คลังค้นคว้า
บทที่ 23: การสืบทอดตำแหน่งในฝ่ายประธาน


บทที่ 23

การสืบทอดตำแหน่งในฝ่ายประธาน

คำนำ

เมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต โจเซฟ สมิธประสาทกุญแจฐานะปุโรหิตของสมัยการประทานนี้ให้สมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง หลังจากมรณสักขีของท่านศาสดาพยากรณ์ ณ การประชุมเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1844 วิสุทธิชนจำนวนมากได้รับการแสดงให้ประจักษ์ทางวิญญาณยืนยันต่อพวกเขาว่าบริคัม ยังก์ผู้เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองจะต้องนำศาสนจักร ขณะสมาชิกทำความเข้าใจหลักธรรมเกี่ยวกับการสืบทอดตำแหน่งในฝ่ายประธานศาสนจักร พวกเขาจะมีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงเลือกและทรงเตรียมแต่ละคนที่จะมาเป็นประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน

  • Succession in the Presidency, chapter 3 in Teachings of the Living Prophets Student Manual (Church Educational System manual, 2010), 28–41

  • “อัครสาวกสิบสองควบคุมดูแลอาณาจักร,” บทที่ 23 ใน ประวัติศาสนาจักรในความสมบูรณ์แห่งเวลา คู่มือครู, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 (คู่มือระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2003), 290–300

  • เบรนท์ แอล. ท็อพ และลอว์เรนซ์ อาร์. เฟลค, “‘The Kingdom of God Will Roll On’: Succession in the Presidency, Ensign, Aug. 1996, 22–35

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 107:33; 112:30–32

อัครสาวกถือกุญแจของสมัยการประทานนี้

ถามคำถามต่อไปนี้

  • ขั้นตอนการเลือกประธานคนใหม่ของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายต่างจากวิธีเลือกผู้นำในองค์การอื่นอย่างไร

แจ้งให้นักเรียนทราบว่าบทนี้จะสำรวจการส่งผ่านการเป็นผู้นำศาสนจักรหลังจากมรณกรรมของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ อธิบายว่าหลายปีก่อนที่ท่านศาสดาพยากรณ์จะสิ้นชีวิต ท่านได้รับการเปิดเผยเกี่ยวกับฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสอง ขอให้นักเรียนศึกษา หลักคำสอนและพัธสัญญา 107:33 และ 112:30–32 โดยมองหาคำอธิบายของพระเจ้าเกี่ยวกับสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตที่สมาชิกในฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองดำรงอยู่

  • พระเจ้าตรัสถึงสิทธิอำนาจของฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองว่าอย่างไร (นักเรียนพึงเข้าใจหลักธรรมต่อไปนี้ สมาชิกในฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองถือกุญแจฐานะปุโรหิตของสมัยการประทานนี้ และอัครสาวกสิบสองปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายประธานสูงสุด)

เอกสารแจก การสืบทอดตำแหน่งในฝ่ายประธาน

handout iconแจกสำเนา เอกสารแจก ที่อยู่ท้ายบทให้นักเรียนแต่ละคน อธิบายว่าโจเซฟ สมิธใช้เวลาช่วงเดือนสุดท้ายของชีวิตประชุมบ่อยๆ กับสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองเพื่อเตรียมพวกท่านให้พร้อมนำศาสนจักร ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงเอกสารแจกหัวข้อเรื่อง “การประชุมกับอัครสาวกสิบสอง มีนาคม ปี 1844” บอกนักเรียนว่านี่เป็นเรื่องราวโดยสังเขปของการประชุมระหว่างศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกับอัครสาวกและผู้นำศาสนจักรท่านอื่น ตามที่เล่าโดยประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ ผู้เป็นอัครสาวกในเวลานั้น หลังจากอ่านแล้ว ให้ถามว่า

  • การประสาทกุญแจให้สมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองครั้งนี้ช่วยเตรียมพวกท่านอย่างไรสำหรับเวลาที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจะไม่อยู่กับพวกท่านอีกต่อไป (พวกท่านได้รับกุญแจฐานะปุโรหิตเดียวกับที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟถืออยู่)

  • เหตุใดจึงสำคัญที่โจเซฟ สมิธต้องประสาทกุญแจฐานะปุโรหิตให้อัครสาวกก่อนมรณกรรมของท่าน (เวลานั้น โจเซฟ สมิธเป็นคนเดียวที่ถือกุญแจทั้งหมดของสมัยการประทานนี้ ถ้าท่านไม่ประสาทกุญแจเหล่านี้ให้ผู้อื่น เมื่อนั้นเหล่าเทพจะต้องมาแผ่นดินโลกอีกครั้งเพื่อนำกุญแจเหล่านั้นกลับมา)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:127–128

บริคัม ยังก์สืบทอดตำแหน่งประธานศาสนจักรต่อจากโจเซฟ สมิธ

อธิบายว่าเมื่อจัดตั้งโควรัมอัครสาวกสิบสองครั้งแรกในปี 1835 ลำดับอาวุโสกำหนดตามอายุ โธมัส บี. มาร์ชซึ่งเวลานั้นเชื่อว่าเป็นอัครสาวกอายุมากที่สุด ถือเป็นอัครสาวกอาวุโส (แต่ทราบหลังจากนั้นว่าจริงๆ แล้วเดวิด ดับเบิลยู. แพทเท็นเป็นอัครสาวกอายุมากที่สุด)

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:127–128 อธิบายว่าในเดือนตุลาคมปี 1838 ประธานมาร์ชละทิ้งความเชื่อและออกจากศาสนจักร เดวิด ดับเบิลยู. แพทเท็นสิ้นชีวิต ต่อจากนั้นบริคัม ยังก์กลายเป็นอัครสาวกอาวุโสดังอธิบายไว้ในข้อเหล่านี้ หลังจากเลือกอัครสาวกครั้งแรกและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ลำดับอาวุโสในโควรัมอัครสาวกสิบสองกำหนดตามวันวางมือแต่งตั้ง

อธิบายว่าเมื่อโจเซฟและไฮรัม สมิธสิ้นชีวิตเป็นมรณสักขีวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1844 อัครสาวกสิบสองกำลังรับใช้งานเผยแผ่ทางภาคตะวันออกของสหรัฐ ยกเว้นจอห์น เทย์เลอร์ และวิลลาร์ด ริชาร์สด์ แต่ภายในสามสัปดาห์ อัครสาวกทั้งสิบสองคนทราบข่าวร้ายและรีบกลับไปนอวู เมื่อเหล่าอัครสาวกมาถึง พวกท่านพบความสับสนในหมู่สมาชิกศาสนจักรว่าใครจะนำศาสนจักร สมาชิกศาสนจักรบางคนเชื่อว่าการนำศาสนจักรตกอยู่กับโควรัมอัครสาวกสิบสอง ตลอดหลายเดือนต่อมา หลายคนอ้างว่าพวกเขามีสิทธิ์นำศาสนจักร ขอให้นักเรียนสองคนอ่านออกเสียงเอกสารแจกหัวข้อเรื่อง “การอ้างสิทธิ์ของซิดนีย์ ริกดัน” และ “การอ้างสิทธิ์ของเจมส์ สแตรงก์” ขณะที่นักเรียนฟัง ขอให้พวกเขานึกถึงข้อกังวลที่พวกเขาอาจมีเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์เหล่านี้หากพวกเขาอยู่ในนอวูเวลานั้น

ติดตามผลโดยถามนักเรียนว่า

  • เหตุใดการอ้างสิทธิ์ของชายเหล่านี้จึงไม่ถูกต้อง (ท่านอาจต้องชี้ให้เห็นว่าถึงแม้ซิดนีย์ ริกดันเป็นสมาชิกในฝ่ายประธานสูงสุด แต่โจเซฟไม่ได้มอบกุญแจฐานะปุโรหิตให้เขา)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงเอกสารแจกหัวข้อเรื่อง “7 สิงหาคม 1844” สนทนาคำถามต่อไปนี้กับนักเรียน

  • เหตุใดประจักษ์พยานของบริคัม ยังก์เกี่ยวกับกุญแจของการเป็นอัครสาวกจึงสำคัญ (หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ให้เขียนหลักคำสอนต่อไปนี้บนกระดาน อัครสาวกถือกุญแจทั้งหมดของฐานะปุโรหิตที่จำเป็นต่อการเป็นประธานดูแลศาสนจักร)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงเอกสารแจกหัวข้อเรื่อง “8 สิงหาคม 1844 10:00 น.”

  • พระเจ้าประทานพรให้วิสุทธิชนรู้อย่างไรว่าพระองค์ทรงกำหนดให้ใครนำศาสนจักร

  • เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้นำศาสนจักรในทุกวันนี้ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า (ขณะที่นักเรียนตอบ ให้เขียนหลักธรรมต่อไปนี้บนกระดาน โดยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะได้รับพยานว่าคนที่นำศาสนจักรได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า)

  • ท่านเคยรู้สึกเมื่อใดว่าพระวิญญาณทรงเป็นพยานต่อท่านว่าประธานศาสนจักรในปัจจุบันได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า

อธิบายว่าระหว่างการประชุมเวลา 14:00 น. วันที่ 8 สิงหาคม บริคัม ยังก์และอัครสาวกท่านอื่นๆ พูด ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงเอกสารแจกหัวข้อเรื่อง “8 สิงหาคม 1844 14:00 น.”

อธิบายว่าเมื่อโจเซฟ สมิธสิ้นชีวิต บริคัม ยังก์ผู้เป็นอัครสาวกอาวุโสสามารถใช้กุญแจทั้งหมดของฐานะปุโรหิตได้ทันที เป็นเวลาสามปีกว่าหลังจากมรณสักขีของท่านศาสดาพยากรณ์ที่โควรัมอัครสาวกสิบสองเป็นประธานดูแลศาสนจักรภายใต้การกำกับดูแลของบริคัม ยังก์ จนวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1847 บริคัม ยังก์ได้รับการสนับสนุนเป็นประธานศาสนจักรและจัดตั้งฝ่ายประธานสูงสุดอีกครั้ง

ซิดนีย์ ริกดันย้ายไปอยู่เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย และจัดตั้งศาสนจักรของพระคริสต์โดยมีอัครสาวก ศาสดาพยากรณ์ ปุโรหิต และกษัตริย์ ศาสนจักรนี้ล่มสลายราว ปี 1847 ถึงแม้การอ้างสิทธิ์ของเจมส์ สแตรงก์ว่าตนเป็นประธานจะเป็นคำเท็จ แต่สามคนจากอดีตอัครสาวกสิบสอง—วิลเลียม อี. แม็คเลลลิน, จอห์น อี. เพจ และวิลเลียม สมิธ—ก็สนับสนุนเขา สแตรงก์ถูกผู้ติดตามที่ไม่พอใจเขาสังหารเขาในปี 1856

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจขั้นตอนการสืบทอดตำแหน่งในฝ่ายประธานศาสนจักรปัจจุบัน ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากมรณกรรมของประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์

“ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำ ไม่มีการลังเล เรารู้ว่าอัครสาวกอาวุโสคือประธานศาสนจักร ในการประชุมศักดิ์สิทธิ์นั้น โธมัส สเป็นเซอร์ มอนสันได้รับการสนับสนุนจากโควรัมอัครสาวกสิบสองให้เป็นประธานศาสนจักร … เวลานี้ ดังที่พระคัมภีร์ระบุไว้ ท่านเป็นคนเดียวบนแผ่นดินโลกผู้มีสิทธิ์ใช้กุญแจทั้งหมด แต่เราทุกคนถือกุญแจในฐานะอัครสาวก ท่ามกลางพวกเรามีชายคนหนึ่งได้รับเรียกและวางมือแต่งตั้ง และท่านเป็นประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย” (ดู “อัครสาวกสิบสอง,” เลียโฮนา, พ.ค. 2008, 100)

  • หลังจากมรณกรรมของประธานศาสนจักร ใครจะเป็นประธานศาสนจักรคนต่อไปเสมอ (อัครสาวกอาวุโสผู้เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง)

นักเรียนบางคนอาจสงสัยว่าประธานศาสนจักรได้รับกุญแจที่จำเป็นต่อการเป็นประธานดูแลศาสนจักรเมื่อใด อธิบายว่าอัครสาวกทุกคนได้รับกุญแจทั้งหมดเมื่อท่านได้รับการวางมือแต่งตั้งเป็นอัครสาวกครั้งแรก ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008)

ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

“แต่สิทธิอำนาจให้ใช้กุญแจเหล่านั้นจำกัดเฉพาะประธานศาสนจักร เมื่อท่านสิ้นชีวิต สิทธิอำนาจดังกล่าวมีผลในอัครสาวกอาวุโสผู้ซึ่งต่อจากนั้นเพื่อนร่วมงานในสภาอัครสาวกสิบสองจะเอ่ยนาม วางมือมอบหน้าที่ และแต่งตั้งท่านเป็นศาสดาพยากรณ์และประธาน” (Come and Partake, Ensign, May 1986, 47)

  • ท่านมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อทราบว่าอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกจะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หยุดชะงักหลังจากมรณกรรมของประธานศาสนจักร

ท่านอาจต้องการสรุปบทนี้โดยเป็นพยานว่ากุญแจและอำนาจฐานะปุโรหิตเดียวกันกับที่โจเซฟ สมิธประสาทให้บริคัม ยังก์และสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง ปัจจุบันผู้ถือกุญแจเหล่านี้คือประธานศาสนจักร ที่ปรึกษาของท่านในฝ่ายประธานสูงสุด และสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง ท่านอาจแบ่งปันด้วยว่าท่านได้รับประจักษ์พยานว่าผู้นำศาสนจักรได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร เชื้อเชิญให้นักเรียนพยายามได้รับหรือเสริมสร้างประจักษ์พยานของตนร่วมกับการสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับความจริงที่พวกเขาสนทนาวันนี้

สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน

การสืบทอดตำแหน่งในฝ่ายประธานศาสนจักร

รากฐานของการฟื้นฟู—บทที่ 23

การประชุมกับอัครสาวกสิบสอง มีนาคม ปี 1844

ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ (1807–1898) เล่าว่า

ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์

“ข้าพเจ้าจำคำพูดสุดท้ายที่ [โจเซฟ สมิธ] กล่าวกับเราก่อนการสิ้นชีวิตของท่านได้ … ท่านยืนประมาณสามชั่วโมง ห้องนั้นประหนึ่งเต็มไปด้วยเพลิงเผาผลาญ ใบหน้าท่านใสราวอำพัน และท่านถูกห่อหุ้มไว้ด้วยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ท่านอธิบายหน้าที่ให้เราฟัง ท่านวางความสมบูรณ์ของงานยิ่งใหญ่นี้ของพระผู้เป็นเจ้าไว้ตรงหน้าเรา และในคำพูดของท่าน ท่านกล่าวว่า ‘พระเจ้าทรงผนึกกุญแจทุกอย่าง พลังอำนาจทุกอย่าง และหลักธรรมทุกอย่างของชีวิตและความรอดซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานแก่มนุษย์ผู้เคยมีชีวิตบนพื้นพิภพไว้บนศีรษะข้าพเจ้า หลักธรรมเหล่านี้ ฐานะปุโรหิตและอำนาจนี้ เป็นของสมัยการประทานอันยิ่งใหญ่และสุดท้ายนี้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ทรงลงพระหัตถ์สถาปนาบนแผ่นดินโลก บัดนี้’ ท่านกล่าวกับอัครสาวกสิบสอง ‘ข้าพเจ้าได้ผนึกกุญแจทุกอย่าง พลังอำนาจทุกอย่าง และหลักธรรมทุกอย่างซึ่งพระเจ้าทรงผนึกไว้บนศีรษะข้าพเจ้าไว้บนศีรษะพวกท่าน’ …

“หลังจากปราศรัยกับเราในทำนองนี้ ท่านกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าบอกพวกท่านว่าบัดนี้ภาระของอาณาจักรนี้อยู่บนบ่าพวกท่านแล้ว ท่านต้องแบกภาระนี้ไปทุกหนแห่งในโลก ’” (อ้างอิงใน คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 572)

การอ้างสิทธิ์ของซิดนีย์ ริกดัน

ซิดนีย์ ริกดัน ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุด มาจากเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนียถึงเมืองนอวูวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 1844 เขาเรียกประชุมพิเศษซึ่งจะจัดในวันอังคารที่ 6 สิงหาคม เพื่อให้สมาชิกศาสนจักรได้เลือกผู้ปกครองศาสนจักร ดูเหมือนซิดนีย์ ริกดันพยายามจัดการประชุมครั้งนี้เพื่อให้สมาชิกศาสนจักรรับรองตำแหน่งของเขาในฐานะผู้ปกครองศาสนจักรก่อนอัครสาวกทั้งสิบสองคนจะกลับจากงานเผยแผ่ทางภาคตะวันออกของสหรัฐ โชคดีที่เอ็ลเดอร์วิลลาร์ด ริชาร์ดส์และเอ็ลเดอร์พาร์ลีย์ พี. แพรท์พยายามให้เลื่อนการประชุมเป็นวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1844 ซึ่งอัครสาวกส่วนใหญ่กลับมาถึงนอวูพอดี

ซิดนีย์ริกดันอ้างว่าเพราะเขาได้รับการเรียกและการวางมือแต่งตั้งเป็นกระบอกเสียงของโจเซฟ สมิธมาก่อนแล้ว (ดู คพ. 100:9) ความรับผิดชอบของเขาคือ “ดูว่ามีการปกครองศาสนจักรในรูปแบบที่ถูกต้อง” (ใน History of the Church, 7:229)

การอ้างสิทธิ์ของเจมส์ สแตรงก์

หลังจากมรณกรรมของโจเซฟ สมิธ เจมส์ สแตรงก์ผู้รับบัพติศมาในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1844 อ้างว่าได้รับจดหมายจากโจเซฟ สมิธระบุว่าโจเซฟได้แต่งตั้งสแตรงก์เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง จดหมายนั้นเป็นจดหมายปลอม แต่ดูเหมือนจะมีลายเซ็นของโจเซฟ สมิธด้วย และหลอกสมาชิกศาสนจักรบางคนเมื่อสแตรงก์นำจดหมายมาให้ดู สแตรงก์บอกด้วยว่าเทพมาเยือนเขาและมอบกุญแจให้เขา

7 สิงหาคม ปี 1844

เอ็ลเดอร์จอห์น เทย์เลอร์ เอ็ลเดอร์วิลลาร์ด ริชาร์ดส์ เอ็ลเดอร์พาร์ลีย์ พี. แพรทท์ และเอ็ลเดอร์จอร์จ เอ. สมิธอยู่ในนอวูแล้วเมื่อซิดนีย์ ริกดันมาถึง อัครสาวกที่เหลือส่วนใหญ่ รวมทั้งบริคัม ยังก์ กลับถึงนอวูในเย็นวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1844 วันรุ่งขึ้น 7 สิงหาคม อัครสาวกประชุมสภาที่บ้านของจอห์น เทย์เลอร์ บ่ายคล้อยวันนั้น อัครสาวกสิบสอง สภาสูง และมหาปุโรหิตประชุมกัน ประธานยังก์ขอให้ซิดนีย์ ริกดันแจ้งข่าวสารของเขาต่อวิสุทธิชน ซิดนีย์ ริกดันประกาศอย่างกล้าหาญว่าเขาเห็นนิมิต และไม่มีใครจะสืบทอดตำแหน่งประธานศาสนจักรต่อจากโจเซฟ สมิธได้ ต่อจากนั้นเขาเสนอให้แต่งตั้งตนเป็นผู้ปกครองผู้คน

หลังจากซิดนีย์ ริกดันพูดจบ บริคัม ยังก์ (1801–1877) กล่าวว่า

ประธานบริคัม ยังก์

“ข้าพเจ้าไม่สนใจว่าใครนำศาสนจักร … แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าต้องรู้ และนั่นคือพระผู้เป็นเจ้าตรัสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าพเจ้ามีกุญแจและวิธีได้รับพระดำริของพระผู้เป็นเจ้าในเรื่องดังกล่าว …

“โจเซฟประสาทกุญแจและอำนาจทั้งหมดที่เป็นของอัครสาวกซึ่งตัวท่านถือก่อนจะทรงนำท่านไปไว้บนศีรษะข้าพเจ้า และไม่มีใครหรือคนกลุ่มใดจะมาคั่นกลางระหว่างโจเซฟกับอัครสาวกสิบสองในโลกนี้หรือในโลกที่จะมาถึงได้

“โจเซฟกล่าวกับอัครสาวกสิบสองบ่อยมากว่า ‘ข้าพเจ้าได้วางรากฐานและท่านต้องสร้างบนนั้น เพราะอาณาจักรวางอยู่บนบ่าพวกท่าน’” (ใน History of the Church, 7:230)

8 สิงหาคม 1844 10:00 น.

วันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1844 วิสุทธิชนในนอวูมารวมกันเวลา 10:00 น.เพื่อฟังซิดนีย์ ริกดันอ้างตนเป็นผู้ปกครองศาสนจักร เขาพูดกับวิสุทธิชนหลายพันคนที่มาชุมนุมกันนานหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยอธิบายเหตุที่เขาควรเป็นผู้ปกครองศาสนจักร หลายคนบอกว่าสุนทรพจน์ครั้งนี้ไม่สร้างแรงบันดาลใจ

ประธานบริคัม ยังก์พูดสั้นๆ และบอกว่าท่านกลับมานอวูเพราะอยากไว้อาลัยท่านศาสดาพยากรณ์ไม่ใช่มาแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ ท่านประกาศว่าการชุมนุมของผู้นำและสมาชิกจะจัดตอนบ่ายของวันนั้นเวลา 14:00 น. สมาชิกหลายคนของศาสนจักรเป็นพยานในเวลาต่อมาว่าเมื่อบริคัม ยังก์พูด พวกเขาเห็นรูปลักษณะของท่านเปลี่ยนไปและได้ยินเสียงของท่านเปลี่ยน ท่านรับเอารูปลักษณะและเสียงของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

เอมิลี สมิธ ฮอยต์จำได้ว่า “ลักษณะการให้เหตุผล การแสดงสีหน้า และน้ำเสียงทำให้จิตวิญญาณดิฉันรู้สึกพอใจ … ดิฉันรู้ว่าโจเซฟสิ้นชีวิตแล้ว แต่ดิฉันตะลึงงันบ่อยครั้งและมองยกพื้นโดยไม่ตั้งใจเพื่อดูว่านั่นใช่โจเซฟหรือไม่ ไม่ใช่ แต่เป็นบริคัม ยังก์” (อ้างใน ลินน์ วัทคินส์ จอร์เกนเซ็น, “The Mantle of the Prophet Joseph Passes to Brother Brigham: A Collective Spiritual Witness,BYU Studies, vol. 36, no. 4 [1996–97], 142)

วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์เขียนว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่เคยเห็นท่านด้วยตาตนเอง คงไม่มีใครทำให้ข้าพเจ้าเชื่อได้ว่านั่นไม่ใช่โจเซฟ สมิธ และคนที่คุ้นเคยกับชายสองคนนี้สามารถเป็นพยานในเรื่องนี้ได้” (ใน History of the Church, 7:236)

8 สิงหาคม ปี1844 14:00 น.

เวลา 14:00 น. วิสุทธิชนหลายพันคนมาร่วมการประชุมที่พวกเขารู้ว่าจะเป็นการประชุมครั้งสำคัญ บริคัม ยังก์พูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับซิดนีย์ ริกดันผู้เสนอตัวเป็นผู้ปกครองและความเหินห่างของเขากับโจเซฟ สมิธในช่วงสองปีก่อนหน้านั้นและกล่าวต่อจากนั้นว่า

“ถ้าผู้คนต้องการให้ประธานริกดันนำพวกเขา พวกเขาทำได้ แต่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่านว่าโควรัมอัครสาวกสิบสองมีกุญแจของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าในโลก

“อัครสาวกสิบสองได้รับแต่งตั้งโดยนิ้วพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า นี่คือบริคัม เข่าของเขาเคยกะปลกกะเปลี้ยไหม ริมฝีปากของเขาสั่นระริกหรือไม่ นี่คือฮีเบอร์ [ซี. คิมบัลล์] และอัครสาวกสิบสองที่เหลือ กลุ่มคนอิสระที่มีกุญแจของฐานะปุโรหิต—กุญแจของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าที่จะมอบให้ชาวโลก นี่คือความจริง ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด พวกท่านอยู่ถัดจากโจเซฟ และเป็นฝ่ายประธานสูงสุดของศาสนจักร” (ใน History of the Church, 7:233)

วิสุทธิชนจำนวนมากแสดงความเห็นว่าบริคัม ยังก์มองดูคล้ายและเสียงคล้ายโจเซฟ สมิธขณะที่ท่านพูดบ่ายวันนั้น นอกจากปาฏิหาริย์ครั้งนี้แล้ว วิสุทธิชนหลายคนรู้สึกเช่นกันว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานต่อพวกเขาว่าบริคัม ยังก์และโควรัมอัครสาวกสิบสองได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าให้นำศาสนจักร ตอนท้ายการประชุมนี้ วิสุทธิชนในนอวูออกเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์สนับสนุนโควรัมอัครสาวกสิบสอง โดยมีบริคัม ยังก์เป็นหัวหน้าพวกเขาเพื่อนำศาสนจักร อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าสมาชิกทุกคนของศาสนจักรจะเลือกทำตามอัครสาวก บางคนเลือกทำตามคนอื่นๆ อาทิ ซิดนีย์ ริกดัน และเจมส์ สแตรงก์ผู้ก่อตั้งนิกายของตนเอง