คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 14 : รักที่ม้าน


บทที่ 14

รักที่ม้าน

บิดามารดาจะเสริมสร้างสายใยแห่งความรักระ’หว่างตนเองกับลูกๆ ได้อย่างไร?

บทนำ

“ครอบครัวสำคัญทีสุดในการแสวงหาความสูงส่งในอาณาจักรของพระบิดาบน สวรรค์ของเรา” ประธานฮาโรลค์ บิ. ลีสอน1 โดยมีจุดประสงค์อันสูงส่งนี้อยู่ในใจ ท่านจึงมักจะพูดถึงความสำคัญของความรักในการเสริมสร้างสายสัมพันธ์ของครอบดรัว ท่านขอให้บิดามารดาและลูก ๆ ใซ่วิญญาณแห่งภารกิจของอัใลจะกับสมาซิกใน ครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่และหันใจเขามาหากันในความรัก ท่านกล่าวว่า

“ท่านคงจำบางสิงที่ท่านประยุกตํใช้เฉพาะกับงานพระวิหารได้ นั่นคือภารกิจของ ศาสดาอิไลจะซึ่งมาลาคืกล่าวไว้ และกล่าวยํ้าในการเปีดเผยยุคปัจจุบันดังนี้ ‘ดูเถิด ข้าพเจ้าจะเขดเผยฐานะปุโรหิตกับท่านโดยมือของอิไลจะศาสดา ก่อนการมาของวัน อันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวของพระเจ้า และท่านจะปลูกสัญญาที่ท่ากับบรรพบุรุษ ไวิในใจของลูกหลาน และใจของลูกหลานจะหันไปหาบรรพบุรุษของเขา หากไม่เป็น เซ่นนั่น นั่งแผ่นดินโลกจะสูญเลียสิน ณ การเสด็จมาของพระองค์’ (ค.พ. 2:1-3)

“ไม่เป็นที่สงสัยว่าบิจจุบันนี้พระคัมภีร์มีความหมายมากขึ้น หากใจของลูกไม่หัน ไปหาบิดามารดาของเขา และใจของบิดามารดาไม่หันไปหาลูกในวันนี้ ในชีวิตมตะ แผ่นดินโลกจะสูญเลียสิน ณ การเสด็จมาของพระองค์ไม่เคยมีเวลาใดเป็นที่ด้องการ มากเท่ากับเวลานี้ในบ้านของสิทธิซนยุคสุดท้ายและทั่วโลก โรคส่วนใหญ่ที่ทำให้ เยาวชนในยุคปัจจุบันทุกข์ทรมานคือ โรคอันเกิดจากความแตกร้าวในบ้าน ใจของ บิดาต้องหันไปหาลูก และลูกต้องหันไปหาบิดา หากต้องการใหํโลกนี้รอดและผู้คน พร้อมรับการเสด็จมาของพระเจ้า”2

family playing with Legos

คำสอนของฮาโรลด์ บี. ลี

เราจะทำให้บ้านของเรามีความรักและความสุขมากขึ้นได้อย่างไร?

นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้ากับเจ้าหน้าที่ซั้นผู่ใหญ่ท่านอื่นได้มีโอกาสไปเยี่ยม เยียนบ้านที่ดีที่สุดของผู้คนของเราเป็นประจำ และจากการเยี่ยมเยียนเหล่านั้น ข้าพเจ้า ด้นพบองค์ประกอบบางอย่างที่เสริมสร้างความเป็นปีกแผ่นและความสุขในบ้าน…

ข้าพเจ้าเห็นครอบครัวเหล่านี้แสดงความเคารพต่อกัน บิดาเคารพมารดา และ แสดงความรักต่อเธอ มารดาเคารพบิดา ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง อย่างน้อยที่สุดก็ ไม่ทะเลาะกันต่อหน้าลูก และพูดจากันด้วยเหตุผลเพื่อปรับความเข้าใจ—ข้าพเจ้าเห็น บ้านดังกล่าวหลังหนึ่ง บ้านนี้มีลูกที่น่ารักเก้าคน ลูกๆ ต่างแสดงประจักษ์พยานถึง ความจริงที่ว่าเขาไม่เคยได้ยินพ่อแม่ทะเลาะกันเลย ผลก็คือ สิงที่ตามมาหลังจากช่วง เวลาของการอบรมสั่งสอนและตัวอย่างที่คืของพ่อแม่ เวลานี้ บ้านเก้าหลังของลูก ๆ มี ครอบครัวที่น่ารักและมั่นคงอีกเก้าครอบครัวอยู่รวมกันอย่างมีความสุข…

การรักษาความสัมพันธ์ทางวิญญาณ การสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว การเอาใจใส่ หน้าที่ในศาสนาจักรอยู่เสมอ ทั้งหมดนี้คือสิงที่ช่วยให้ครอบครัวเหล่านี้ประสบความ สำเร็จ3

บิดาท่านหนึ่งมาพบข้าพเจ้าเมื่อหลายปีก่อน เขาปวดร้าวกับความจริงที่ว่า สมาชิก ทุกคนในครอบครัวของเขา-ลูกทุกคนของเขา-มีป้ญหาในครอบครัวของตนเอง เวลานี้ทุกคนแต่งงานแล้ว เขาพูดกับข้าพเจ้าด้วยความเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งว่า “จริง ๆ แล้ว อะไรกันแน่ที่เป็นป๋ญหาในครอบครัวของผมซึ่งส่งผลให้ลูก ๆ ประสบความยาก ลำบากอยู่ในเวลานี้? ไผ่มีสักคนเดียวที่สุฃสมหวังในเรื่องครอบครัว” ข้าพเจ้าไม่ได้ พูดอะไร แต่เคยมองเข้าไปในบ้านของขายผู้นี้เมื่อลูก ๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานนั่งอยู่รอบ โต๊ะ ข้าพเจ้ามองเห็นความเห็นแก่ตัว ไม่ยอมเสียสละเพื่อความผาสุกของกันและกัน ข้าพเจ้าเห็นการแก่งแย่ง การร้องตะโกนใส่หน้า ด่าทอ ต่อสู้ และทุ่มเกียงกัน ข้าพเจ้า ทราบว่าพวกเขาได้รับอะไรในวัยเยาว์ ข้าพเจ้าไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาไม่มีดรอบครัว ที่เป็นสุข4

ความสุขเกิดจากการรับใข้ที่ไม่เห็นแก่ตัว บ้านที่มีความสุขคือบ้านที่มีแต่การเสีย สละทุกวันเพื่อความสุขของกันและกัน5

ความรักของพระผู้เป็นเจ้าใช่ว่าแก่ขอก็ได้มาง่าย ๆ ยอห้นกล่าวไว้ว่า “ล้าผู้Iดว่า ข้าพเจ้ารักพระเจ้า และใจยังเกลียดชังพื่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา เพราะว่า ผู้ที่ไต่รักพื่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระ เจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้” (1 ยอห้น 4:20) ทำนจะรักพระผู้เป็นเจ้าแต่จงเกลียดจงซังพี่น้องกับคนที่ท่านคบหาไม่ได้ ชาย ใดที่คิดว่าเขาเป็นยักษํใหม่ทางวิญญาณ แต่บ้านของเขาไม่มีระเบียบอันเนื่องจาก การละเลยไม่ดูแลภรรยาและลูก ๆ ของตนเอง ถือว่าซายคนนั้นไม่ได้อยู่ในแนวทาง ของการปลูกฝืงความรักในพระผู้เป็นเจ้า6

ขอให้เราอย่าลืมคำเตือนอันหลักแหลมของเปาโลเมื่อท่านกล่าวว่าจง “ยืนยัน” ความรักของเราต่อคนรอบข้างโดยเฉพาะต่อคนที่จมอยู่ในกองทุกข์(ดู 2โครินฮ์2: 7-8) เปโดรกล่าวไว้คล้าย ๆ กันนื่ใน 1 เปโดร บทที่หนึ่ง เพี่อเตือนสมาชิกว่า อย่า เพียงแต่แสดง “รัก…อย่างจริงใจ” เท่านั้น แต่ “จงรักกันให้มากด้วยนั้าใสใจจริง” (1 เปโดร 1:22) ในอาณาจักร ความสามารถของเราที่จะรักเป็นสิงสำคัญยิ่งเพราะ เราอยู่ในยุคสมัยที่ “ความรักของมนุษย์จะชาเย็นขึ้น” (ค.พ. 45:27)7

จงเสริมสริางสายสัมพันธ์ของครอบครัวและเอาใจใส่ลูกของท่าน…จงแน่ใจว่า ใน ยุคที่ยุ่งยากและสับสนวุ่นวายนี้ ท่านได้ทำให้บ้านเป็นที่ปกป้องผองภัยซึ่งลูกจะหันมา พึ่งพิงได้ไนยามที่เขาต้องการ แล้วเมื่อนั้นความรักจะเบ่งบานและความปีติยินดีจะ เปียมล้น8

บิดามารดาจะแสดงความรักต่อลูก ๆ มากขึ้นได้อย่างไร?

ข้าพเจ้ามีประสบการณ์หนึ่งที่สอนบางสิงแก่ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นคุณตา คืนนั้น [ศาสนาจักร] จัดเทศกาลเต้นรำที่สนามกีฬา ลูกขายคนโตสองคนของลูกสาวข้าพเจ้า… กำลังทำให้เธอหัวบีน อย่างที่เธอเรียกมันเซ่นนั้น ข้าพเจ้าจึงพูดขึ้นว่า “ลูกจะว่า อย่างไร ล้าพ่อจะพาเด็กสองคนนึ่ใปเทศกาลเต้นรำที่สนามกีฬา”

เธอตอบว่า “คุณพ่อขา ล้าคุณพ่อทำอย่างนั้น หนูจะมีความสุขมากเลยค่ะ”

ข้าพเจ้าหารูไม่ว่าตนเองกำลังตกที่นั่งลำบาก…ขณะที่การแสดงเริ่มขึ้น ข้าพเจ้าไม่ ทราบมาก่อนว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างเด็กวัยเจ็ดขวบกับเด็กวัยห้าขวบ การแสดงดังกล่าวท่าให้เด็กวัยเจ็ดขวบลงไปที่สนามฟุตบอล แต่เด็กวัยห้าขวบมีช่วง ความสนใจสั้นมาก เขาดิ้นไปมา จากนั้นก็อยากจะออกไปซื้อไล้กรอกข้างนอก อยาก จะไปดื่มนํ้า แล้วก็ไปห้องนํ้า เขาไม่อยู่นึ่งเลย ข้าพเจ้านั่งอยู่ด้านหน้ากับเจ้าหน้าที่ชั้น ผู่ใหญ่ ท่านเหล่านั้นกำลังยิ้มขณะมองดูเด็กน้อยคนนี้แสดงพฤติกรรมบางอย่างและ ขณะที่ข้าพเจ้าพยายามยื้อยุดตัวหลานชายให้อยู่นึ่ง ๆ ในที่สุด เด็กขายวัยห้าขวบก็ หันมาที่ข้าพเจ้า เขากำหมัดแน่นและซกมาที่แก้มข้าพเจ้าพร้อมกับพูดว่า “คุณตา อย่าจับผมแรงอย่างนี้ชิครับ!” ท่านคงรู่ว่า การท่าเซ่นนั้นท่าให้ข้าพเจ้าเจ็บ ในยาม โพล้เพล้เซ่นนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าตนเองเห็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงกำลังแอบยิ้มเมื่อเห็นสิงที่ เกิดขึ้น ตอนแรกข้าพเจ้าอยากจะจับตัวหลานมาตีให้สาสมกับสิงที่เขาท่าลงไป แต่ ข้าพเจ้าเคยเห็นบางสิงที่มารดาของเด็กน้อยผู้นี้ทำ ข้าพเจ้าเคยเห็นเธอเมื่อลูกของเธอ กำลังอารมณ์เสียและเธอถือคติว่า “ท่านต้องรักลูกของท่านในยามที่เขาแทบจะไม่น่า รักเลย” และด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคิดจะลองดู เพราะข้าพเจ้าท่าวิธีอื่นมาแล้วแต่ไม่ไต้ ผล

ข้าพเจ้าจึงโอบกอดเขาพลางพูดว่า “หลานตา ตารักหนูนะ ตาอยากให้หนูโตขึ้น เป็นคนดี ตาเพียงแต่อยากให้หนูรู้ว่าตารักหนู” เด็กน้อยที่กำลังโกรธเกรี้ยวเริ่ม [อา-รมณ์ดีขึ้น] เขาเอาแขนโอบรอบคอข้าพเจ้าและหอมแก้มข้าพเจ้า เขารักข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเอาชนะเขาด้วยความรัก และเขาก็เอาชนะข้าพเจ้าด้วยความรักเช่นก้น9

มารดาที่ประสบความสำเร็จของลูกชายและลูกสาวจะบอกท่านว่าวัยรุ่นต้องการ ความรักและจงรักเขาให้มากที่สุดในยามที่เขาแทบจะไม่น่ารักเลย จงคิดถึงเรื่องนี้ บิดาและมารดาทั้งหลาย10

ข้าพเจ้าคิดถึงเหตุการณ์ในครอบครัวของตนเองเมื่อหลานสาวคนหนึ่งของข้าพ- เจ้าถูกพ่อของเธอตำหนิที่ไม่ดูแลห้องหับชองตนเอง ไม่ยอมจัดเตียงให้เรียบร้อย ฯลฯ จากทั้นเธอก็พูดด้วยความรู้สิกที่น่าเห็นใจยิ่งว่า “คุณพ่อขา ทำไมคุณพ่อคอย จ้องแต่จะตำหนิหนู แต่ไม่เคยมองสิงดีๆ ที่หนูทำเลย” คำพูดนี้ทำให้ผู้เป็นพ่อได้คิด ในคืนทั้น เขาสอดจดหมายแสดงความรักและความเข้าใจไวํใด้หมอนของเธอ โดย เขียนทุกสิงที่เขาชื่นซมเธอลงไปในนั้น และนี่เป็นการเริ่มด้นประสานความเจ็บปวด ซึ่งแฝงเร้นอยู่ในการตำหนิอย่างไม่หยุดหย่อนของเขาโดยไม่มองหาสิงดี ๆ เลย11

ข้าพเจ้าจำประสบการณ์ในวัยเด็กได้ หมูของเราเข้าไปย่่าในสวน ท่าให้ฟาร์มได้รับ ความเสียหายมาก คุณพ่อใช้ข้าพเจ้าไปซื้ออุปกรณ์อย่างหนึ่งจากร้านค้าห่างออกไป ประมาณสามกิโลเมตรเพื่อเอามาเจาะรูใส่ห่วงจมูกหมู เราเสียเวลาตั้งนานกว่าจะไล่ ค้อนมันเข้าคอกได้ และขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเล่นอุปกรณ์ที่ตนเองเป็นคนไปซื้อมา ข้าพเจ้ากดแรงเกินไปท่าให้มันหัก แทนที่คุณพ่อจะดุว่าข้าพเจ้าที่ให้เสียเงินเสียทอง และเสียแรงไปตั้งมากมาย ท่านได้แต่มองข้าพเจ้า ยิ้มพลางพูดว่า “ลูกพ่อ พ่อคิดว่า เราคงใส่ห่วงจมูกหมูวันนี่ไม่ได้หรอกลูก ปล่อยมันไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เราค่อยลอง ใหม่” ข้าพเจ้ารักพ่อเช่นนี้มากเหลือเกิน ท่านไม่ได้ดุว่าข้าพเจ้าสำหรับความผิดพลาด เล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ประสีประสาซึ่งอาจจะท่าให้เกิดความร้าวฉานระหว่างเราสองคนก็ เป็นได้12

บิดาอาจจะว่ากล่าวตักเตือนลูก แต่อย่าท่าด้วยความโกรธ เขาต้องแสดงความรัก เพิ่มขึ้นหลังจากนั้น เกลือกคนที่ถูกว่ากล่าวจะถือว่าเขาเป็นศัตรู (ดู ค.พ. 121:43) พระเจ้ามิทรงประสงคํให้ลูกรู้สีกว่าพ่อแม่เป็นศัตรูของเขา13

บิดามารดาทั้งหลาย จงจำไว้ว่าเวลานี้เป็นโอกาสของท่าน ท่านอาจจะรู้สิกกลัดกลุ้ม เมื่อต้องพยายามอยู่ตลอดเวลาเพื่อเอาชนะลูกที่ยากจะควบคุมได้ แต่ท่านกำลังอยู่ ในช่วงปีทองและเป็นช่วงเวลาที่มีความสุฃที่สุดในชีวิตของท่าน เมื่อท่านพาลูกเข้า นอนตอนกลางคืน จงอ่อนโยนต่อเขา ขอให้ลูกไต่ยินเสียงที่อ่อนโยนท่ามกลางเสียง กราดเกรี้ยวน่ารำคาญที่เขาจะไต้ยินตลอดชีวิต ขอให้มีสมอที่เด็กเล็กๆ เหล่านี้จะหัน มาพึ่งพิงไต้เมื่อไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร พระเจ้าจะทรงช่วยท่านให้ท่าเช่นนั้น14

แพทย์คนหนึ่งมาพบข้าพเจ้า เขาเป็นศัลยแพทย์ต้านสมอง…ลูกเล็ก ๆ [ของเขา] ซื้อเลื่อนให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแต่ไม่มีหิมะ หิมะตกคเงแรกหลังจากคริสต์มาส ปีนั้นผ่านไปไต้ประมาณสามสิบวัน [แพทย์คนนี้] พูดขณะริบไปโรงพยาบาลว่า “พอ พ่อกลับมาเราจะไปขี่เลื่อนหิมะกันนะลูก” ลูกขายตอบว่า “พ่อไม่ไปหรอกเพราะพ่อ ไม่มีเวลาให้ผม” ตลอดเข้าวันนั้น คำพูดดังกล่าวตามประสาเด็กรบกวนจิตใจเขามาก เพราะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับงานอาชีพจนไม่มีเวลาให้กับลูก เล็กๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถามคำถามด้วยความไม่สบายใจว่า “ท่านบอกผมหน่อยไต้ ไหมครับว่าผมจะทำให้ชีวิตสมดุลไต้อย่างไร? เนื่องด้วยฟ้จจุบันนี้การผ่าดัดสมอง ก้าวหน้าเร็วเหลือเกิน ผมจึงต้องก้มหน้าก้มตาอ่านข้อมูลใหม่ทุกอย่างเกี่ยวกับอาชีพ ของผมและไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย” ขณะที่เราคุยกัน เราสรุปว่าชายคนหนึ่งต้องรับผิด ชอบตัวเอง เขาต้องรับผิดชอบครอบครัว เขามีความรับผิดชอบในศาสนาจักร และ เขามีความรับผิดชอบในงานอาชีพและเพื่อใหํชีวิตสมดุลเขาจึงต้องพยายามหาวิธีที่จะ ให้การรับใข้ไนแต่ละต้านเหล่านี้15

หากพ่อรักลูกชายอย่างสุดซึ้ง และอุ้มลูกไว่ในอ้อมแขนแห่งความรักของเขาตั้งแต่ ยังแบเบาะ อีกทั้งท่าให้ลูกรู้สีกถึงความอบอุ่นจากความรักใคร่เอ็นดูของเขา ข้าพเจ้า เชื่อว่าความสนิทสนมเช่นนั้นจะสุกงอมพร้อมกับความเป็นผู้ใหญ่และท่าให้ทั้งสอง ใกลํซดกันเมื่อภาวะวิกฤตในชีวิตลูกเรียกร้องมืออ้นมั่นคงของบิดาที่เข้าใจ มารดาที่ ตั้งตาคอยลูกสาวกลับจากงานเต้นรำกลางดึกเพื่อรับจูบลาก่อนนอน พร้อมด้วยความ ไว้เนื้อเชื่อใจที่ปรากฏซัดในความสุขสูงสุดของวัยสาว จะไต้รับผลตอบแทนอย่างคุ้ม ค่าด้วยความรักไม่รู้จบของลูกสาวซึ่งจะเป็นเครื่องปีองกันบาปไปชั่วนิรันดรเพราะ มารดาไวิใจเธอ

บิดามารดาที่มีงานยุ่งเกินไปหรือเหนื่อยเกินไปจนรู้สีกรำคาญการก่อกวนที่บริสุทธ ไร้เดียงสาของลูก ถึงกับผลักลูกให้ถอยห่างหรือให้ออกไปนอกบ้านทั้งนี้เพื่อจะไต่ไม่ ก่อกวนความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านช่อง อาจกำลังซับไสไล่ส่งลูกออกไปสู่ สังคมที่ส่งเสริมบาป อาชญากรรม และพฤติการณ์ที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเนื่องด้วยความ ว้าเหว่ การทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์อะไรต่อบิดา เขามีค่าควรต่ออาณาจักรชั้นสูง หรือหากเขาสูญเสียบุตรหรือธิดาในบาปอันเนื่องจากการละเลยของเขา? สังคมหรือ องค์กรการกุศลทุกอย่างในโลก ไม่ว่าจะทางสังคมหรือศาสนา จะไม่ซดเชยให้กับ มารดา สำหรับจิตวิญญาณที่สูญเสียไปในบ้านของเธอขณะที่เธอพยายามช่วยมนุษยชาติหรือกิจการงานนอกบ้าน ไม่ว่าจะมีค่าแค่ไหนก็ตาม16

ข้าพเจ้าแนะนำทุกท่านที่นื่อยู่บ่อยๆ และข้าพเจ้าจะยํ้ากับท่านอีกคเJ “งานสำคัญ ที่สุดของพระเจ้าที่ท่านจะทำตลอดไปอยู่ภายในรั้วบ้านของท่านนั่นเอง” เราต้องไม่ลืม สิงนี้เป็นอันขาด17

ความรักและการสอนพระกิตติคุณของบิดามารดา มีอิทธิพลอะไรต่อลูกที่หลงผิด?

วันหนึ่งสามีภรรยาคู่หนึ่งมาพบข้าพเจ้าด้วยความร้สิกไม่สบายใจ ทั้งสองคนมีลูก สาววัยสิบหกปี เธอเป็นลูกคนโตของครอบคทัและกำลังสร้างความทุกขใจเป็นอย่าง ยิ่ง สองสามีภรรยาจวนจะหมดหวังอยู่แล้ว ข้าพเจ้าล้างสิงที่บทเดอร้มาร่วน เจ. แอช-ดนกล่าว คือ ครอบครัวจะไม่ล้มเหลวตราบที่ยังไม่หมดหวัง (see Conference Report, April 1971, p. 15) นั่นเป็นความจริง ครอบครัวต้องแสดงความรักและ ท่างานกับ [เยาวชน] ต่อไป จนกว่าเราจะช่วยให้เยาวชนผ่านพ้นวัยล้นตทยของเขา ไม่มีครอบครัวใดล้มเหลวหากไม่เลิกล้มความพยายาม18

การกระทำอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ ตามที่เราเห็นในทุกวันนี้คือการไก่จิตวิญญาณมนุษย์จากความมีดทางวิญญาณสู่ความ สว่างทางวิญญาณ ข้าพเจ้าเห็นและไดํยนการอัศจรรย์ดังกล่าวไม่นานมานี้เมื่อชายคน หนึ่งซึ่งชีวิตของเขาไม่อาจจะเยียวยาไต้ และตอนนี้ก็ล่วงเลยเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ซายผู้นี้ขอเป็นผู้พูดในพิธีศพของมารดาสูงอายุของเขา พ่อแม่ที่เชื่อพิงคำแนะนำของ พระเจ้าพรํ๋าสอนลูกตลอดมา รวมทั้งลูกชายคนนี้ด้วย แต่เขาเองกลับต่อต้านความ เพิยรพยายามของพ่อแม่อย่างรุนแรงและหยาบคาย พ่อยังคงทำหน้าที่ของบิดาที่ ชื่อสัตย์ ต่อไปแม้ว่าลูกคนนี้จะดื้อดึง เขาไม่เพียงแก่สอนเท่านั่น แต่ทุกวันอาทิตย์จะ อดอาหาร และสวดอ้อนวอน โดยเฉพาะเพื่อลูกชายที่ดื้อรั้นคนนี้ ผู้เป็นพ่อฝืน คล้าย กับจะทำให้เขานั่นใจขึ้นว่าลูกชายที่ยากจะควบคุมไต้คนนี้กำลังเดินอยู่ท่ามกลาง หมอกหนาทึบ ในฝืนนั่นเขาเห็นลูกชายเดินออกจากหมอกมาสู่แสงอาทิตย์อันเจิดจ้า ไต้รับการชำระให้สะอาดโดยการกลับใจอย่างแท้จริง เราเห็นว่าเวลานี้เด็กคนนั่น เปลี่ยนไป เขาไต้รับพรพิเศษสุดบางอย่างจากพระเจ้าในศาสนาจักรเพทะบิดามารดา ที่ชื่อสัตย์ผู่ไม่สินหวังในตัวเขา19

ตอนนี้ ข้าพเจ้าอยากจะพูดกับท่านที่เป็นมารดา: อย่าหมดหวังในตัวลูกชายหรือ ลูกสาวที่ [ดื้อรั้น] สักวันหนึ่งเขาอาจจะกลับบ้านเหมือนบุตรที่หายไป ดั่งเรือท่ามกลาง พายุกลับคืนสู่ท่าเรือที่ปลอดภัย20

เมื่อเป็นเยาวชน เขาอาจจะแยกตัวออกจากอิทธิพลของครอบครัวที่ดี เขาอาจจะ ไม่เอาใจใส่และดื้อรั้น แต่หากคำสอนของมารดาที่คืฝืงลึกอยู่ในใจเขาดั่งแต่เด็ก เขาจะ กลับมาหาความปลอดภัย ดั่งเรือที่เผชิญพายุร้ายได้กลับมาทอดสมอในที่ปลอดภัย21

อย่าหมดหวังในตัวลูกชายหรือลูกสาวที่ตกอยู่ในสภาพอันสุดจะทนไหวของ [การ เอาตัวเองเป็นที่ดั่ง] ซึ่งวัยรุ่นบางคนก็เป็นเซ่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องท่านแทนชายหนุ่ม หญิงสาวเหล่านี้ อย่าหมดหวังในตัวลูกชายหรือลูกสาวที่ยังพึ่งพาตัวเองไม่ได้ และไม่ เอาใจใส่ระเบียบวินัยของครอบครัว อย่าหมดหวังในตัวเขาหรือเธอเมื่อเขาแสดง พฤติกรรมอันน่าอัปยศอดสูยิ่งของการไม่รับผิดชอบ บุคคลที่มั่นใจตนเองมากเกิน ไปและถือว่าตนรู้ทุกอย่างจะไม่ต้องการคำแนะน่าชองใคร สำหรับเขาแล้ว คำแนะน่า นี้เป็นแก่คำเทศนาของคนโบราณครํ๋าครึที่ไม่เข้าใจคนหนุ่มสาว…

เรามีหลานซายคนหนึ่งเป็นผู้สอนศาสนาในคณะเผยแผ่นอร์ทบริติซ เขาอยู่ที่มั่นได้ ไม่นานก็เขียนจดหมายที่น่าสนใจฉบับหนึ่งกลับมา ในจดหมายนั้นกล่าวว่าตอนนี้คำ แนะน่าชองพ่อแม่ปรากฏซัดในความทรงจำของเขา เหมือนหนังสือที่อยู่บนหิ้งนาน สิบเก้าปีและเขาเพิ่งหยิบลงมาอ่านเป็นครั้งแรก มั่นคือลูกชายของท่านและลูกสาว ของท่าน ท่านอาจจะคิดว่าเขาไม่ได้ฟังท่าน เขาอาจจะคิดว่าเขาไม่ได้ฟัง แต่คงมีลัก ครั้งที่คำแนะน่าและตัวอย่างของท่านอาจเป็นเหมือนหนังสือที่เขาจะหยิบมาอ่านอีก ครั้งในยามที่เขาต้องการมากที่สุด

มีพลังที่เริ่มบังเกิดบทบาทหลังจากบิดามารดาพากเพียรจนสุดความสามารถเพื่อ สอนลูกของตน พลังตังกล่าวส่งผลต่อแอลมาผู้บุดร กับพวกบุตรของโมไชยา ผู้ซึ่ง เริ่มทำลายงานของบิดาที่ประเสริฐของพวกเขา ท่านคงจำได้ เทพองค์หนึ่งถูกล่งมา และท่านทำให้แอลมาล้มลงกับพื้น แอลมานอนอยู่เป็นเวลาสามวันกับสามคืนราวกับ ตายแล้ว และเทพกล่าวว่า

“ดูเถิด พระเจ้าทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนชองผู้คนของพระองค์ และคำสวดอ้อน วอนของผู้รับใข้ฃองพระองค์ แอลมาผู้เปีนบิดาของท่านด้วย เพราะท่านสวดอ้อนวอน ด้วยศรัทธามากเกี่ยวกับท่าน เพื่อท่านจะได้ถูกน่ามาสู่ความรู้เรื่องความจริง ฉะนั้น เพื่อจุดประสงค์นี้ ข้าพเจ้าจึงมาทำให้ท่านตระหนักถึงพลังและอำนาจของพระผู้เป็น เจ้า เพื่อคำสวดอ้อนวอนของผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับตอบตามศรัทธาของพวก เขา” (โมไซยา 27:14)22

บางทีอาจจะไม่มีมารดาหรือบิดาคนใดที่ไม่เคยพูดว่า “ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วย ให้ข้าพระองค์มีชีวิต ‘ยี่สิบห้า’ ชั่วโมงต่อวันเพื่ออุทิศชีวิตให้แก่การเป็นมารดาและ บิดา ทั้งนี้เพื่อจะไม่มีลูกคนใดของข้าพระองค์พูดได้ว่าข้าพระองค์ไม่ได้ทำทุกสิงที่อยู่ ในอำนาจเพื่อซักซวนเขาให้อยู่ห่างจากความชั่วร้าย” ลูกบางคนของเรายังคงแน่วแน่ และซื่อสัตย์ แตกมีหลายคนที่เริ่มออกนอกลู่นอกทาง และบางครั้งเราไม่เข้าใจว่าเป็น เพราะเหตุใด แต่ขอให้เราทุกคนตั้งใจแน่วแน่ว่า ในฐานะบิดามารดา วันนี้เราจะอยู่ ใกสัซดลูก เราจะแนะนำลูกและเราจะให้รากฐานซองหลักธรรมเบื้องด้นแห่งความ จริงอันคักดสิทธี้แก่ลูกของเรา23

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษาและการสนทนา

  • ในฐานะบิดามารดา อะไรช่วยให้ท่านเสริมสร้างความรักระหว่างท่านกับลูกๆ? บิดามารดาจะเอาใจใส่ความต้องการพิเศษของลูกแต่ละคนได้อย่างไร?

  • ทำไมบิดามารดาจึงควรแสดงความเคารพต่อกันเสมอ ทั้งในที่สาธารณะและใน บ้านของเขา?

  • บิดามารดาจะส่งเสริมความไม่เห็นแก่ตัวและการเสียสละเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ในบ้านของเขาได้อย่างไร

  • ทำไมจึงเป็นสิงสำคัญสำหรับบิดามารดาที่จะรักลูกแม่ในยามที่ลูกแทบจะไม่น่ารัก เลย? บิดามารดาจะแสดงความพอใจสำหรับสิงดีที่ลูกทำด้วยวิธีใด?

  • บิดามารดาจะทำให้ความต้องการของครอบครัว ศาสนาจักร และงานสมดุลได้ อย่างไร?

  • ท่านคิดว่าประธานลีหมายถึงอะไรเมื่อท่านกล่าวว่า “งานสำคัญที่สุดของพระเจ้า ที่ท่านจะทำตลอดไปอยู่ภายในรั้วบ้านของท่านนั่นเอง”?

  • พระกิตติคุณช่วยให้บิดามารดาปีองกันลูกจากการออกนอกลู่นอกทางอย่างไร? ทำไมจึงเป็นสิงสำคัญที่จะรู้ว่าหลังจากเราทำจนสุดความสามารถแล้ว ลูกของเรา อาจจะยังเลือกผิดไปบ้าง? พระกิตติคุณให้การรับรองอะไรกับบิดามารดาผู้ซื่อ สัตย์ที่ยังคงรักและทำงานกับลูกของเขาต่อไป?

อ้างอิง

  1. Press release for Mexico and Central America Area Conference 1972, 2.

  2. The Teachings of Harold B. Lee, ed. Clyde J. Williams (1996), 281.

  3. In Conference Report, Oct. 1948, 52, 55.

  4. The Teachings of Harold B. Lee, 271.

  5. The Teachings of Harold B. Lee, 296.

  6. The Teachings of Harold B. Lee, 296.

  7. The Teachings of Harold B. Lee, 606.

  8. In Conference Report, Munich Germany Area Conference 1973, 112.

  9. คำปราศรัยในการประชุมใหญ่สามัญโรง-เรียนวันอาทิตย์ วันที่ 5 ตุลาคม 1973 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูศรีสค์แห่งสิทธิซน ยุคสุดท้าย หน้า 7-8

  10. The Teachings of Harold B. Lee, 296.

  11. The Teachings of Harold B. Lee, 199.

  12. The Teachings of Harold B. Lee, 279-80.

  13. The Teachings of Harold B. Lee, 279.

  14. The Teachings of Harold B. Lee, 279.

  15. The Teachings of Harold B. Lee, 613-14.

  16. Decisions for Successful Living (1973), 24.

  17. The Teachings of Harold B. Lee, 280.

  18. The Teachings of Harold B. Lee, 278.

  19. The Teachings of Harold B. Lee, 278.

  20. The Teachings of Harold B. Lee, 279.

  21. The Teachings of Harold B. Lee, 287.

  22. Ye Are the Light of the World (1974), 275-76.

  23. The Teachings of Harold B. Lee, 276.