จนกว่าเราจะพบกันอีก
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่
คริสต์ศักราช 1939 ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 บราเดอร์บราวน์ได้รับเชิญจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งของอังกฤษให้นำเสนอข้อโต้แย้งตามกฎหมายสำหรับคำอ้างของบราเดอร์บราวน์ที่ว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ ในคำปราศรัยที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1955 เรื่อง “โปรไฟล์ของศาสดาพยากรณ์” ประธานบราวน์ได้พูดถึงการสนทนาของพวกท่าน (ดู speeches.byu.edu)
ข้าพเจ้าเริ่ม … “คุณบอกว่าความเชื่อของผมที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าตรัสกับมนุษย์ในยุคนี้เป็นเรื่องเพ้อฝันและไร้สาระ”
“ใช่”
“คุณเชื่อไหมว่าพระผู้เป็นเจ้าเคยตรัสกับมนุษย์”
“แน่นอน เราเห็นหลักฐานยืนยันทั่วพระคัมภีร์ไบเบิล”
“พระองค์ตรัสกับอาดัมหรือเปล่า”
“ตรัส”
“ตรัสกับเอโนค โนอาห์ อับราฮัม โมเสส ยาโคบ โยเซฟ และศาสดาพยากรณ์คนต่อๆ มาหรือเปล่า”
“ผมเชื่อว่าพระองค์ตรัสกับพวกท่านเหล่านั้น”
“คุณเชื่อไหมว่าการติดต่อระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์ยุติลงเมื่อพระเยซูทรงปรากฏบนแผ่นดินโลก”
“ไม่นะ การสื่อสารเช่นนั้นมาถึงจุดสูงสุด ณ เวลานั้น”
“คุณเชื่อไหมครับว่าหลังจากพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ ผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่ง—เขาเป็นคนทำกระโจมที่ชื่อว่าเซาโลแห่งเมืองทาร์ซัส—ระหว่างทางไปเมืองดามัสกัสเขาได้พูดคุยกับพระเยซูแห่งนาซาเร็ธผู้ถูกตรึงกางเขน ฟื้นคืนพระชนม์ และเสด็จขึ้นมาสวรรค์มาแล้ว”
“ผมเชื่อ”
“เซาโลได้ยินเสียงใครครับ”
“ได้ยินเสียงพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ทรงแนะนำพระองค์เอง”
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะบอกคุณอย่างตรงไปตรงมาว่านี่เป็นขั้นตอนมาตรฐานในสมัยพระคัมภีร์ไบเบิลที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสนทนากับมนุษย์”
“ผมคิดว่าผมยอมรับในข้อนั้น แต่มันสิ้นสุดหลังจากศตวรรษแรกของคริสต์ศักราชไม่นาน”
“ทำไมคุณคิดว่ามันสิ้นสุดล่ะครับ”
“ผมตอบไม่ได้”
“คุณคิดว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ตรัสอีกเลยหรือครับ”
“ผมมั่นใจว่าพระองค์ไม่ได้ตรัส”
“จะต้องมีเหตุผล บอกผมสักข้อได้ไหมครับ”
“ผมไม่รู้”
“ผมขอเสนอเหตุผลบางอย่างที่น่าจะเป็นไปได้นะครับ บางทีที่พระผู้เป็นเจ้าไม่ตรัสกับมนุษย์อีกเพราะพระองค์ตรัสไม่ได้ พระองค์สิ้นอำนาจ”
เขาพูดว่า “แน่นอนว่านั่นเป็นการสบประมาท”
“แล้วถ้าคุณไม่ยอมรับข้อนี้ บางทีที่พระองค์ไม่ตรัสกับมนุษย์เพราะพระองค์ไม่ทรงรักเราแล้วและไม่สนพระทัยความเป็นไปของมนุษย์อีกแล้ว”
“ไม่” เขากล่าว “พระผู้เป็นเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคน และพระองค์ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง”
“แล้วถ้าพระองค์ตรัส ถ้าพระองค์ทรงรักเรา แล้วคำตอบเดียวที่น่าจะเป็นไปได้ เท่าที่ผมเห็นคือ เราไม่ต้องการพระองค์ เราก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เร็วมากและเรามีการศึกษาจนเราไม่ต้องการพระผู้เป็นเจ้าอีก”
และเขากล่าวต่อจากนั้น—น้ำเสียงของเขาสั่นเครือขณะที่เขานึกถึงสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า—“คุณบราวน์ครับ ไม่เคยมีช่วงเวลาใดในประวัติศาสตร์ของโลกที่ต้องการสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้ามากเท่าเวลานี้ บางทีคุณอาจจะบอกผมได้ว่าทำไมพระองค์ไม่ตรัส”
คำตอบของข้าพเจ้าคือ “พระองค์ ตรัส พระองค์ตรัสแล้ว แต่มนุษย์ต้องมีศรัทธาจึงจะได้ยินพระองค์”