2021
เสริมสร้างความสัมพันธ์ของฉันกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์
สิงหาคม 2021


คนหนุ่มสาว

เสริมสร้างความสัมพันธ์ของฉันกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์

การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกับพระองค์ดูเหมือนจะเป็นนามธรรมสำหรับดิฉันตลอดมา จนกระทั่งดิฉันลองทำอะไรใหม่ๆ

woman praying in meadow at sunset

ถ่ายภาพประกอบโดยมีผู้แสดงแบบ

ยิ่งดิฉันอายุมากขึ้น ดิฉันก็ยิ่งรู้ว่าดิฉันต้องพึ่งพาความสัมพันธ์มากเพียงใด ความสัมพันธ์กับเพื่อน ครอบครัว และแม้แต่คนส่งของที่ไม่เคยพลาดส่งของที่ดิฉันซื้อทางออนไลน์ครั้งล่าสุด (ขอบคุณพวกเขา)

และเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ดิฉันรู้ว่าการไปปรึกษาผู้นำศาสนจักรของเราบ่อยๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดเป็นความจริงและสำคัญ1

แต่ดิฉันนึกไม่ออกว่าจะสร้างความสัมพันธ์กับพระองค์ได้อย่างไร

ความสัมพันธ์ทางโลกกับเพื่อนและครอบครัวของดิฉันเกี่ยวข้องกับการสนทนา แบ่งปันเรื่องตลกที่รู้กันอยู่แค่ในกลุ่ม และใช้เวลาร่วมกัน ดังนั้นความคิดที่จะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ซึ่งไม่ได้ปรากฏพระองค์ทางกายภาพจึงดูเป็นนามธรรมสำหรับดิฉันเสมอ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ดิฉันไตร่ตรอง ดิฉันตระหนักว่าความสัมพันธ์ของทุกคนกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องส่วนตัวและไม่เหมือนใคร แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าดิฉันใช้แนวทางปฏิบัติบางอย่างที่ช่วยให้ดิฉันพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคนที่ฉันรักบนโลกนี้และความสัมพันธ์ของดิฉันกับพระองค์?

แนวคิดนั้นเป็นสิ่งกระตุ้นที่ดิฉันต้องการ

ดิฉันตัดสินใจทดสอบแนวคิดนี้และประเมินความสัมพันธ์ของดิฉันกับพระองค์อีกครั้งหลังจากผ่านไป 10 วัน

10 วิธีเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น

ขณะที่ฉันกำลังไตร่ตรองวิธีเข้าใกล้พระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น ดิฉันค้นคว้าเคล็ดลับความสัมพันธ์พื้นฐาน 10 ข้อที่ผู้เชี่ยวชาญมักมอบให้และใช้เคล็ดลับนั้นควบคู่ไปกับคำแนะนำจากศาสดาพยากรณ์เพื่อทำให้วิธีสร้างความสัมพันธ์ตรงประเด็นมากขึ้น

เคล็ดลับทั้ง 10 ข้อมีดังนี้

  1. สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา เสียงดังฟังชัด และด้วยด้วยเจตนาแท้จริงผ่านการสวดอ้อนวอน2

  2. เป็นผู้ฟังที่ดี3

  3. แสดงความชื่นชม4

  4. ถวายเครื่องพลีบูชาแด่พระองค์5

  5. เรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์6

  6. ใช้เวลาอันมีค่ากับพระองค์7

  7. รับใช้ด้วยกัน8

  8. แสดงให้พระองค์เห็นความวางใจและความมุ่งมั่น9

  9. ยอมรับเมื่อท่านผิด10

  10. เรียนรู้วิธีที่พระองค์ทรงแสดงความรักต่อท่าน11

ดิฉันเลือกเรียนรู้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอด (#5) ใช้เวลาอันมีค่ากับพระองค์ (#6) และเรียนรู้วิธีที่พระองค์ทรงแสดงความรักต่อดิฉัน (#10) เพื่อเป็นการเริ่มต้น

1. เรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์

ดิฉันมุ่งเน้นไปที่การศึกษาพระอุปนิสัยของพระองค์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพระองค์ ดิฉันศึกษา “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์” เรื่องราวปาฏิหาริย์ในพระคัมภีร์มอรมอน และคำพูดในการประชุมใหญ่สามัญ และดิฉันยังดูวีดิทัศน์พระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนของศาสนจักรเพื่อให้เห็นภาพพระคุณลักษณะของพระผู้ช่วยให้รอดและวิธีที่พระองค์ทรงสอนและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกด้วย

พระคุณลักษณะหนึ่งของพระผู้ช่วยให้รอดที่ดิฉันศึกษาคือความเต็มพระทัยของพระองค์ในการทำตามพระประสงค์ของพระบิดา (ดู 3 นีไฟ 11:11) ดิฉันไม่เข้าใจว่าใครบางคนเต็มใจที่จะทนทุกข์และตายเพื่อความผิดพลาด ความโศกเศร้า ความบาป และความเจ็บปวดทั้งหมดที่ทุกคนจะต้องเผชิญได้อย่างไรในเมื่อบุคคลนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็มีบางคนที่เต็มใจ

คือ พระองค์ เอง

ดิฉันมีศรัทธาในพระองค์มาโดยตลอด แต่การไตร่ตรองถึงความรักและความเต็มพระทัยที่จะสละพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อดิฉัน ทำให้ศรัทธา ความสำนึกคุณ และความเต็มใจที่จะติดตามพระองค์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ความกล้าหาญของพระองค์เป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันรุดหน้าต่อไปด้วยศรัทธาและความหวัง แม้บางครั้งจะเผชิญกับความวิตกกังวลและความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ก็ตาม

แล้วดิฉันก็หันไปศึกษาพระลักษณะของพระบิดาบนสวรรค์

ดิฉันรับมือกับความสมบูรณ์แบบมาเกือบตลอดชีวิต และดิฉันเคยจินตนาการถึงพระองค์ในฐานะบุคคลที่โกรธเกรี้ยวเมื่อดิฉันทำให้พระองค์ผิดหวังกับความอ่อนแอและความผิดพลาดของดิฉัน

แต่เมื่อได้ศึกษาธรรมชาติวิสัยของพระองค์มากขึ้น ดิฉันเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระสัตภาวะผู้ทรงมีพระเมตตา (ดู แอลมา 32:22) พระองค์ทรงอดทน ทรงมีพระเมตตาและความรัก (ดู 2 เปโตร 3:9) พระองค์เต็มพระทัยที่จะให้อภัยดิฉันเสมอ (ดู โมไซยาห์ 26:29–31) พระองค์ทรงเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดิฉัน (ดู 2 นีไฟ 26:24)

และดิฉันตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของดิฉันจริงๆ และดิฉัน เป็น บุตรของพระองค์ พระองค์ทรงรักดิฉันอย่างสุดใจ (ดู ยอห์น 3:16–17) และทรงต้องการให้ดิฉันกลับไปอยู่กับพระองค์

การเรียนรู้เกี่ยวกับพระลักษณะนิสัยของพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์เปลี่ยนการรับรู้ทั้งหมดของดิฉันว่าพระองค์ทรงรู้สึกกับดิฉันอย่างไรและปัจจุบันพระองค์ทรงเป็นอย่างไรในชีวิตของดิฉัน และดิฉันตระหนักว่าพระองค์ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับดิฉัน ดิฉันรู้จักพระองค์มาตั้งแต่เริ่มต้นและพระองค์ทรงรู้จักดิฉันมาตลอดเช่นกัน

2. ใช้เวลากับพระองค์

young man gazing at sky

ภาพถ่ายจาก Getty Images

ดิฉันจัดเวลาอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดทุกวันเช่นเดียวกับที่ดิฉันจัดเวลาไปเยี่ยมเพื่อน ดิฉันกล่าวคำสวดอ้อนวอนจากใจจริงออกมาดังๆ และใช้เวลาตั้งใจฟัง ดิฉันเล่นและไตร่ตรองเพลงสวดที่ดิฉันชอบ ดิฉันใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง และเนื่องจากพระวิหารปิด (เนื่องจากโควิด-19) ดิฉันจะออกไปเดินเล่นอย่างสงบแทน

ดิฉันมักจะฟังพอดแคสต์หรือหนังสือระหว่างเดินเล่น แต่ระหว่างการเดินเล่นนี้ ดิฉันตัดการเชื่อมต่อกับโลก ดิฉันเลือกฟังพระองค์ การทำเช่นนี้ช่วยให้ดิฉันเชื่อมต่อกับพระวิญญาณ รับรู้และไตร่ตรองรายละเอียดที่ซับซ้อนของโลกและจุดประสงค์ของดิฉัน

ดิฉันตระหนักว่าพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดใส่พระทัยงานสร้างของพระองค์มากเพียงใด รวมทั้งสร้างดิฉันด้วย

ดิฉันรู้สึกว่าพลังทางวิญญาณมากมายมาจากช่วงเวลาที่มีค่าอันเงียบสงบกับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดของดิฉัน ดิฉันรับรู้ถึงพรของดิฉันมากขึ้น ดิฉันรู้สึกขอบคุณชีวิตโดยรวมมากขึ้น ดิฉันได้รับความมั่นใจในการตัดสินใจมากขึ้น และดิฉันรู้สึกได้ถึงพลังอันเงียบสงบของพระองค์ที่ทรงค้ำจุนดิฉัน

การจัดลำดับความสำคัญของเวลาอันมีค่าทำให้ดิฉันกับพระองค์ใกล้ชิดกันมากขึ้น เช่นเดียวกับความสัมพันธ์อื่นๆ

3. ตระหนักในความรักที่พระองค์ทรงมีต่อดิฉัน

เราทุกคนรับความรักได้ดีที่สุดในวิธีเฉพาะตัว12 ดิฉันนึกถึงวิธีที่คนอื่นแสดงความรักกับดิฉันและสิ่งที่ส่งผลต่อดิฉันมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และดิฉันตระหนักว่าดิฉันรู้สึกเป็นที่รักมากที่สุดผ่านคำพูดที่มีความหมายของคนอื่นเสมอ

และเมื่อดิฉันตระหนักถึงสิ่งนี้ ดิฉันก็ตระหนักด้วยว่าสำหรับดิฉัน คำตอบที่ลึกซึ้งที่สุดสำหรับการสวดอ้อนวอนหรือการปลอบโยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากพระบิดาบนสวรรค์หรือพระผู้ช่วยให้รอดมาจากคำพูด เสมอ ไม่ว่าคำพูดเหล่านั้นจะมาจากผู้ที่ได้รับการกระตุ้นเตือนให้พูดกับดิฉัน ผ่านทางความจริงในพระคัมภีร์ ผ่านหนังสือหรือคำพูดที่สวยงามจากศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกก็ตาม คำพูดเติมเต็มจิตวิญญาณของดิฉันเสมอ และทำให้ดิฉันสบายใจมากกว่าสิ่งอื่นใด

ดิฉันยังนึกถึงวิธีที่พระองค์ทรงมอบความรักให้ดิฉันด้วยวิธีอื่น เช่น ผ่านคนที่ดิฉันรัก ผ่านคนแปลกหน้า หรือแม้กระทั่งผ่าน “ความบังเอิญ” ที่น่ายินดี และความเมตตา ดิฉันรู้สึกตื้นตันใจเมื่อตระหนักได้ว่าพระองค์ทรงแสดงความรักกับดิฉันในหลายๆ วิธี แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิธีที่ดิฉันได้รับความรักนั้นได้ดีที่สุด พระองค์ทรงรู้จักเราอย่างแท้จริงและทรงทราบวิธีที่จะติดต่อเราเป็นการส่วนตัวและมีประสิทธิภาพ

เราสามารถแสดงความรักต่อพระองค์ด้วยวิธีที่ดีที่สุดที่เรารู้ได้เช่นกัน โดยการแบ่งปันพระกิตติคุณ ติดตามพระองค์ และรับใช้ผู้อื่น

หากท่านต้องการความช่วยเหลือในการช่วยคิดว่าพระองค์ทรงแสดงความรักต่อท่านอย่างไร ให้ขอความช่วยเหลือจากพระบิดาบนสวรรค์ในการตระหนักถึงความรักนั้น พระองค์จะทรงแสดงให้ท่านดู13

การสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง

ประสบการณ์นี้ทำให้ดิฉันรู้ว่าดิฉันจะได้รับความเข้มแข็งทางวิญญาณมากเพียงใดด้วยการจัดลำดับความสำคัญของความสัมพันธ์กับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอด

ดิฉันวางแผนที่จะใช้เคล็ดลับเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้ต่อไป ตอนนี้ดิฉันเห็นความสัมพันธ์ของดิฉันกับพระองค์ว่าจริง มีพลัง มีค่า และเป็นนิรันดร์ พระองค์มิได้เป็นนามธรรมอย่างที่ดิฉันเคยคิดมาก่อน

พระองค์ทรงอยู่กับเรา พระองค์ทรงอยู่ในทุกรายละเอียด พระองค์ทรงพร้อมที่จะหลั่งความเข้มแข็ง การปลอบโยน ปัญญา การนำทาง และสันติสุขมาบนเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราหาเวลาและที่ว่างในชีวิตเราเพื่อพระองค์

ลองใช้วิธีของท่านเองเพื่อใกล้ชิดพระองค์มากขึ้นและดูว่าเกิดอะไรขึ้น! ดิฉันเป็นพยานได้ว่าเมื่อเราจัดลำดับความสำคัญของความสัมพันธ์ที่สำคัญเหล่านี้ และติดตามพระองค์ เราจะสามารถเข้าถึงอิทธิพลการเยียวยาของพระผู้ช่วยให้รอด รุดหน้าต่อไปด้วยศรัทธา (ดู ฟีลิปปี 4:13) และพบกับความมั่นใจและปีติมากขึ้น

ดิฉันรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นเพราะดิฉันเคยสัมผัสมาก่อน

อ้างอิง

  1. ดู James E. Faust, “A Personal Relationship with the Savior,” Ensign, Nov. 1976, 58.

  2. ดู “How I #HearHim: Elder Gerrit W. Gong” (video), ChurchofJesusChrist.org/media.

  3. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ฟังพระองค์,” เลียโฮนา, พ.ค. 2020, 88–92.

  4. ดู โธมัส เอส. มอนสัน, “ของประทานอันสูงส่งของความกตัญญู,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 87–90.

  5. ดู ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “การเสียสละ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2012, 19–22.

  6. ดู Russell M. Nelson, “Prophets, Leadership, and Divine Law” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วโลก 8 มกราคม 2017), broadcasts.ChurchofJesusChrist.org.

  7. ดู M. Russell Ballard, “How I Hear Him in Still and Quiet Moments,” โพสต์บนบล็อก, 17 กรกฎาคม 2020, ChurchofJesusChrist.org.

  8. ดู คริสตินา บี. ฟรังโก, “ปีติของการรับใช้อย่างไม่เห็นแก่ตัว,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 55–57.

  9. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัย,” เลียโฮนา, พ.ย. 2020, 92–95.

  10. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “เราสามารถทำได้ดีขึ้นและเป็นคนดีขึ้น,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 67–69.

  11. ดู ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, ฟ “ความรักของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2009, 21–24.

  12. ดู Gary Chapman, The 5 Love Languages: The Secret to Love That Lasts (2010).

  13. ดู Sheri L. Dew, Worth the Wrestle (2017), 8, 9, 41.