บทที่ 8
โจเซฟ สมิธ ศาสดา ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์
ทำไมประจักษ์พยานถึงภารกิจการเป็นศาสดาของโจเซฟ สมิธ จึงมีดวามสำคัญยิ่งต่อประจักษ์พยานที่เรามีต่อพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์?
บทนำ
ประธานฮาโรลด์ บี. ลี มีประจักษ์พยานที่เข้มแข็งเกี่ยวกับศาสดาโจเซฟ สมิธ และ มักจะใช้ถ้อยคำของศาสดาผู้นี้เมื่อท่านสอนหลักธรรมพระกิตติคุณ ท่านทราบว่าประ จักษ์พยานเกี่ยวกับภารกิจของศาสดาโจเซฟ สมีธ เป็นพื้นฐานของประจักษ์พยานที่มี ต่อพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ท่านบังเอิญพบว่ามีคนมากมายทีเดียวที่ไม่มีประ จักษ์พยานเกี่ยวกับศาสดาผู้นี้ คนหนึ่งคือเพื่อนที่เคยอ่านพระคัมภีร์มอรมอนและ พูดถึง “ความเคารพที่เขามีต่อคำสอนในนั้น” ประธานลีถามว่า “ทำไมคุณไม่ลองทำ อะไรบางอย่าง?…ทำไมคุณไม่เข้าร่วมศาสนาจักร?” ชายผู้นี้ตอบอย่างไข้ความคิดว่า “ผมติดว่าเหตุผลทั้งหมดก็คือ เพราะโจเซฟ สมีธ มีชีวิต’ในช่วงเวลาที่ไกถ้เคืยงกับ ผมมากเกินไป ถ้าเขามีชีวิตเมื่อสองพันปีก่อน ผมคงจะเชื่อ ผมเข้าใจว่าคงด้วยเหตุนี้ กระมังที่ผมยอมรับไม่ได้” ประธานลีพูดถึงคำตอบของเพื่อนคนนี้ว่า “นี่คือชายที่พูด ว่า ‘ผมเลื่อมใสศาสดาที่เลียชีวิตแล้วซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อพันปีก่อนหรือนานกว่านั้น แต่ ผมไม่ค่อยเลื่อมใสศาสดาที่มีชีวิตอยู่’”1
ในอีกตัวอย่างหนึ่ง สตรีคนหนึ่งพูดว่า “จริงๆ แล้วดีฉันยอมรับทุกเรื่องในศาส-นาจักรได็โดยไม่มีข้อแม้ เว้นอยู่เรื่องเดียว…ดิฉันไม่มีวันยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าโจเซฟ สมีธเป็นศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า” ประธานลีกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า เราจะยอมรับพระกิตติคุณได้อย่างไรหากไม่ยอมรับผู้ที่เป็นเครื่องมือในการพื่นฟู พระกิตติคุณ”2
ประธานลีกล่าวว่า “เราต้องรู้อย่างแน่ชัดในใจและในความคิดของเราว่าพระเยซู คือพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของโลก เราต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้ว นึ่คือศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์ อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกในวันเวลาสุดท้ายนี้ และ สุดท้าย เราต้องมีประจักษ์พยานว่าโจเซฟ สมีธเป็นศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า”3
คำสอนของฮาโรลด์ ปี. ลี
ทำไมเราต้องมีประจักษ์พยานว่าโจเซฟ สมีธ เป็นศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า?
อะไรบ่งบอกว่าบุคคลนั้นเป็นศาสดาที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า? ประการแรก ท่าน เป็นกระบอกเสียงของพระผู้เป็นเจ้าในยุคสมัยนั้นและในบรรดาผู้คนที่ท่านปฏิบัติ ศาสนกิจ สอง ท่านยืนยันความจริงที่มีมาแต่โบราณและพยายามช่วยให้ผู้คนปฏิบัติ ตามกฎที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของพระกิตติคุณ สาม ท่านได้รับการเป็ดเผยเพิ่มเติม จากพระเจ้าเพื่อรับมือกับปืญหาอันเนื่องมาจากแผนการที่ค่อยๆ เผยออกมา ความ จริงใหม่เช่นนี้มืแหล่งกำเนิดจากพระผู้เป็นเจ้าและจะมาโดยผ่านศาสดาแห่งยุคสมัย นั้นเท่านั้น ชายด้งเช่นโจเซฟ สมืธ นี้เองที่เป็นศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้ ซึ่งตรงตามที่ศาสดาอาโมสกล่าวไว้ว่า “แท้จริงแล้ว พระเจ้ามืได้ทรงกระท่าอะไรเลย โดยมืได้เป็ดเผยความลี้ลับให้แกํผู้รับใช้ของพร ะองค์ คือ ผู้เผยพระวจนะ (ศาสดา)” [อาโมส 3:7]4
จากส่วนลึกของจิตวิญญาณข้าพเจ้า ข้าพเจ้า…ทราบว่าโจเซฟ สมืธ เป็นศาสดาของ พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ข้าพเจ้าทราบว่าท่านมีชีวิตและลี้นชีวิตเพื่อให้คนในยุค นี้มืเครื่องมือที่จะช่วยให้เขาได้รับความรอด ข้าพเจ้าทราบว่าท่านครองตำแหน่งอัน สูงล่ง และถือกุญแจแห่งสมัยการประทานสุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าทราบว่าผู้ที่ท่าดามท่าน ฟังคำสอนของท่าน ยอมรับท่านเป็นศาสดาที่แท้จริงซองพระผู้เป็นเจ้า ตลอดจน ยอมรับว่า การเปิดเผยและคำสอนของท่านเป็นพระคำของพระผู้เป็นเจ้า ประตูนรก จะไม่ชนะผู้นั้น [ดู ค.พ. 21:4-6]5
เราต้องยอมรับภารกิจจากสวรรค์ของศาสดาโจเซฟ สมิธ ในฐานะเครื่องมือที่ช่วย ทำให้การหื่เนฟูพระกิตติคุณและการจัดตั้งศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์บรรลุผล สำเร็จ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับยุคมืลเลเนียม สมาชิกทุกคนของศาสนาจักรต้องได้ รับประจักษ์พยานด้วยตนเองถึงความศักตั้สิทธึของงานที่โจเซฟ สมืธ สถาปนาไว้ นื่คือลี่งที่สิทธิชนสอนไว้อย่างชัดเจนภายหลังการเสด็จมาบนแผ่นดินโลกของพระผู้ ช่วยให้รอด และผู้นำคนหนึ่งในยุคสมัยของเรากล่าวยํ้าอีกครั้งเมื่อท่านประกาศว่า “เวลาจะมาถึง เมื่อจะไม่มืชายหรือหญิงคนใดสามารถอดทนได้ด้วยความสว่างที่ยืมมา แต่ละคนต้องมืความสว่างที่อยู่ภายในตัวเขาคอยน่าทาง” [Orsan F. Whitney, Life of Heber C. Kimball (1945), 450]6 ข้าพเจ้าคิดว่าข้อความนี้น่าจะเกี่ยวเนื่องกับ คำอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีโง่เขลาห้าคนและมืปืญญาห้าคนในคำอุปมาของพระ อาจารย์ [ดู มัทธิว 25:1–13]
ท่านที่ค้นคว้าพระคัมภีร์อย่างละเอียด ท่านที่พยายามใหํไค้มาซึ่งประจักษ์พยานถึง พยานอันศักดี้สิทธึ้ของพระวิญญาณตามที่ท่านทุกคนมีสิทธึไค้รับโดยการเป็นพยาน ของพระวิญญาณบรีสุทขึ้ ประสบการณ์อันน่าตื่นเค้นที่สุดอย่างหนึ่ง…จะเกิดขึ้นภาย ในตัวท่าน ซึ่งจะมาสู้ท่านได้เมื่อท่านสามารถกล่าวในใจได้ว่า “เวลานี่ขาพเจัารู้ด้วย สุดจิตวิญญาณของข้าพเจ้าอย่างที่ไม่เคยรู้เซ่นนี้มาก่อนว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของโลก และโจเซฟ สมีธ ผู้พลีชีวิตเป็นมรฌสักขี เป็นศาสดาที่ พระเจ้าทรงใช้มาเพื่อทำให้ศาสนาจักรของพระองค์ดำรงอยู่ในเวลานี้”7
โจเซฟ สมิธ เตรียมรับการเรียกในฐานะศาสดาแห่งการที่เนฟูอย่างไร?
โจเซฟ สมีธ เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงยกขึ้นตั้งแต่วัยเด็กและประสาทพรท่านด้วย อำนาจจากเบื้องบน พระองค์ทรงสอนสิงที่ท่านจำเป็นต้องรู้ เพื่อใหิได้รับฐานะปุโรหิต และวางรากฐานของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าในยุคสุดท้ายนี้8
ในอดีต ผู้น่าที่เป็นศาสดาได้รับเลือกจากปุถุชนคนธรรมดาที่ถ่อมใจ และไม่ได้ ผ่านการอบรมในโรงเรียนศาสนาแค่อย่างใด เราลองมาพิจารณาศาสดาหลาย ๆ ท่าน ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ย้อนกลับไปในอดีต: เอลีซาเป็นซาวนาผู้มั่งคั่ง อาโมสเป็นคน เลี้ยงแกะในจูเดีย ศาสดาอิสยาห้เป็นพลเมืองในเจรูซาเล็ม มีคาห้เป็นคนในหนุ่บ้าน จูเดีย เยเรมีห้เป็นเด็กหนุ่มจากครอบครัวปุโรหิตสมัยก่อน เอเสเคียลเป็นปุโรหิตใน พระวิหาร เปโตร แอนดรูว้ ยากอบ และยอห้นเป็นซาวประมง พระเยซูและโยเซฟ บิดาของพระองค์เป็นช่างไม้ นึ่คงพอจะอธิบายได้ว่าทำไมพระเจ้าทรงเลือก [ศาสดา โจเซฟ สมีธ] เป็นผู้น่าและศาสดาของสมัยการประทานนี้…พระองค์ทรงเลือกบุคคล ที่จะทรงทำให้เขาฉลาดไค้ในเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า—เรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นความโง่ เขลาล่าหรับผู้ที่สืกษาหาความรู้แต่เรื่องทางโลก9
ในชีวิตของเด็กหนุ่มโจเซฟ สมีธ ผู้เป็นศาสดา ก่อนที่ท่านจะไค้รับการเป็ดเผยครั้ง ใหญ่สุดสองครั้งเท่าที่เคยปรากฏต่อมนุษย์ อำนาจของความชั่วร้ายเป็นที่ประจักษ์ ก่อนการเป็ดเผยสองครื่งนี้-ในป่าละเมาะศักดสิทธ และบนเขาคาโมราห้ ดูเหมือนว่า ศาสดา จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติและอำนาจของพลังนั้นก่อนจึงจะสามารถสู้รบกับ อำนาจนั้นได้สำเร็จ10
การสืกษาต่าราศาสนาไม่ได้ทำให้ศาสดากลายเป็นผู้น่าทางวิญญาณ ทั้งท่านไม่ได้ เป็นเช่นนั้นเพราะการสืกษาในโรงเรียนศาสนา…การติดต่อทางวิญญาณต่างหากที่ ท่าให้ท่านเป็นศาสดาหรือผู้นำทางศาสนา ผู้เชี่ยวชาญทางวิญญาณที่แท้จริงได้รับ ประกาศนียบัตรโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า11
สิงใหญ่ยิ่งอะไรบ้างที่พระเจ้าฑรงสถาปนาฝานศาสดาโจเซฟ สมิธ?
ภารกิจชองศาสดาโจเซฟ สมิธ เป็นที่รู้…อย่างน้อยเมื่อ 2,400 ปีก่อนทานเกิด คำพยากรณ์…เกี่ยวกับโมเสสและโจเซฟบันทึกอยู่บนแผ่นจารึกทองเหสิองที่พวก บุตรของสิไฮไดมาจากเลบัน ท่านคงจะจาได คาพยากรณ์ต่อไปนี้จะกล่าวถึงใครอื่น ไปไม่ได้ นอกจากศาสดาโจเซฟ สมิร
“แทจรึงแล้วโจเซฟ [แน่นอนว่าด้องหมายถึงโจเซฟที่ถูกชายไปในอียิปต์] กล่าว ไว้จรึงๆ ว่า: พระเจ้าตรัสกันข้าพเจ้าดังนี้: เราจะยกผู้พยากรณ์ที่ประเสรึฐผู้หนึ่งขึ้น จากผลของเอวของเจ้า…และเราจะให้อำนาจแก่เขาเพื่อจะนำคำของเราออกมาล่ลูก หลานของเอวของเจ้า-และไม่เพียงเพื่อการนำคำของเราออกมาเท่านั้น แต่เพี่อการ ท่าให้เขาตระหนักในคำของเราซึ่งจะออกไปในบรรดาพวกเขาแล้ว…ดูเถิด พระเจ้ใ’จะ ประทานพรให้ผู้พยากรณ์ผู้นั้น และคนที่พยายามทำลายท่านจะจำนน…และซึ่อ ของท่านจะถูกเรียกตามข้าพเจ้า และจะเป็นตามซึ่อของบดาของท่าน และท่านจะเป็น เหมือนกับข้าพเจ้ไ เพราะเรื่องที่พระเจ้าจะทรงนำออกมาโดยมือของท่านโดยอำนาจ ของพระเจ้าจะนำผู้คนของข้าพเจ้าไปสู่ความรอด” [ดู 2 นีไฟ 3:7, 11, 14-15]12
ในสมัยการประทานนี้ ดังที่เคยเป็นมาในสมัยการประทานพระกิตติคุณก่อนหน้า นี้ ทั้งหมดบนแผ่นดินโลก ศาสดายุคปีจจุบันคือ ใจเซฟ สมิธได้รับความรู้ที่แท้จริง เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและพระบุตรของพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ตอนที่ทั้ง สองพระองค์ทรงสนทนากับท่านในฐานะพระผู้ทรงรัศมีภาพที่มนุษย์สามารถพูดและ มองเห็นพระองค์1ด้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่จริงและจับด้องได้ และ เพื่อเข้าสู่สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลาในการเตรียมรับการเสด็จมาศเงที่ สองของพระเจ้า เพื่อปกครองในฐานะจอมกษัตริย์และจอมเจ้านายตอนเริ่มด้นมิล-เลฌียม13
เมื่อใดก็ตามที่เราค่อย ๆ เส์อมศรัทธาและความรู้ พระเจ้าจะประทานพระเมตตา โดยทรงนำความรู้ที่สมบูรณ์มากขึ้นเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและพระบุตรของพระองค์ กลับมา และเมื่อใดก็ตามที่มีการหลั่งเทศวามรู้จากสวรรค์เกี่ยวกับพระบิดาและพระ บุตร เราจะกล่าวว่าเรามีสมัยการประทานใหม่แล้ว เป็นเซ่นเดียวกันนี๋ในสมัยของ แอดัม; เป็นเช่นเดียวกันนี้ในสมัยของเอบราแฮม; ในสมัยของโมเสส; เมื่อพระองค์ เสด็จมาหาซาวนีไฟ; มาหาผู้คนของอีนิด; และเป็นเซ่นเดียวกันนี้เมื่อพระผู้ช่วยให้ รอดเสด็จมาในบรรดามนุษย์เพื่อสอนพวกเขาถึงล้มพันธภาพของพระผู้เป็นเจ้าและ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า…
ด้วยเหตุนี้ สิงสำคัญคือ อะไรนำเข้าสู่สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา? การเป็ดเผยพระองค์ของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรต่อเด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธ ผู้เป็นศาสดา14
“โจเซฟ สมิธ ศาสดาและผู้พยากรณ์ของพระเจ้า ท่าเพื่อความรอดของคนในโลกนี้ ยิ่งกว่าคนอื่นใดในโลกที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลก นอกจากพระเยซูเท่านั้น” (ค.พ. 135: 3) บางคนอาจคิดว่า นั้นเป็นข้อความที่กล่าวเกินจริง แต่ [ไม่เกินจริงเลย] เมื่อเรา คิดถึงสิงที่พระองค์ประทานแก่เราโดยผ่านชายหนุ่มผู้นำพิศวงคนนี้ที่ได้นำพระคัมภีร์ อันสำคัญยิ่งซึ่งเป็นพยานที่สองถึงภารกิจของพระเจ้าออกมาในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง แค่สองปี นั้นก็คือ พระคัมภีร์มอรมอน…ซายหนุ่มผู้นี่ไม่มีของประทานเช่นคนมิการ คิกษ’ไ แต่ท่านดำเนินการโดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพและแปลบัน ทึกนั้นจากภาษาที่ไม่รู้จักเป็นภาษาที่เรามิอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งในนั้นมิความสมบูรณ์ของ พระกิตติคุณอันเป็นนิจ15
โจเซฟ สมิธ ชายหนุ่มที่ไม่ได้รับการคิกษาด้านเทววิทยาในสมัยนั้น ไม่ได้คิกษา เล่าเรียนในโรงเรียนมัธยมสมัยของท่าน…[เป็น] คนที่เซึ่อฟ้งดำสอนและสุรเสืยง กระซิบของพระวิญญาณ มิเซ่นนั้นโจเซฟ สมิธ คงสถาปนาศาสนาจักรนี๋ไม่ได้ ท่าน คงนำงานของพระเจ้า ซึ่งคือพระคัมภีร์มอรมอนออกมาไม่ได้ ผู้คนอาจสบประมาท ศาสดาโจเซฟ สมิธว่าท่านเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เขาอาจสงสัยว่าศาสนาจักรนี้เริ่ม ด้นอย่างไร แค่สิงที่เป็นดั่งอนุสรณ์คือ พระคัมภีร์มอรมอนนั่นเอง มนุษย์นามว่าโจ-เซฟไม่สามารถทำสิงนี้ได้ แต่โดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ โจเซฟ สามารถท่าการรับใช้อันนำอัศจรรย์ของการนำอาณาจักรออกจากการถูกปีดบังใน พระกิตติคุณที่ได้รับการพื่นฟูของพระเยซูคริสต์16
[โมโรไน] ประกาศต่อศาสดา…ว่าเวลานั้นใกล้เช้ามาแล้วเมื่อจะมิการสั่งสอน ความสมบูรณ์ทั้งหมดของพระกิตติคุณแก่ทุกประซาชาติด้วยอำนาจ ซึ่งเป็นไปตาม คำสัญญาที่ใหํไว้กับยอห์นว่าเทพจะเหาะไปในท้องฟ้า “เพื่อประกาศข่าวประเสริฐ อันเป็นอมตะ (ความสมบูรณ์ยองพระกิตติคุณอันเป็นนิจ) แก่ซนซาวโลกทั้งปวง” (วิวรณ์ 14:6) การพื่นฟูความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณบรรลุผลสำเร็จเมื่อพระคัมภีร์ มอรมอน ซึ่งประกาศว่าเป็นบันทึกที่มิความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณอยู่ในนั้น ลูกนำ กลับคืนสู่โลกอีกครั้งโดยผ่านศาสดาโจเซฟ สมิธ17
วันที่ 21 กันยายน ปี 1823 [โมโรไนปรากฏต่อโจเซฟ สมิธ และประกาศใจความ ตอนหนึ่งว่า] “งานเพื่อเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระมาไซยาจะธิ่มฃึ้น อย่างรวดเร็ว เวลากำลังจะมาถึงเมื่อจะมีการสั่งสอนความสมบูรณ์ทั้งหมดของพระ กิตติคุณแก่ทุกประซาชาติด้วยอำนาจ…เพื่อผู้คนจะพร้อมสำหรับยุคมิลเลเนียม” ซึ่งหมายถึงการเสด็จมาของพระเจ้า (History of the Church, 4:537) อีกนัยหนึ่ง จุดประสงค์เบื้องด้นของการฟ้นฟูพระกิตติคุณคือ เพื่อเตรียมผู้คนให้พร้อมที่จะยืน อยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จมา มิฉะนั้นแล้ว…เราจะทนการประทับ ของพระองค์ไม่ได้18
เวลานี้ งานแห่งอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกเป็นอนุสรณ์รำลึกถึง ชื่อของศาสดาโจเซฟ สมิธ คนนับล้านยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขถึงความรุ่งโรจน์แห่ง ภารกิจของท่าน คังที่ท่านประกาศและแนะนำไปทั้วโลก เราเป็นผู้รับมรดกไข่มุกอัน ลํ้าค่า หรือพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ซึ่งนำกลับคืนมาโดยทางท่านในฐานะเครื่อง มือของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อช่วยให้เรามีชีวิตและเลึยชีวิตหากจำเป็น เพื่อว่าเมื่อถึงเวลา อันควร เราจะพร้อมสำหรับยุคมิลเลเนียมนั้น เราต้องไม่ลืมสิงนี้ นี่เป็นเวลาที่เราจะ เตรียมพบพระผู้เป็นเจ้าของเราขณะที่ยังมีเวลาอยู่19
ข้อแนะน่าสำหรับการสืกษาและการสนทนา
-
เราจะเสริมสร้างประจักษ์พยานของเราถึงภารกิจของศาสดาโจเซฟ สมิธ ได้ อย่างไร? อะไรเสริมสร้างประจักษ์พยานที่ท่านมีต่อศาสดา?
-
เราจะท่าตามตัวอย่างของศาสดาไจเซฟเพื่อเพิ่มป็ญญาและความเข้มแข็งทาง วิญญาณของตนเองได้อย่างไร? คุณสมบัติเยี่ยงพระคริสต์ที่ประจักษ์ซัดในชีวิต ของศาสดาไจเซฟ สมีธ ได้แก่อะไรบ้าง?
-
ความจริงอันเป็นแก่นแท้ของพระกิตติคุณที่เขดเผยผ่านศาสดาไจเซฟ สมีฮ ได้แก่ อะไรบ้าง?
-
ไจเซฟ สมีธ ทำอะไรเพื่อความรอดของลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า? ชีวิตของท่าน แตกต่างไปในทางใดอันเนื่องจากการเขดเผยที่ศาสดาไจเซฟ สมีธ ได้รับ?
-
ท่านจะบอกเล่าประจักษ์พยานที่ท่านมีต่อศาสดาไจเซฟ สมีธ ใท้ผู้อื่นฟังได้ อย่างไร?