ภาพแห่งศรัทธา
ไอโอนา วิคาอิรา
เมืองไคโคเฮ นิวซีแลนด์
แม้ประสบความท้าทายในฐานะเจ้าหน้าที่ทัณฑสถาน แต่ไอโอนาพบพลังและสงบนิ่งได้เพราะศรัทธาในพระเยซูคริสต์
คริสตินา สมิธ ช่างภาพ
ดิฉันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานได้เจ็ดปีแล้ว ทำงานที่เรือนจำหญิงหนึ่งปี จากนั้นจึงย้ายมาเรือนจำชายล้วนและทำมาแล้วหกปี
เรื่องราวสะเทือนใจเรื่องหนึ่งตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานคือเมื่อดิฉันเห็นแม่คนหนึ่งได้พบกับลูกๆ ของเธออีกครั้ง เธอไม่ได้เห็นหน้าพวกเขามานานสี่หรือห้าปี คุณสามารถเห็นน้ำตาและความเจ็บปวดในดวงตาของลูกๆ นับจากปีที่พรากจากกัน การพบกันอีกครั้งน่าตื้นตันอย่างยิ่ง แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่ทัณฑสถาน คุณอย่าแสดงอารมณ์ ทำได้ยากมาก ดิฉันต้องเมินหน้าไปทางอื่นเพื่อสงบจิตสงบใจ ความที่เป็นแม่ ดิฉันจึงนึกภาพตนเองไม่ออกถ้าต้องอยู่ห่างลูกๆ นานหลายปี ไม่ได้เห็นหน้าพวกเขา พูดคุยกับพวกเขา หรือแม้กระทั่งบอกพวกเขาว่าดิฉันรู้สึกอย่างไรกับพวกเขา
ในฐานะเจ้าหน้าที่ทัณฑสถาน คุณต้องเข้มแข็ง คุณต้องสามารถป้องกันตัวและควบคุมได้ บางครั้งสถานการณ์อาจทำให้เกิดการโต้แย้ง คุณจึงต้องหนักแน่นเมื่อคุณสื่อสารกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพูดคุยกับนักโทษ แก้ไขสถานการณ์ที่ท้าทายและรุนแรงในบางครั้ง ทั้งนี้อาจทำให้บางคนคิดว่าดิฉันเป็นคนแข็งกร้าวและใจหิน แต่ดิฉันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
เวลาทำงานดิฉันรู้สึกเหมือนถูกโลกล้อมรอบ แต่เมื่อออกจากที่ทำงานมาอยู่ที่บ้านหรือที่โบสถ์ ดิฉันรู้สึกอีกอย่างหนึ่งเพราะพระวิญญาณที่ดิฉันรู้สึก ปีติอย่างหนึ่งของการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณคือคุณไม่ต้องเป็นของโลก คุณอยู่ในโลก แต่คุณไม่ต้องอยู่กับคนอื่นๆ ของโลก
ดิฉันชอบเสมอเมื่อถึงวันอาทิตย์เพราะดิฉันจะได้อยู่ในโบสถ์ ได้รับการบำรุงเลี้ยงทางวิญญาณ ระลึกถึงพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ ดิฉันชอบที่ตนเองสามารถทำเช่นนั้นได้ ดิฉันมีความสุขกับการรับใช้ในศาสนจักรและทุกสิ่งที่พระกิตติคุณมีไว้ช่วยเหลือเรา
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วดิฉันเป็นของโลก และเรียนรู้บทเรียนยากๆ มากมาย เวลานี้ดิฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งที่ดิฉันแข็งขันเต็มที่ในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ บ่อยครั้งที่ดิฉันปรารถนาให้ทุกคนในที่ทำงานรู้สึกถึงปีติที่ดิฉันรู้สึกในฐานะสมาชิกของศาสนจักร
ดิฉันพบว่าเมื่อคนในที่ทำงานรู้ว่าคุณเป็นสมาชิกของศาสนจักร พวกเขาจะเคารพคุณและศาสนจักรเมื่อเห็นว่าคุณไม่ปล่อยให้มาตรฐานของคุณย่อหย่อนตามสภาพแวดล้อมที่คุณอยู่ นั่นคือสาเหตุสำคัญที่ดิฉันพยายามเป็นแบบอย่างที่ดีของวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
ในแต่ละสถานการณ์ ดิฉันคิดว่า “พระผู้ช่วยให้รอดทรงประสงค์ให้ดิฉันปฏิบัติตัวอย่างไร” หรือ “พระองค์ทรงประสงค์ให้ดิฉันจัดการเรื่องนี้อย่างไร” ในประสบการณ์ทั้งหมด ดิฉันพยายามทำให้การกระทำของดิฉันสะท้อนสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงประสงค์ให้ทำ นี่ช่วยให้ดิฉันสุขุมรอบคอบมากขึ้นและใจเย็นมากขึ้นแม้ในความยุ่งเหยิงของสภาพแวดล้อมอันแสนทรหดในที่ทำงาน
ดิฉันสำนึกคุณต่อพระผู้ช่วยให้รอดและพระบิดาบนสวรรค์สำหรับความท้าทายและการทดลองที่ดิฉันสามารถเอาชนะผ่านการมีศรัทธาและเชื่อในพระองค์ ทุกครั้งที่ดิฉันประสบการทดลองและกล่าวคำสวดอ้อนวอน ดิฉันรู้สึกถึงสันติสุขในใจเสมอ ดิฉันรู้ว่าดิฉันขาดทั้งสองพระองค์ไม่ได้ ดิฉันยอมรับเสมอว่าพระหัตถ์ของพระองค์อยู่ในทุกสิ่งที่ดิฉันทำ