าตลอด 45 ปีที่ผ่านมา
เพื่อนร่วมห้องอีกคนที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงคือเทอร์เรล เบิร์ด ปัจจุบันอาศัยอยู่ในเซนต์จอร์จ รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าพบเทอร์เรลสมัยเรียนมัธยมปลายด้วยกันในเมืองโปคาเทลโล รัฐไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา แม้จะเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน แต่มิตรภาพของเราเกิดขึ้นขณะข้าพเจ้าสังเกตวุฒิภาวะทางวิญญาณของเขา เขาจะแบ่งปันข้อคิดทางวิญญาณที่มีและหลักธรรมของชีวิตที่เขากำลังอ่านและเรียนรู้อย่างตรงไปตรงมา ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ได้ยินสิ่งเหล่านี้จากเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี เราตัดสินใจพักห้องเดียวกันที่บีวายยู
สมัยนั้นเราไม่มีคอมพิวเตอร์ มีแต่เครื่องพิมพ์ดีด เทอร์เรลจะนำข้อพระคัมภีร์ที่มีความหมายต่อเขาและคำพูดอ้างอิงที่บ่มเพาะอุปนิสัยมาพิมพ์แล้วเก็บไว้ในกล่องเล็กๆ เพื่อเขาจะหยิบออกมาอ่านได้บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีข้อพระคัมภีร์และคำพูดอ้างอิงมากกว่าหนึ่งพันข้อ ซึ่งเขาจะท่องจำหลายข้อ ถึงแม้ข้าพเจ้าจะทำงาน—ทำความสะอาดห้องสมุดทุกเช้าตั้งแต่ตีสี่ถึงเจ็ดโมงเช้า—และเรียนทุกวิชา แต่พอเห็นเทอร์เรลทำแบบนั้นข้าพเจ้าจึงเริ่มสร้างกล่องไฟล์ของตัวเองบ้าง
นี่เป็นข้อความอ้างอิงตอนหนึ่งที่ข้าพเจ้ายังจำได้จากเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว:
จิตใจเป็นนายที่มีอำนาจเสกสรรและสร้างเสริม
มนุษย์คือจิตใจ และเขาใช้จิตใจไม่จบสิ้น
จิตใจเป็นเครื่องมือของความคิดและหล่อหลอมเจตจำนง
ก่อเกิดความสุขนับพันและความทุกข์นับพัน :—
ใจคิดอย่างไร เหตุที่เกิดขึ้นก็เป็นไปอย่างนั้น
สภาพแวดล้อมคือกระจกเงาของตัวตน11
แน่นอนว่าข้าพเจ้าจำพระคัมภีร์อันเปี่ยมด้วยพลังอย่างข้อนี้ได้ด้วย
“เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย คนที่วางใจในเราจะมีชีวิตอีกแม้ว่าเขาจะตายไป
“และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย” (ยอห์น 11:25–26)
เทอร์เรลช่วยเหลือข้าพเจ้าสมัยเป็นนักศึกษาปีหนึ่งที่บีวายยูให้ใส่คำในพระคัมภีร์และคำคมต่างๆ ไว้ในจิตใจซึ่งมีอิทธิพลต่อข้าพเจ้าตลอดชีวิต ข้าพเจ้าขอบคุณรีด รอบิสัน และเทอร์เรล เบิร์ดที่ดูแลข้าพเจ้าทางวิญญาณในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต
ต่อไปนี้เป็นบทกวีที่แต่งโดยโธมัส แอล. เคย์เพื่อนบ้านของข้าพเจ้า:
ขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับคนทั้งหลายผู้บรรเทาทุกข์คลาย
สำหรับผู้ห่วงใยอย่างแท้จริง
ผู้โอบกอดคนอ่อนแอ
ผู้เผื่อแผ่ความห่วงใยในคำสวดอ้อนวอน
ขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับผู้ได้ยินเสียงหัวใจ
และฟังเสียงถัอยคำที่บรรยาย
ผู้รู้ว่าสีหน้าหรือสัมผัสที่อ่อนโยนนั้นไซร้
มีความหมายมากกว่าสิ่งใดในโลก
ขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับผู้ช่วยยกมือที่อ่อนแรง
และเสริมความเข้มแข็งให้เข่าที่อ่อนล้า
ผู้ออกไปฟื้นฟูจิตวิญญาณให้แกร่งกล้า
ในการปฏิบัติศาสนกิจอย่างเงียบๆ12
มิตรสหายที่รักและเพื่อนสานุศิษย์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเป็นพยานยืนยันต่อท่านว่าข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงพระชนม์ พระองค์ฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ทรงชี้นำงานศักดิ์สิทธิ์นี้ ประธานเนลสันเป็นศาสดาพยากรณ์ที่พระองค์ทรงเจิมไว้บนแผ่นดินโลก เวลาของเราบนแผ่นดินโลกมีความสำคัญชั่วนิรันดร์
ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านรักพระผู้เป็นเจ้าสุดหัวใจ สวดอ้อนวอนขอให้เป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระองค์ ปฏิบัติต่อแต่ละบุคคล เสริมสร้างความสามารถที่จะรับเปิดเผย และวางใจในอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าจะทรงวางบุตรธิดาที่พิเศษไว้ในเส้นทางของท่าน และท่านจะกลายเป็นเทพผู้ปฏิบัติศาสนกิจของพวกเขา เป็นพรแก่พวกเขาชั่วนิรันดร์ ท่านจะปฏิบัติศาสนกิจในวิธีที่ศักดิ์สิทธิ์กว่า
ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้สิ่งนี้สำคัญต่อท่านขณะท่านเดินตามเส้นทางสำคัญที่สุดนี้ของความเป็นมรรตัยต่อไป ข้าพเจ้าให้คำพยานที่หนักแน่นและแน่นอนแก่ท่านถึงพระผู้ช่วยให้รอดและคุณค่านิรันดร์ของท่าน พระองค์จะเสด็จมาอีกครั้งและจะทรงโอบกอดท่านในฐานะบุตรธิดาของพระองค์ ในฐานะสานุศิษย์ของพระองค์