บทที่ 15
พระเยซูคริสต์ทรงจัดตั้งศีลระลึก
คำนำ
“พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก” อ่านว่า “[พระเยซูคริสต์] ทรงริเริ่มจัดตั้งพิธีศีลระลึกเพื่อเตือนใจเราถึงการพลีพระชนม์ชีพ เพื่อการชดใช้อันยิ่งใหญ่ของพระองค์” ( เลียโฮนา, เม.ย. 2000, 2) เมื่อเรารับส่วนศีลระลึก ศีลระลึกเตือนเราว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงหลั่งพระโลหิตทุกรูขุมขนและสิ้นพระชนม์เพื่อเรา เราต่อพันธสัญญาของเรากับพระเจ้าเช่นกัน
ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน
-
ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “การประชุมศีลระลึกและพิธีศีลระลึก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2008, 21–25
-
เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “This Do in Remembrance of Me,” Ensign, Nov. 1995, 67–69
ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน
มัทธิว 26:26–28; ลูกา 22:15
พระเยซูคริสต์ทรงสถาปนาพันธสัญญาใหม่
ให้ดูภาพที่ให้มาหรืออีกภาพหนึ่งเกี่ยวกับพระกระยาหารมื้อสุดท้าย และเชิญนักเรียนคนหนึ่งอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพ
ถามนักเรียนว่า
-
ท่านจะรู้สึกอย่างไรถ้าพระผู้ช่วยให้รอดทรงเตรียม ให้พร และส่งผ่านศีลระลึกให้ท่านด้วยพระองค์เอง
เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง ลูกา 22:15 กระตุ้นให้นักเรียนพิจารณาระหว่างบทเรียนว่าเหตุใดพระผู้ช่วยให้รอดทรงปรารถนาจะใช้ปัสกากับอัครสาวกของพระองค์
เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 26:26-28 ขณะที่นักเรียนที่เหลือดูตาม นิยามคำว่า พันธสัญญา (testament) โดยอธิบายว่าคำนี้แปลมาจากคำภาษากรีกที่หมายถึง “พันธสัญญา (covenant)” (ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนเขียนนิยามนี้ตรงช่องว่างริมหน้าพระคัมภีร์ของพวกเขา) สนทนาคำถามต่อไปนี้
-
ถ้าพระเยซูทรงกำลังจัดตั้งพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญานั้นจะแทนพันธสัญญาอะไร
ข้อมูลต่อไปนี้จะให้ความรู้พื้นฐานหรือบริบทซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการสนทนาของท่าน: ในสมัยโบราณ เมื่อพระเยโฮวาห์ทรงทำพันธสัญญากับลูกหลานของอิสราเอล โมเสสสอนพระวจนะของพระเยโฮวาห์แก่พวกเขาและผู้คนทำพันธสัญญาว่าจะเชื่อฟังพระวจนะเหล่านั้น จากนั้นโมเสสได้ถวายสัตวบูชา นำเลือดจากสัตว์ไปประพรมผู้คนพลางกล่าวว่า “นี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งพระยาห์เวห์ทรงทำกับพวกท่าน” (ดู อพยพ 24:3-8) พระเยซูตรัสเป็นนัยถึงคำกล่าวของโมเสสเมื่อพระองค์ทรงสอนว่าพระองค์จะทรงสถาปนาพันธสัญญาใหม่กับบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าโดยการหลั่งพระโลหิต (เฉกเช่นการประพรมเลือดสัตว์เป็นสัญลักษณ์แสดงว่าลูกหลานอิสราเอลเข้าสู่พันธสัญญาเดิมกับพระเยโฮวาห์) เมื่อพระเยซูทรงส่งถ้วยเหล้าองุ่นให้อัครสาวก พระองค์ทรงส่งสัญญาณว่าพันธสัญญาเดิมเกิดสัมฤทธิผลแล้วและจะทรงสถาปนาพันธสัญญาใหม่ (ดู ฮีบรู 9:12-15) กฎของโมเสส (พันธสัญญาเดิม) เป็นการพยากรณ์ครั้งใหญ่ถึงพระเมสสิยาห์ในหลายๆ ด้าน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นสัมฤทธิผลของการพยากรณ์นั้น (ดู 2 นีไฟ 11:4; เจคอบ 4:5; แอลมา 34:13–14) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ที่ว่าพระองค์ทรงบรรลุจุดประสงค์สูดสุดของกฎนั้นผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อชดใช้ของพระองค์
-
การถวายโลหิตทั้งในพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่มุ่งเน้นความสนใจของเราไปที่อะไร (การชดใช้ของพระเยซูคริสต์และการหลั่งพระโลหิตของพระองค์เพื่อการปลดบาปของเรา)
ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้โดยเอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง และเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง
“ศีลระลึกเป็นศาสนพิธีแทนการพลีบูชาด้วยเลือดและเครื่องเผาบูชาตามกฎของโมเสส และมีสัญญาของพระผู้ช่วยให้รอดติดมาด้วย นั่นคือ ‘และผู้ใดที่มาหาเราด้วยใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด] เราจะให้บัพติศมาเขาด้วยไฟและด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (3 นีไฟ 9:20)” (“การประชุมศีลระลึกและพิธีศีลระลึก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2008, 23)
-
ท่านจะสรุปความจริงที่เราสนทนากันมาตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับพระกระยาหารมื้อสุดท้ายว่าอย่างไร (ขณะที่นักเรียนตอบ ให้เน้นว่า พระเยซูคริสต์ทรงทำให้พันธสัญญาเดิมเกิดสัมฤทธิผล และพระองค์ทรงสถาปนาพันธสัญญาใหม่ผ่านศีลระลึก)
ลูกา 22:14-20; 3 นีไฟ 18: 7, 11
ศีลระลึกช่วยให้เราระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอด
แบ่งนักเรียนออกเป็นคู่ๆ เชิญแต่ละคู่อ่าน ลูกา 22:19–20 และ 3 นีไฟ 18:7, 11 ขอให้พวกเขาระบุอีกเหตุผลหนึ่ง (นอกจากสถาปนาพันธสัญญาใหม่) ว่าทำไมพระผู้ช่วยให้รอดทรงจัดตั้งศีลระลึก สนทนาคำถามต่อไปนี้
-
พระผู้ช่วยให้รอดทรงให้เหตุผลอะไรสำหรับการจัดตั้งศีลระลึก (นักเรียนควรระบุความจริงต่อไปนี้: ขณะที่เรารับส่วนศีลระลึกเราควรระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอด)
-
เหตุใดจึงสำคัญที่เราต้องพยายามระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดขณะที่เรารับส่วนศีลระลึก
-
ถ้าเราไม่ระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดและสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา ศีลระลึกมีความหมายอะไร
ท่านอาจจัดเตรียมสำเนาเอกสารแจกที่ให้มาสำหรับนักเรียนแต่ละคน ซึ่งในนั้นมีคำพูดบางส่วนของเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านเอกสารในใจ หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้สนทนาถามคำถามต่อไปนี้
-
ท่านจะให้คำแนะนำอะไรแก่คนที่ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับพระผู้ช่วยให้รอดและการเสียสละของพระองค์ระหว่างการปฏิบัติศีลระลึกได้ (ขณะที่นักเรียนตอบ ท่านอาจชี้ให้เห็นว่าเมื่อเราหาโอกาสนึกถึงพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดระหว่างสัปดาห์ เราจะจดจ่ออยู่กับพระองค์ได้ง่ายขึ้นระหว่างการปฏิบัติศีลระลึกในวันอาทิตย์)
-
ท่านรู้สึกถึงพรอะไรบ้างเมื่อท่านพยายามระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดและการชดใช้ของพระองค์ขณะที่ท่านรับส่วนศีลระลึก
1 โครินธ์ 11:27–30; 3 นีไฟ 18:28–29; 20:8–9
การรับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควรจะต่อพันธสัญญาของเราอีกครั้ง
เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านและเปรียบเทียบ 1 โครินธ์ 11:27–30 กับ 3 นีไฟ 18:28–29; 20:8–9 ในใจ ขอให้พวกเขาระบุข้อควรระวังเกี่ยวกับศีลระลึก จากนั้นให้ถามว่า
-
เหตุใดการรับส่วนศีลระลึกอย่างไม่มีค่าควรจึงถือว่าไม่ฉลาด
อาจเป็นประโยชน์ถ้าแบ่งปันคำกล่าวต่อไปนี้โดยเอ็ลเดอร์จอห์น เอช. โกรเบิร์กแห่งสาวกเจ็ดสิบ ท่านอธิบายความหมายของการรับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควรดังนี้
“ถ้าเราปรารถนาจะปรับปรุง (ซึ่งคือการกลับใจ) และไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของฐานะปุโรหิต เมื่อนั้นในความเห็นของข้าพเจ้า เราย่อมมีค่าควร อย่างไรก็ดี ถ้าเราไม่ปรารถนาจะปรับปรุง ถ้าเราไม่ประสงค์จะทำตามการนำทางของพระวิญญาณ เราต้องถามว่า เรามีค่าควรรับส่วนหรือไม่ หรือเรากำลังเย้ยหยันจุดประสงค์ของศีลระลึกซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการกลับใจและการปรับปรุงตนเอง” (“The Beauty and Importance of the Sacrament,” Ensign, May 1989, 38)
-
มีพรอะไรบ้างสำหรับคนที่รับส่วนอย่างมีค่าควร (ดู 3 นีไฟ 20:8–9) (นักเรียนพึงเข้าใจว่า ถ้าเรารับส่วนศีลระลึกร่วมกับการสวดอ้อนวอนและในวิญญาณที่กลับใจ เราจะได้รับการปลดบาป เฉกเช่นที่เราได้รับเมื่อครั้งรับบัพติศมา)
ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้โดยเอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง
“หากไม่เตรียมการบางอย่างเพื่อรับการชำระให้สะอาดมากยิ่งขึ้นหลังจากบัพติศมา เราแต่ละคนคงสูญเสียประสบการณ์ทางวิญญาณ เราคงไม่มีความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และในการพิพากษาครั้งสุดท้ายเราคงต้องถูก ‘ขับออกไปตลอดกาล’ (1 นีไฟ 10:21) เราสำนึกคุณอย่างยิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมขั้นตอนให้สมาชิกแต่ละคนที่รับบัพติศมาแล้วของศาสนจักรได้รับการชำระให้สะอาดจากดินแห่งบาปเป็นระยะๆ ศีลระลึกเป็นส่วนจำเป็นของขั้นตอนนั้น” (“ฐานะปุโรหิตแห่งแอรันและศีลระลึก,” เลียโฮนา, ม.ค. 1999, 44)
-
ตามคำกล่าวของเอ็ลเดอร์โอ๊คส์ เหตุใดศีลระลึกจึงเป็นศาสนพิธีพระกิตติคุณที่สำคัญเช่นนั้น
แบ่งปันคำกล่าวเพิ่มเติมของเอ็ลเดอร์โอ๊คส์ ดังนี้
“เราได้รับบัญชาให้กลับใจจากบาปและมาหาพระเจ้าด้วยใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด และรับส่วนศีลระลึกตามพันธสัญญาศีลระลึก เมื่อเราต่อพันธสัญญาบัพติศมาของเราในวิธีนี้ พระเจ้าทรงต่อผลการชำระให้สะอาดในบัพติศมาของเราเช่นกัน ในวิธีนี้พระองค์ทรงทำให้เราสะอาดและเราสามารถมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลา ความสำคัญของสิ่งนี้ประจักษ์ชัดในพระบัญญัติของพระเจ้าให้เรารับส่วนศีลระลึกทุกสัปดาห์ (ดู คพ. 59:8-9)” (“ฐานะปุโรหิตแห่งแอรันและศีลระลึก,” เลียโฮนา, ม.ค. 1999, 44)
ท่านอาจจะอธิบายว่าเมื่อเรารับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควร เรา “ต่อ พันธสัญญาทั้งหมด ที่ทำไว้กับพระเจ้า” (เดลเบิร์ต แอล. สแตพลีย์, ใน Conference Report, Oct. 1965, 14; เน้นตัวเอน; ดู แอล. ทอม เพอร์รีย์, “เมื่อเรารับศีลระลึก,” เลียโฮนา, พ.ค. 2006, 50 ด้วย)
เชื้อเชิญนักเรียนให้ทบทวน ลูกา 22:15 จากนั้นให้ถามว่า
-
ถ้ามีคนถามท่านว่าท่านคิดว่าเหตุใดพระเยซูจึงทรงปรารถนาจะใช้ปัสกากับอัครสาวกของพระองค์ ท่านจะตอบว่าอย่างไร ท่านจะแสดงประจักษ์พยานว่าอย่างไร
เป็นพยานว่าเมื่อเราระลึกถึงพระเยซูคริสต์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ และเมื่อเรารับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควร เท่ากับเราต่อพันธสัญญาของเรากับพระผู้เป็นเจ้า กระตุ้นให้นักเรียนไตร่ตรองว่าพวกเขาจะถวาย “ใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด” เมื่อรับส่วนศีลระลึกได้อย่างไร ท้าทายให้พวกเขาทำศาสนพิธีศีลระลึกให้เป็นประสบการณ์ทางวิญญาณที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน
-
มัทธิว 26:26–28; ลูกา 22:17–20; 1 โครินธ์ 11:27–30; 3 นีไฟ 18:1–11, 28–29; 20:8–9; หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:75–79
-
ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “การประชุมศีลระลึกและพิธีศีลระลึก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2008, 21–25