ผู้เป็นมรณสักขีและประจักษ์พยานของดิฉัน
ซันจู คิม เมอร์
รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา
ดิฉันสงสัยเมื่อผู้สอนศาสนาสอนดิฉันเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธและพระคัมภีร์มอรมอน ความคิดแรกของดิฉันคือโจเซฟ สมิธก็เหมือนผู้ที่อยากเป็น “ศาสดาพยากรณ์” อีกหลายๆ คนที่อาจจะนำหนังสือเท็จมาให้ชาวโลกเพราะอยากรวย มีชื่อเสียง หรือเป็นวีรบุรุษ
ดิฉันไม่คิดจะอ่านพระคัมภีร์มอรมอน แต่เมื่อเวลาผ่านไปมิตรภาพของผู้สอนศาสนาและความกระตือรือร้นของพวกเขาต่อพระกิตติคุณทำให้ดิฉันอยากรู้ข่าวสารของพวกเขามากขึ้น
ขณะอ่านข้อที่ผู้สอนศาสนาให้อ่านในพระคัมภีร์มอรมอน ดิฉันพบคำเชื้อเชิญของโมโรไนให้ทูลถามพระผู้เป็นเจ้าด้วยความจริงใจ เจตนาแท้จริง และศรัทธาในพระคริสต์ว่าพระคัมภีร์มอรมอนจริงหรือไม่ (ดู โมโรไน 10:4–5) ดิฉันคิดว่า “ใครจะกล้าท้าเราให้ทูลถามพระผู้เป็นเจ้าด้วยเจตนาแท้จริงและความจริงใจว่าพระคัมภีร์มอรมอนจริงหรือไม่ถ้าเขารู้ว่าหนังสือเป็นของปลอม”
ต่อจากนั้นวันหนึ่งผู้สอนศาสนาอธิบายว่าโจเซฟ สมิธกับไฮรัมพี่ชายถูกสังหารเป็นมรณสักขีเพราะประจักษ์พยานของพวกท่าน ความคิดหนึ่งเกิดขึ้นกับดิฉันทันทีว่าพวกท่านจะไม่มีวันยอมสละชีวิตตนเองเพื่อสิ่งที่พวกท่านรู้ว่าไม่จริง ขณะนั้นความรู้สึกอบอุ่นเหมือนไฟที่กำลังลุกไหม้แผ่ซ่านทั่วตัวดิฉัน นั่นคือพยานของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ยืนยันต่อใจดิฉันว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ที่แท้จริง เพราะพยานนี้ดิฉันจึงรับบัพติศมาและการยืนยัน
ดิฉันนึกถึงประสบการณ์นี้ในอีก 25 ปีต่อมาเมื่ออ่านคำพูดของเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง ในคำพูดนั้นเอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์ถามว่าในช่วงวิกฤตของมรณสักขี โจเซฟกับไฮรัมจะสบประมาทพระผู้เป็นเจ้าโดยเอาชีวิต เกียรติยศ และความรอดนิรันดร์ของพวกท่านไปยึดติดกับพระคัมภีร์ที่พวกท่านรู้ว่าไม่จริงอยู่อีกหรือ
“พวกท่านจะไม่ทำเช่นนั้น!” เอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์กล่าว “พวกท่านยอมตายดีกว่าปฏิเสธที่มาอันศักดิ์สิทธิ์และความจริงนิรันดร์ของพระคัมภีร์มอรมอน”1
คำพูดของเอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์มีความหมายต่อดิฉันมากและเสริมสร้างประจักษ์พยานของดิฉันในศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและพลังของพระคัมภีร์มอรมอน
ดิฉันสำนึกคุณต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ท่านนำพระคัมภีร์มอรมอนออกมาและยอมสละชีวิตเพื่อเป็นพยานของพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์มอรมอนทำให้ดิฉันรู้เรื่องการดำรงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าและความรักที่พระองค์ทรงมีต่อดิฉัน