2016
ยืนเคียงข้างผู้นำศาสนจักร
พฤษภาคม 2016


ยืนเคียงข้างผู้นำศาสนจักร

ท่านยืนเคียงข้างผู้นำศาสนจักรอยู่หรือไม่ในโลกที่มืดมนทั้งนี้เพื่อท่านจะกระจายแสงสว่างของพระคริสต์

ยินดีต้อนรับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ สาวกเจ็ดสิบภาคที่ได้รับเรียกใหม่ และฝ่ายประธานปฐมวัยสามัญชุดใหม่ที่ยอดเยี่ยม และด้วยความชื่นชมอย่างสุดซึ้ง เราขอบคุณผู้ที่ได้รับการปลดทุกท่าน เรารักท่านทุกคน

พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราเพิ่งมีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่เป็นพรอย่างที่สุด เมื่อเรายกมือสนับสนุนศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้และผู้เปิดเผยตลอดจนผู้นำท่านอื่นๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสามัญที่ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าในวันเวลานี้ ข้าพเจ้าไม่เคยใช้โอกาสในการสนับสนุนและรับการนำทางจากผู้รับใช้ของพระเจ้าอย่างผิวเผินหรือไม่ใส่ใจ และโดยที่ตนเองเพิ่งได้รับเรียกใหม่ให้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองเพียงไม่กี่เดือน ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเสียงสนับสนุนและความเชื่อมั่นจากท่าน ข้าพเจ้าปลาบปลื้มในความเต็มใจของท่านที่จะยืนเคียงข้างข้าพเจ้าและผู้นำที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ทุกคน

ไม่นานหลังจากได้รับการสนับสนุนในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเดินทางไปปากีสถานเพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย ขณะอยู่ในประเทศนั้น ข้าพเจ้าพบวิสุทธิชนที่ดีเลิศและอุทิศตน พวกเขามีจำนวนเล็กน้อยแต่มีวิญญาณที่เข้มแข็งมาก หลังจากกลับบ้านไม่นาน ข้าพเจ้าได้รับข้อความต่อไปนี้จากบราเดอร์ชาคีล อาร์ชาด สมาชิกคนหนึ่งที่ข้าพเจ้าพบระหว่างการไปเยือนครั้งนั้น “เอ็ลเดอร์ราสแบนด์ครับ ขอบคุณที่มาปากีสถาน ผมต้องการเรียนท่านว่า พวกเรา … สมาชิกศาสนจักร… สนับสนุนท่านและรักท่าน [เรา] โชคดีที่ท่านมาที่นี่และเราได้ฟังท่านพูด นับเป็นวันเวลาอันมีค่าในชีวิตครอบครัวของผมที่ได้พบอัครสาวก”1

การพบกับวิสุทธิชนอย่างบราเดอร์อาร์ชาดเป็นประสบการณ์ที่อิ่มเอมใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ขอใช้ถ้อยคำของเขาว่า “เป็นวันเวลาอันมีค่า” สำหรับข้าพเจ้าเช่นกัน

เมื่อเดือนมกราคมผู้นำศาสนจักรมีส่วนร่วมในการถ่ายทอดรายการเฟซทูเฟซ พร้อมด้วยเยาวชนกับผู้นำ และบิดามารดาจากทั่วโลก การถ่ายทอดสดครั้งนี้ส่งผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังหลายพื้นที่ใน 146 ประเทศ บางพื้นที่มีผู้รับชมจำนวนมากในอาคารนมัสการ และบางคนรับชมที่บ้านกับเยาวชน รวมแล้วมีผู้ร่วมรายการหลายแสนคน

ภาพ
รายการเฟซทูเฟซกับเอ็ลเดอร์ราสแบนด์ ซิสเตอร์ออสคาร์สัน และบราเดอร์โอเวน

โดยเชื่อมโยงกับผู้รับชมจำนวนมหาศาล ซิสเตอร์บอนนี่ ออสคาร์สัน ประธานเยาวชนหญิงสามัญ บราเดอร์สตีเฟน ดับเบิลยู. โอเวน ประธานเยาวชนชายสามัญ และข้าพเจ้า—ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าภาพเยาวชน นักดนตรีและคนอื่นๆ—ตอบคำถามจากเยาวชนของเรา

จุดประสงค์ของเราคือการแนะนำสาระสำคัญของสหกิจกรรมสำหรับปี 2016 “มุ่งหน้าด้วยความแน่วแน่ในพระคริสต์” จาก 2 นีไฟ ซึ่งอ่านว่า “ดังนั้น, ท่านต้องมุ่งหน้าด้วยความแน่วแน่ในพระคริสต์, โดยมีความเจิดจ้าอันบริบูรณ์แห่งความหวัง, และความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อมนุษย์ทั้งปวง. ดังนั้น, หากท่านจะมุ่งหน้า, ดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์, และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้ว, ดูเถิด, พระบิดาตรัสดังนี้ : เจ้าจะมีชีวิตนิรันดร์.”2

เราเรียนรู้อะไรเมื่ออ่านคำถามหลายร้อยข้อจากเยาวชนของเรา เราเรียนรู้ว่าเยาวชนของเรารักพระเจ้า สนับสนุนผู้นำและปรารถนาจะให้คำถามของพวกเขาได้รับคำตอบ! คำถามเป็นตัวบ่งชี้ของความปรารถนาที่จะเรียนรู้มากขึ้น เพื่อเพิ่มเข้ากับความจริงทั้งหลายที่มีอยู่แล้วในประจักษ์พยานของเรา และเพื่อจะพร้อมมากขึ้นสำหรับการ “มุ่งหน้าด้วยความแน่วแน่ในพระคริสต์”

การฟื้นฟูพระกิตติคุณเริ่มต้นด้วยคำถามจากเด็กหนุ่ม โจเซฟ สมิธ ในการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดคำสอนมากมายของพระองค์เริ่มด้วยคำถาม ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงถามเปโตรว่า “แล้วพวกท่านว่าเราเป็นใคร?”3 และเปโตรตอบว่า “พระองค์เป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”4 เราต้องช่วยกันค้นหาคำตอบของพระบิดาบนสวรรค์ผ่านการนำทางของพระวิญญาณ

ในการถ่ายทอดครั้งนั้นข้าพเจ้ากล่าวกับเยาวชนว่า

“ผู้นำศาสนจักรนี้คุ้นเคยกับประเด็นปัญหา ความกังวล และเรื่องท้าทายของพวกท่าน

“เรามีลูก เรามีหลาน เราพบกับเยาวชนบ่อยๆ ทุกที่ทั่วโลก เราสวดอ้อนวอนให้ท่าน เราสนทนาเกี่ยวกับท่านในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเรารักท่าน”5

ข้าพเจ้าประสงค์จะแบ่งปันคำตอบหนึ่งข้อในบรรดาคำตอบมากมายที่เราได้รับจากรายการนั้น

ลิซาจากแกรนด์แพรรี แอลเบอร์ตา แคนาดาเขียนว่า “รายการ เฟซทูเฟซ ครั้งนี้ยอดเยี่ยม ประจักษ์พยานและความเชื่อมั่นในพระกิตติคุณของหนูเพิ่มขึ้นมากมาย เราได้รับพรมากที่มีผู้นำที่ได้รับการดลใจผู้ได้รับเรียกให้รับใช้ในหลากหลายขอบเขตความสามารถ”6

ลิซ จากพลีแซนท์โกรฟ ยูทาห์ โพสต์ไว้ในช่วงแรกๆ ว่า “ดิฉันสำนึกคุณสำหรับศรัทธาส่วนตัวของดิฉันและโอกาสที่ได้สนับสนุนศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าตลอดจนชายหญิงที่ร่วมรับใช้กับท่าน”7

วันนี้เราสนับสนุนผู้นำผู้ได้รับเรียกโดยการดลใจจากสวรรค์ให้สอนและนำทางเราและเป็นผู้ที่ร้องเรียกเราให้ตระหนักถึงอันตรายที่ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน—จากการรักษาวันสะบาโตแบบพอประมาณ ถึงการข่มขู่ครอบครัว คุกคามเสรีภาพทางศาสนาและแม้จนถึงโต้แย้งการเปิดเผยยุคสุดท้าย พี่น้องทั้งหลายเรากำลังฟังคำแนะนำของท่านเหล่านั้นหรือไม่

หลายครั้งในการประชุมใหญ่ การประชุมศีลระลึกและปฐมวัย เราร้องเพลงที่มีคำร้องอันอ่อนโยน “พาฉัน นำฉัน เดินเคียงข้างฉัน”8 ถ้อยคำเหล่านั้นมีความหมายต่อท่านอย่างไร ใครเข้ามาในความคิดท่านเมื่อท่านนึกถึงถ้อยคำเหล่านั้น ท่านรู้สึกถึงอิทธิพลดีของผู้นำที่ชอบธรรมหรือไม่ บรรดาสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ที่มีมาในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเพื่อสัมผัสชีวิตท่าน ใครเดินร่วมทางของพระเจ้ากับท่าน พวกเขาอาจอยู่แค่เอื้อมในบ้านท่าน พวกเขาอาจอยู่ในการชุมนุมท้องที่ หรือพูดจากแท่นพูดที่การประชุมใหญ่สามัญ สานุศิษย์เหล่านี้แบ่งปันให้เรารับรู้ถึงพรของการมีประจักษ์พยานในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ผู้นำของศาสนจักรนี้ ผู้นำของจิตวิญญาณเราเอง ผู้สัญญาว่า “จงรื่นเริงเถิด, และอย่ากลัวเลย, เพราะเราพระเจ้าอยู่กับเจ้า, และจะยืนเคียงข้างเจ้า”9

ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องที่ประธานโธมัส เอส. มอนสันเล่าให้ฟัง เมื่อได้รับเชิญให้ไปบ้านพอล ซี. ชาล์ยด์ ประธานสเตคของท่านเพื่อเตรียมตัวเลื่อนขั้นสู่ฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค เป็นพรพิเศษเพียงใดสำหรับประธานชาล์ยด์ซึ่งขณะนั้นไม่รู้เลยว่ากำลังสอนเด็กหนุ่มผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนที่วันหนึ่งจะกลายเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า10

ข้าพเจ้ามีช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้จากประธานมอนสัน ศาสดาพยากรณ์ที่รักของเราด้วย ข้าพเจ้าไม่มีข้อสงสัยในความคิดหรือในใจเรื่องท่านเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก ข้าพเจ้าเคยเป็นผู้รับที่นอบน้อมเมื่อท่านได้รับการเปิดเผยและดำเนินการตามนั้น ท่านสอนให้เราเอื้อมออกไป เพื่อปกป้องกัน เพื่อช่วยกู้กันและกัน ดังที่สอนไว้ที่ผืนน้ำแห่งมอรมอน บรรดาผู้ที่ “ปรารถนาจะ [ได้รับ] …เรียกว่าเป็นผู้คนของพระองค์” เต็มใจจะ “แบกภาระของกันและกัน” “โศกเศร้ากับคนที่โศกเศร้า” และ “ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้า”11

วันนี้ข้าพเจ้ายืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์และพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าทราบว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงพระชนม์และทรงรักเรา ทรงกำกับดูแลผู้รับใช้ของพระองค์ ท่านและข้าพเจ้า เพื่อให้พระประสงค์อันทรงเดชานุภาพบนแผ่นดินโลกนี้เกิดสัมฤทธิผล12

ขณะเรามุ่งหน้าไป โดยเลือกทำตามคำแนะนำและคำเตือนจากผู้นำของเรา เราเลือกทำตามพระเจ้าขณะที่โลกกำลังดำเนินไปอีกทิศทางหนึ่ง เราเลือกที่จะยึดราวเหล็กให้แน่น เป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เป็นผู้อยู่ในกิจธุระของพระเจ้า และเพื่อจะเต็มไป “ด้วยความปรีดียิ่งนัก”13

เห็นได้ชัดว่าคำถามที่มากขึ้นของทุกวันนี้คือ ท่านยืนเคียงข้างผู้นำศาสนจักรอยู่หรือไม่ในโลกที่มืดมนทั้งนี้เพื่อท่านจะกระจายแสงสว่างของพระคริสต์

สัมพันธภาพกับผู้นำเป็นสิ่งสำคัญและมีความหมาย ไม่ว่าผู้นำจะอยู่ในวัยใด อยู่ใกล้หรือไกล หรือเมื่อพวกเขาอาจสัมผัสชีวิตเรา อิทธิพลของพวกเขาสะท้อนอยู่ในถ้อยคำของกวีชาวอเมริกัน เอ็ดวิน มาร์คแฮม ผู้กล่าวถ้อยคำนี้ไว้ว่า

มีจุดหมายของความเป็นพี่น้อง

[ไม่มีใคร] ไปเพียงลำพัง

ทั้งหมดที่เราส่งไปในชีวิตผู้อื่น

ย่อมหวนคืนสู่ตัวเรา14

ชาคีล อาร์ชาด เพื่อนในปากีสถาน ให้การสนับสนุนข้าพเจ้า พี่น้องและเพื่อนของเขา ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน เมื่อเราเอื้อมออกไปหนุนใจกัน เราพิสูจน์ถ้อยคำอันทรงพลังว่า “[ไม่มีใคร] ไปเพียงลำพัง”

เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องการพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเจ้า พระเยซูคริสต์ของเรา เรื่องราวจากพระคัมภีร์เรื่องหนึ่งที่ส่งผลทางวิญญาณต่อข้าพเจ้าเสมอคือเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงดำเนินบนผืนน้ำออกไปพบสานุศิษย์ซึ่งกำลังล่องเรืออยู่ในทะเลกาลิลี คนเหล่านั้นเป็นผู้นำที่เพิ่งได้รับเรียกเหมือนเราหลายคนที่อยู่บนยกพื้นวันนี้ เรื่องดังกล่าวบันทึกไว้ในหนังสือมัทธิว

“ในขณะนั้นเรืออยู่กลางทะเลแล้ว และถูกคลื่นซัดเพราะทวนลมอยู่

“เมื่อเวลาใกล้รุ่งเช้า พระองค์ทรงดำเนินบนทะเลไปยังพวกสาวก

“เมื่อสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินมาบนทะเล เขาทั้งหลายก็แตกตื่น … และร้องด้วยความกลัว

“พระเยซูตรัสกับพวกเขาทันทีว่า “ทำใจดีดีเถิด นี่เราเอง อย่ากลัวเลย”15

เปโตรได้ยินพระสุรเสียงให้กำลังใจจากพระเจ้า

“เปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอตรัสให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์

“พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด”16

เปโตรช่างกล้าหาญนัก ท่านเป็นชาวประมง และรู้ดีถึงอันตรายของทะเล แต่ท่านให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำตามพระเยซู—ไม่ว่าวันหรือคืน ในเรือหรือบนบก

ข้าพเจ้านึกภาพที่เปโตรโดดข้ามกราบเรือโดยไม่รีรอต่อการเชื้อเชิญแม้แต่วินาทีเดียว และเริ่มเดินบนผืนน้ำ ที่จริงพระคัมภีร์กล่าวว่า “[ท่าน] เดินบนน้ำไปหาพระเยซู”17 เมื่อลมแรงขี้นและคลื่นก็ม้วนขึ้นมาท่วมเท้าท่าน เปโตรจึง “กลัวและเมื่อกำลังจะจมก็ร้อง [ออกมา] ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย

“พระเยซูจึงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ทันที”18

เป็นบทเรียนที่ทรงพลังอะไรเช่นนั้น พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเขา เฉกเช่นพระองค์ทรงอยู่ที่นั่นในวันนี้เพื่อช่วยท่านและข้าพเจ้า ทรงเอื้อมพระหัตถ์ดึงเปโตรขึ้นมาหาพระองค์และความปลอดภัย

หลายครั้งข้าพเจ้าต้องการพระผู้ช่วยให้รอดและการช่วยกู้จากพระหัตถ์พระองค์ เวลานี้ข้าพเจ้าต้องการพระองค์มากกว่าแต่ก่อน พวกท่านแต่ละคนก็เช่นกัน เปรียบเหมือนข้าพเจ้ารู้สึกมั่นใจเมื่อจะโดดข้ามกราบเรือลงสู่สถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคย เพียงเพื่อจะตระหนักว่าข้าพเจ้าไม่อาจทำได้โดยลำพัง

ช่วงที่สนทนากันในรายการเฟซทูเฟซ บ่อยครั้งที่พระเจ้าทรงเอื้อมออกมาหาเราผ่านครอบครัวและผู้นำ โดยที่ทรงเชื้อเชิญเรามาหาพระองค์—เฉกเช่นทรงเอื้อมออกไปช่วยเปโตรให้รอด

ท่านก็เช่นกัน จะมีหลายช่วงเวลาที่ตอบรับการเชื้อเชิญบ่อยครั้งให้ “มาหาพระคริสต์”19 นั่นคือทั้งหมดเกี่ยวกับชีวิตมรรตัยนี้ไม่ใช่หรือ การเรียกนั้นอาจเรียกให้มาช่วยกู้สมาชิกครอบครัว ให้มารับใช้งานเผยแผ่ ให้กลับมาโบสถ์ ให้มาพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ และดังที่เมื่อไม่นานมานี้เราได้ฟังจากเยาวชนผู้เลิศล้ำของเราในรายการเฟซทูเฟซ เรียกให้มาเพื่อกรุณาช่วยฉันตอบคำถามของฉัน เมื่อเวลามาถึงเราแต่ละคนจะได้ยินเสียงเรียกให้ “กลับบ้าน”

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่าขอให้เราเอื้อมไปจับพระหัตถ์พระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงยื่นมาหาเรา บ่อยครั้งผ่านผู้นำที่ได้รับเรียกจากสวรรค์และสมาชิกในครอบครัวเรา และฟังสุรเสียงเรียกของพระองค์ให้มา

ข้าพเจ้ารู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์ ข้าพเจ้ารักพระองค์ และรู้ด้วยสุดใจว่าพระองค์ทรงรักเราทุกคน ทรงเป็นแบบอย่างอันประเสริฐ และเป็นผู้นำจากสวรรค์ให้แก่บุตรธิดาของพระบิดา ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานอันศักดิ์สิทธิ์ถึงสิ่งนี้ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

พิมพ์