คำสอนของประธานศาสนจักร
การปฏิบัติศาสนกิจของ ฮาโรลด์ ปี. ลี


การปฏิบัติศาสนกิจของ ฮาโรลด์ ปี. ลี

เรื่องราวชีวิตต่อไปนี้ของประธานฮาโรลด์ บี. ลี ลงพิมพ์โน เอนไซน์ เดือน พฤศจิกายน 1972 เชียนโดยเอ็ลเดอร์กอร์ดอน บี. สิงค์ลีย์ ซึ่งเป็นสมาชิกแห่งโคว รัมอัครสาวกลีบสองในเวลานั้น (“President Harold B. Lee: An Appreciation,” 2-11) บทความนี้จะช่วยให้สมาชีกฃองศาสนาจักรรู้จักประธานลีผู้เป็นประธาน ศาสนาจักรเมื่อไม่นานมานี้มากขึ้น

“ประวัติโดยสังเขปของประธานฮาโรลด”’ บี. ลี มีดังต่อไปนี้ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1899 ในคลิฟตัน ไอดาโฮ เป็นบุตรคนหนึ่งในจำนวนที่1งหมดหกคนของ แซมิวเอล มาเรียน และหลุยซา เอมีลิน ป้งแฮม ลี ท่านจบการกิกVาเบึ๋องต้นจาก โรงเรียนในท้องที่ โรงเรียนมัธยมโอไนดาที่เพรสตัน กิกษาต่อที่โรงเรียนโเกหัดครูอัล เนียนสเดทในอัลเนียน ไอดาโฮ และที่มหาวิทยาลัยแห่งยูท่าหั เริ๋มอาชีพครูเมื่ออายุ 17 ปีเป็นครูใหญ่เมื่ออายุ18 ปี จากนั้นเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนสองแห่งในซอลท้- เลค เคาน์ตี้ยูท่าหั แต่งงานกับเ9เร์น ลูชีนดา แทนเนอร์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 1923 เธอเลียชีวิตวันที่ 24 กันยายน 1962 แต่งงานใหม่กับเฟรดา โจน เจนเซ็น วันที่ 17 มิถุนายน 1963

“ท่านท่างานเป็นผู้จัดการของ Foundation Press, Inc. ในปี 1928-1933 (บริษัท การพิมพ์) ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการซอลท้เลด ซิตี้ในปี 1933-1937 เมื่อ ครั้งเป็นกรรมการผู้บริหารโครงการสวัสดิการของศาสนาจักร เป็นสมาชีกสภาอัคร สาวกลีบสองวันที่ 6 เมษายน 1941 เป็นประธานของสภาอัครสาวกลีบสองและที่ ปรึกษาที่หนึ่งในฝายประธานสูงสุดวันที่ 23 มกราคม 1970 ได้รับการวางมือแต่ง ตั้งและวางมือมอบหน้าที่เป็นประธานศาสนาจักรเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 1972

“นั้นเป็นข้อเท็จจริงเบื้องดันของชีวิตท่าน แต่ชีวิตดังกล่าวมีค่าควรแก่การแจกแจง รายละเอียด

“เมื่อเทียบกับเมืองส่วนใหญ่แล้ว คลีฟดันเป็นเมืองที่เล็กมาก และอยู่นอกเล้นทาง สายหลัก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เมืองนี้จะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะบ้านเกิดของ ประธานศาสนาจักรคนที่ลีบเอ็ด

“บิดาของประธานลี คือ แซผิวเอล มาเรียน ย้ายจากเมืองแถบชนบทซื่อ พานาคา ในฌวาดาตอนใต้ มาอยู่ที่คลีฟตัน มารดาของแซผิวเอล (คุณย่าของประธานลี) เลีย ชีวิตเมื่อเขาอายุแปดวัน และทารกคลอดก่อนกำหนดคนนี้ตัวเล็กมากจนสามารถ เลื่อนแหวนขึ้นไปบนมือและแขนของเขาไต้ อีกทั้งต้องป้อนอาหารเขาด้วยที่หยอดตา พี่สาวของมารดาอาศัยอยู่ในคลีฟตันและเมื่ออายุ 18 ปี เด็กหนุ่มผู้นี้จึงย้ายขึ้นเหนือ ไปอยู่กับครอบคร้วของเธอ

“ที่นั่น แซมืวเอลพบกับหลุยซา บิงแฮม สาวผมดำนัยน์ตาสิเข้ม และแต่งงานกัน ในพระวิหารโลแกน บ้านที่ทั้งสองคนสร้างขึ้นและที่ลูกหกคนลืมตาดูโลก อยู่ ‘รีม ถนนประมาณ 5 กิโลเมตรทางทิศเหนือของร้านค้า’ บังเอิญว่าร้านนี้เป็นสถาบันการ ค้าแห่งเดียวของเมืองนั่น ถนนที่ว่าคือถนนลูกรัง เต็มไปด้วยฝ่นในหน้าร้อน หิมะจับ กันเป็นก้อนในหน้าหนาว เลอะไปด้วยโคลนตมในฤดูใบไม้ผลีและฤดูใบไม้ร่วง…

“ที่นี่ ฮาโรลด์เด็กเท้าเปล่าใส่ชุดหมีตัวหลวมโคร่งเจริญวัยขึ้นท่ามกลางเด็กชนบท คนอื่น ๆ เด็ก ๆ พากันไปว่ายนี้าในสระของดัดลีย์ แต่ไม่ว่ายวันอาทิตย์ บิดาอยู่ในฝ่าย อธิการ มารดาอยู่ใน [องค์การเยาวชนหญิง]— และวันอาทิตย์เป็นวันศักดี้สิทขึ้ ฮา-โรลค์รับบัพติศมาในสระนี้าคล้ายกันนี้ที่ไร่ของบายบิส์

“ในสมัยนั่นเงินหายากมาก ไร่นาให้ผลผลิตมากแต่ธัญพืชและมันฝรั่งขายไต้ ราคาตา บิดาเพิ่มรายไต้ครอบครัวโดยรับจ้างเก็บเกี่ยวธัญพืช ชุดบ่อ และสร่างคลอง ทดนี้า แต่ลูก ๆ ของครอบครัวลีไม่รู้ว่าตนเองยากจน ครอบครัวและศาสนาจักรจัดหา ลื่งสันทนาการ’ให้ สมบัติลํ้าค่าในบ้านคือเปียโน สตรีซาวสก็อตค์คนหนึ่ง ซึ่งรู้วิธีเคาะ ข้อนิ้วมือของมักเรียนเมื่อเล่นเปียโนผิดโน้ต เป็นผู้สอนท่านเล่นเปียโน

“ฮาโรลด”’เชี่ยวชาญการเล่นเปียโนเป็นพิเศษ จะเห็นว่าความชื่นชอบในดนตรี ซึ่ง ปลูกฝืงใวิใน’วัยเยาว์ ไต้แสดงออกอย่างเต็มที่ในเวลาต่อมาเมื่อท่านรับใช้เป็นประ- ธานกรรมการดนตรีของศาสนาจักร …

“มารดามักจะขับเกวียนเล่มเล็กรับส่งลูกไปโรงเรียนในระยะทางประมาณสามกิโล- เมตร ไม่ค่อยจะมืที่หลบภัยเมื่อลมเดือนมกราคมพัดกระหนึ่ามาจากทิศเหนือ และ โคลนเลนสร้างป้ญหามากเมื่อหิมะละลาย แต่นั่นคือชีวิตในคลีฟตัน ดังที่ประธานลี แสดงความเห็นว่า ‘เรามืทุกลื่งที่เงินซื้อไม่ไต้’ และในบรรดาลื่งเหล่านี้ มีหลายลื่ง ทดแทนส่วนที่เราไม่มื นั่นก็คือ อากาศที่นึ่สะอาดแจ่มใส อวลกลิ่นอายของความ สดชื่น สายนี้าใสราวกับกระจก จนมองเห็นกรวดหินวาววับที่จมอยู่ตามห้วยละหาน ดวงดาวยามราตรีล่องประกายในห้องฟ้า มองละม้ายคล้ายผู้คนและสิงสาราสัตว์ เด็กๆ พากันจินตนาการเพี่อบอกเล่าสิงที่ตนเห็นบนฟ้า ฝนหน้าร้อนเหมือนมานาที่ โปรยปรายลงในแดนทุรกันดาร ซึ่งน่าชีวิตมาสู่ผืนดิน ฤดูใบไม้ผลิมาพร้อมกับทุ่งหญ้า เชียวขจีราวกับพรมผืนใหญ่ ที่ซึ่งคันไถสัมผัสผืนดิน ไล่หลังด้วยเครื่องหว่านเมล็ด พืช เครื่องยนต์ไอนํ้าที่กำลังพ่นไอออกมาและส่งเสืยงดังราวฟ้าคำรามส่งพลังงานผ่าน สายพานเส้นยาวไปยังเครื่องนวดที่ผลิตข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และข้าวบาร์เลย์กระสอบ แล้วกระสอบเล่า…

“เมื่อจบการสิกษาจากโรงเรียนในท้องที่ เด็กผู้ชายต่างพากัน ‘จากบ้าน’ ไปเข้า โรงเรียนมัธยมโอไนดา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ดำเนินการโดยศาสนาจักร อยู่ที่เพรสดัน ห่างออกไปประมาณ 24 กิโลเมตร ขณะนั้นฮาโรลต์อายุ 13 ปี และที่นี่ ท่านพบกับ เอสรา แทพ่ท้ เป็นสันเป็นค!งแรก [ประธานศาสนาจักรคนที่ลิบสามในเวลาต่อมา] จากนั้นก็เข้าสิกษาต่อที่โรงเรียนปีกหัดครูอัลเบียนสเตท อีกด้านหนึ่งของไอดาโฮ ฮาโรลต์ บี. ลี วัย 17 ปี ได้รับประกาศนิยบัตรการสอนที่นึ่ นับเป็นวันหนึ่งที่ท่าน และครอบครัวภาคภูมิใจ กรรมการการสิกษาในท้องถิ่นเสนองานให้ท่านเป็นครูใน โรงเรียนซิลเวอร์สตาร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มิหัองเดียว อยู่ระหว่างเดย์ดันกับ เวสดัน ‘เลียบถนน’ จากคลิพ่คัน ได้ค่าจ้างหกสิบเหรียญต่อเดือน ท่านขี่ม้าเป็น ระยะทางประมาณสิบหกกิโลเมตรไปกลับเป็นประจำทุกวันหยุดสุดสัปดาห์

“…ปีต่อมา คณะกรรมการตั้งท่านเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนอ็อกซ์ฟอร์ดซึ่งมีถิ่ท้อง นับเป็นโอกาสดืยิ่งสำหรับเด็กหนุ่มวัย 18 ปี ท่านขี่ม้าระยะทางประมาณหกกิโลเมตร ไปกลับทุกวัน ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก อากาศจะดีหรือไม่ดีก็ตาม ด้วยพรสวรรค์ ด้านดนตรีที่ปีกฝนมาและความสามารถในการเล่นบาสเกตบอล ท่านจึงไข้เวลาที่ เหลือเข้าร่วมกิจกรรมชุมชน ในช่วงนี้ บิดาของท่านเป็นอธิการและโครงการ สวัสดิการของศาสนาจักรดังที่รู้จักกันในเวลาต่อมาผ่านสายตาของฮาโรลต์เป็น ครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมา อธิการมิความรับผิดชอบในการดูแลคนขัดสน อธิการลีมิ คลังสินค้าของตนเอง สิงของต่างๆ มาจากท้องเก็บอาหารของท่าน ในตอนกลางคืน ครอบครัวจะเห็นท่านเอาแป็งไปถุงหนึ่ง เขาไม่ทราบว่าท่านเอาไปไหน เพราะจะต้อง รักษาความลับของผู้ที่ตกทุกขํได้ยากไว้เป็นอย่างดี ด้วยเกรงว่าจะมิการพูดจาให้ กระทบกระเทือนใจคนที่ด้องการความช่วยเหลือ

“แต่ไหนแต่ไรมา อธิการได้รับสิทธิพิเศษและมีหน้าที่แนะน่าเยาวชนชายเข้าสู่ งานเผยแผ่ศาสนา ขณะนั้นฮาโรลต์อายุ 21 ปี และเป็นครูมาถิ่ปีแล้ว ท่านได้รับเรียก จากประธานอีเบอร์ เจ. แกรนท้ไท้รับไข้ไนคณะเผยแผ่ทสเทืร์นสเตท

“ในแฟ้มเอกสารที่แผนกผู้สอนศาสนาของศาสนาจักรมีรายงานถึงฝ่ายประธาน สูงสุดเกี่ยวกับเอ็ลเดอร์ลี ลงวันที่ 30 ธันวาคม 1922 และลงลายมือซื่อโดยประธาน จอห์น เอ็ม. ไนห์ รายงานฉบับนี้กล่าวถึงช่วงเวลาที่ท่านรับใช้ คือ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 1920 ถึง 18 ธันวาคม 1922 ต่อจากนั้นก็มีการตอบคำถามต่างๆ เช่น ‘คุณสมบัติ-ในฐานะผู้พูด “ดีมาก” ในฐานะเจ้าหน้าที่ควบคุม “ดี” เขามีความ รอบรู้ในเรื่องพระกิตติคุณหรือไม่ “รู้มากทีเดียว” เขาเป็นคนขยันขันแข็งหรือไม่ “ขยันมาก” เขาเป็นคนสุขุมรอบคอบและเป็นอิทธิพลดีต่อผู้อื่นหรือไม่ “เป็น” ช้อคืดเห็น: เอ็ลเดอร์ลีควบคุมการประชุมใหญ่เดนเวอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติฒั้ แต่วันที่ 8 สิงหาคม 1921 ไปจนถึง 18 ธันวาคม 1922 เขาเป็นผู้สอนศาสนาที่ยอด เยี่ยมมาก’”

“ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ที่คณะเผยแผ่ดังกล่าว มีสตรีสาวคนหนึ่งมาจากซอลห์เลค ซิตี้ ซื่อ เฟิร์น ลูซินดา แทนเนอร์ เพื่อน ๆ ต่างพากันยอมรับว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ ฉลาด สวย และเชี่ยวชาญพระคัมภีร์ นับเป็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลย เมื่อ เอ็ลเดอร์ลีได้รับการปลด ท่านกลับไปที่คสิฟดันเพียงไม่กี่วัน แล้วก็มาที่ซอลห์เลค ซิตี้เพื่อพบ และขอความรักจากผู้หญิงต่างรัฐที่ท่านชื่นชอบในสนามเผยแผ่ ตั้งสอง คนแต่งงานในพระวิหารซอลห์เลคหลังจากท่านกลับมาได้ประมาณสิบเอ็ดเดือน

“มีบุตรสาวแสนสวยที่เกิดจากการแต่งงานครั้งนี้สองคนคือ เฮเลน [ต่อมาเป็นนาง แอล. เบรนห์ โกทล้] กับมอรืน [ต่อมาเป็นนางเออร์ฒสต่ เจ. วิลคืนส์] บ้านของ ครอบครัวลีเป็นที่ชุมนุมของเยาวชนในเขตนั้น ท่าทีที่สุภาพอ่อนโยนของซิสเตอร์ลี และความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากท่าให้เธอเป็นทีชื่นชอบ ของทุกคนที่รู้จักเธอ ครั้งหนึ่งเธอท่าให้ชายที่มีชื่อเลียงสองคนซึ่งกำลังวิพากษํวิจารณ์ เพื่อนคนหนึ่งของเขาต้องปีดปากเงียบ เธอบอกเขาว่า ‘ขณะที่คุณพยายามเป็นคน เที่ยงธรรม อยำลืมว่าคุณต้องมีเมตตากรุณาด้วย’…

“คุณสมบัติที่ท่าให้ [ฮาโรลด้ บี. ลี] เป็นครูใหญ่ของโรงเรียนสองแห่งเมื่ออายุแค่ 18 ปีกลับเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปอีกครั้ง หลังจบการคืกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งยู-ท่าห์ ท่านก็ได้เป็นครูใหญ่ ครั้งแรกที่โรงเรียนวิทเทียร์ และต่อมาที่โรงเรียนวูดโรว์วิล ลัน ในซอลห์เลคเคาน์ตี้…

“ท่านอยู่ในสเตคไพโอเบียร์หลังจากแต่งงาน ที่นั่นท่านได้รับงานมอบหมายต่าง ๆ มากมายจากศาสนาจักร หลังจากนั้นในปี 1929 ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา ในฝ่ายประธานสเตค ปีต่อมาท่านได้รับเรียกให้เป็นประธานสเตค ซึ่งตอนนั้นท่าน อายุ 31 ปี นับว่าเป็นประธานสเตคที่อายุน้อยที่สุดในศาสนาจักร

“ภาวะเศรษกิจตกตาลุกลามไปทุกประเทศทั่วโลก ราคาหุ้นตกฮวบราวกับพีน โบว์ลิ่ง เครดิตเหือดหาย ธนาคารปีดดำเนินการและเงินออมหลายล้านดอลลาร์หาย วับไปกับตา อัตราการว่างงานขึ้นถึงขีดสูงสุด เมื่อผลประโยชน์ที่ได้จากการทำงานมา นานหลายปีสูญไป ชายหลายคนจึงฆ่าตัวตาย มีหลายแห่งจัดเตรียมอาหารให้แก่คน ขัดสน และผู้คนเช้าแถวยาวเหยียดเพื่อรับแจกขนมป๋งและอาหารอื่น มีแต่ความท้อแท้สินหวังและความเศรำสลด สมาชิกกว่าครึ่งในสเตคไพโอเนียรไม่มีงานทำ

“นี่คือการท้าทาย เป็นการท้าทายที่น่าหวาดกลัวสำหรับประธานสเตคหนุ่ม ท่าน กังวล ท่านร้องไท้ ท่านสวดอ้อนวอน ขณะที่เห็นผู้ชายหลายคน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยสง่า ภาคภูมิและรุ่งเรือง แต่มาบัดนี่กลับตกตํ้าไม่มีงานทำจนถึงจุดที่ไม่สามารถเลี้ยงดู ครอบครัวได้ ครั้นแล้วท่านก็ได้รับการดลใจไท้ก่อตั้งคลังไว้เก็บอาหารและของใช้ ประจำวันเพื่อแจกจ่ายให้คนขัดสน มีการดำเนินโครงการต่าง ๆ ไม่เพียงเพื่อปรับ- ปรุงชุมชน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ชายได้ท่างานทดแทนสิงที่ ตนได้รับ อาคารธุรกิจแห่งหนึ่งถูกรื้อถอนเพื่อนำวัสดุเหล่านั้นมาใช้สร้างโรงยีมสเตค ใท้ผู้คนได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจและจัดงานรื่นเริง

“สเตคอื่นท่าโครงการคล้ายกันนี้ด้วย และในเดือนเมษายน 1936 สเตคต่างๆ ก็ ร่วมมือกันก่อตั้งเป็นโครงการหนึ่งขึ้นมา ซึ่งประธานยีเบอร์ เจ. แกรนท์เรียกในตอน แรกว่าโครงการความมั่นคงชองศาสนาจักร ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในชื่อ โครงการสวัสดิ- การของศาสนาจักร

“ฮาโรลด้ บี. ลี ผู้นำหนุ่มของสเตคไพโอเบียร์ได้รับเรียกเป็นผู้นำร่องโครงการ ที่ เพิ่งได้รับการจัดตั้งเพื่อฟ้นฝ่าอุปสรรคในช่วงที่ล่อแหลมและยากสำบากนั้น ปัญหา มีสารพัดอย่าง เป็นเรื่องยากพอดูที่จะรวบรวมเรือกสวนไร่นาเพื่อผลิตอาหาร พร้อม ทั้งสร้างโรงงานแปรรูปและโรงเก็บ ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ ต้องเผชิญกับเจตคติของ ผู้ชอบวิพากษ์วิจารณ์สิงที่ศาสนาจักรกำลังท่าอยู่และผู้ที่รู้สิกว่าสวัสดิการควรเป็น หน้าที่ของรัฐบาล

“แต่ด้วยการสวดอ้อนวอนและการซักชวน ด้วยหยาดเหงื่อและนํ้าตา ด้วยพรชอง คนที่ท่านถือว่าเป็นศาสดา ท่านเดินทางไปทุกสเตคชองไซอ้น ท่าให้[ครงการด้งกล่าว เป็นรูปเป็นร่าง เติบโต และรุ่งเรือง

“แหล่งใหญ่ของโครงการสวัสดิการในปัจจุบัน อาทิ ฟาร์มที่ให้ผลผลิตเป็นจำนวน มาก โรงงานแปรรูปพืชผลทางการเกษตร โรงงานบรรจุกระป๋อง ยุ้งฉางสำหรับธัญพืช โรงสิ และโครงการอื่นๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วอเมริกา เป็นผลพวงที่ดีและมีคุณค่า ของความอุตสาหะในยุคแรก ขณะที่โครงการบรรเทาทุกข์ของรัฐบาลถูกโจมคือย่าง ต่อเนื่อง แต่โครงการของศาสนาจักรยังคงเป็นที่สรรเสริญของคนทั่วโลก ผู้ชำระภาษี ทุ่นเงินหลายล้านดอลลาร์เพราะศาสนาจักรแบกรับภาระสวัสดิการ ชายหญิงหลาย พันคนมีงานดี ๆ ทำ ทั้งยังเปิดโอกาสให้คนพิการจำนวนมากได้รับในสิงที่ตนต้องการ ด้วย ผู้ที่มีส่วนในฐานะผู้รับของโครงการนี่ใด้รับการละเว้นจาก ‘คำสาปแช่งของความ เกียจครำนและความชั่วร้ายของการให้ทาน’ เพื่อคงไวํซึ่งศักตั้ศรีและความเคารพใน ตนเอง ส่วนชายหญิงจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นผู้รับโดยตรง แต่มีส่วนในการปลูกและ แปรรูปอาหาร อีกทั้งมีส่วนอย่างมากในการดำเนินงาน ได้แสดงประจักษ์พยานถึง ความปีติยินดีที่มีอยู่ในการรับใช้ผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก’ตัว

“ผู้ที่รู้เห็นโครงการนี้ทั้งในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวช้องและในผลลัพธ์อันดีเลิศที่ออกมา คงไม่มีใครสงสัยวิญญาณแห่งการเปิดเผยที่ก่อให้เกิดสิงนี้และแผ่ขยายพลังอำนาจ ในทางปฏิบัติสืบไป สำหรับประธานฮาโรลด้ บี. ลี ซึ่งเป็นกรรมการผู้บริหารคนแรก และประธานคณะกรรมการสวัสดีการของศาสนาจักรมายาวนาน สมควรได้รับการ ยกย่องว่าท่านกำกับดูแลโครงการนี้ด้วยการดลใจ ในความถ่อมตนของท่าน ท่านไม่ ยอมรับเช่นนั้น แต่ท่านถือว่านี่เป็นความดีความชอบของพระเจ้า ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น จริง ๆ พระเจ้าทรงสรรเสริญผู้รับใช้ของพระองค์และทรงทราบดีถึงการอุทิศและ ศรัทธาชองท่าน…

“หลังจากได้รับการทดสอบในไฟแห่งช่วงบุกเบิกที่ยากลำบากเหล่านั้นของโครงการ สวัสดีการของศาสนาจักร ประธานสิเบอร์ เจ. แกรนทํได้เรียกเอ็ลเดอร์ลีเป็นอัคร สาวก และท่านได้รับการสนับสนุนให้เป็นสมาชิกสภาอัครสิบสองเมื่อวันที่ 6 เมษายน 1941

“ในการแต่งตั้งคเงนั้น เอสเตอร์จอห้น เอ. วิดทํโซเขียนบทความลงในนิตยสาร เกี่ยวกับผู้ร่วมงานคนใหม่ของท่านว่า ‘เขาเป็นผู้ที่เปียมด้วยศรัทธาในพระเจ้า มีความ รักมากมายต่อเพื่อนมนุษย์ ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อศาสนาจักรและรัฐ อุทิศตนต่อพระ กิตติคุณโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ได้รับการประสาทพรด้วยสดีบีญญา พลังงาน และความกระดีอริอร้น ได้รับพลังวาทศิลปีในการสอนพระคำและพระประสงค์ของ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ที่เขาทูลขอความช่วยเหลือจะทรงท่าให้เขาเป็นเครื่องมืออัน ทรงพลังในการผลักตันแผนนิรันดร์แห่งความรอดของมนุษย์…เขาจะมีพลังเกินกว่าที่ เขาจะรู้ได้ ขณะที่ผู้คนสวดอ้อนวอนทูลต่อพระเจ้าเพื่อเขา’ (Improvement Era, May 1941, p. 288)

“นี่เป็นอ้อยคำสรรเสริญที่จริงใจ และเป็นอ้อยคำแห่งการพยากรณ์

“เกียรติประวัติอย่างหนึ่งของท่าน…คือความซื่อสัตย์ต่อความไว้วางใจอันศักตั้สิทธี้ ในฐานะอัครสาวก ซึ่งการเรียกที่พิเศษจำเพาะของท่านคือ การเป็นพยานพิเศษ ‘ถึง พระนามของพระคริสต์ในทั่วโลก’ [ค.พ. 107:23]

“ในการดำเนินความรับผิดชอบดังกล่าว ท่านเดินทางไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของ แผ่นดินโลกภายใต้การมอบหมายจากฝ่ายประธานสูงสุด โดยเปล่งโวหารอันคมคาย เพื่อประกาศถึงความเป็นพระผู้เป็นเจ้าชองพระผู่ไถ่ชองมนุษยชาติ

“ท่านมักจะหยิบยกถ้อยดำที่เปาโลกล่าวกับซาวโครินธ์ ‘ถ้าแตรเดี่ยวเปล่งเสียง ไม่ชัดเจน ใครเล่าจะเตรียมตัวเช้าประจัญบาน’ [1 โครีนธ์ 14:8] ข่าวสารของฮา- โรลด์ บี. สี ชัดเจนไม่มีสิงใดคลุมเครือ ท่านแสดงประจักษ์พยานต่อทุกชนชั้นของ แผ่นดินโลกโดยไม่กำกวม และด้วยความแน่ชัดซึ่งมาจากความเชื่อมั่นอันไม่สั่นคลอน …ในฐานะผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านไม่เคยย่อท้อกับความรับผิดชอบในการ แสดงประจักษ์พยานถึงความจริงเลย ผู้สอนศาสนาได้รับการกระตุ้นให้พากเพียร สมาชิกของศาสนาจักรทวีความมุมานะที่จะดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ และผู้สนใจ รู้สีกแปลบปลาบใจเมื่อฟังท่านกล่าวประจักษ์พยาน ท่านเข้มงวดต่อตัวเองมากและ ท่าตามกำหนดการที่วางไว้อย่างเคร่งครัดแม้จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของท่านก็ตาม คนที่ใกลํซดท่านรู้ว่ามิอยู่น้อยมากในช่วงหลายเดือนที่ท่านไม่เจ็บปวด…ความเคยชิน กับความเจ็บปวดทำให้ท่านรู้สีกไวต่อความทุกข์ยากของผู่อื่น ท่านเป็นคนหนึ่งที่เดิน ทางไปทั่วทุกหัวระแหงเพื่อให้กำลังใจและอวยพรสิทธิซน มิผู้คน’โนดินแดนต่าง ๆ แสดงประจักษ์พยานด้วยความซาบซึ้งถึงพลังอันน่าอัศจรรย์ของฐานะปุโรหิตที่ผู้รํบ ใช้ของพระเจ้าท่านนี้ปฏิบัติเพื่อเขา

“ท่านรูสีกไวต่อความอ้างว้างโดดเดี่ยว ความกลัว และการท้าทายที่ผู้ชายต้องเผชิญ ขณะเป็นทหารประจำการต้วย ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเกาหล และ สงครามใน [เวียดนาม] ท่านควบคุมโครงการทหารของศาสนาจักร ท่านกล่าวกับพื่ น้องชายของท่านเสมอเกี่ยวกับความจำเป็นของการให้เครงการที่สมบูรณ์แบบของ ศาสนาจักรแก่คนที่เป็นทหารประจำการ พร้อมด้วยพรและโอกาสทั้งหมดที่หลั่งไหล มาจากโครงการตังกล่าว ท่านเดินทางทั้งทางบกและทางทะเลเพื่อพบปะสมาชิกของ ศาสนาจักรที่เป็นทหารประจำการ ในปี 1955 ท่านสวมชุดทำงานของทหารไปเยือน เกาหลีซึ่งตอนนั้นสงครามยังคุกรุ่นอยู่…คนที่พบท่านจะไม่มิวันลืมความเมตตากรุณา ความห่วงใย หรือประจักษ์พยานชองท่านถึงพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่อยู่เหนือ เรื่องราวของมนุษย์ ท่านปลอบขวัญเขา ช่วยขจัดความหวาดระแวงให้เขา และช่วย ให้หลายต่อหลายคนรอดพ้นจากความพลาดพลั้งไปสู่สถานการณ์อันน่าเคร่า

“ท่านปลอบโยนคนที่พบกับการสูญเสีย จากประสบการณ์ส่วนตัวท่าให้ท่านรู้ถึง ความเศร้าโศกเสียใจอันเนื่องมาจากการสูญเสียคนรัก ท่านอยู่ร่วมการประชุมใหญ่ สเตคห่างจากซอลท้เลด ชิตี้ ตอนที่คู,ชีวิตของท่านมิอาการร่อแร่ ท่านเดินทางตลอด คืน เพื่อรีบมาอยู่เคียงช้างเธอ แต่เมื่อมาถึง ท่านก็พบว่าเธอกำลังจะ สินใจ คนที่ใกล้ ชิดกับท่านในช่วงเวลาอันมืดมนภายหลังการจากไปของเธอแทบจะไม่ล่วงรู้ถึงความ เสืยใจอย่างสุดซึ้งของท่าน นั่นคือเหตุการณ์ไนปี 1962 ในปี 1965 มอรีนลูกสาวสุด ที่รักของท่านเสียชีวิตขณะที่เอ็ลเดอร์ลีทำงานมอบหมายของศาสนาจักรในฮาวาย เธอทิ้งลูกที่คนไว้เบื้องหลัง

“ประสบการณ์ที่เจ็บปวดเหล่านี้ ยากที่จะทนได้ และนั่นท่าให้ท่านมีความรู้สีกไว มากขึ้นต่อความยากลำบากของผู้อื่น ผู้ที่ประสบกับการสูญเสียแบบเดียวกันนี้พบว่า ท่านเป็นเพื่อนที่เข้าใจ และศรัทธาที่ได้รับการทดสอบของท่านกลายเป็นแหล่งพลัง ของเขา

“ในปี 1963 ท่านแต่งงานกับเฟรดา โจน เจนเซ็น ผู้เติมแต่งชีวิตของท่านให้สม- บูรณ์ใต้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอได้รับการอบรมและการขัดเกลามาอย่างดี ตลอดจนวาง ตัวได้อย่างเหมาะสมเมื่ออยู่ในสังคมชั้นสูง เธอเป็นสตรีที่ประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งใน ชีวิตด้วยตัวของเธอเอง ได้รับการอบรมให้เป็นนักวิชาการ เธอสอนหนังสือ จากนั่น ก็ก้าวซึ้นสู่ตำแหน่งผู้บรีหาร โดยทำหน้าที่เป็นนิเทศก์คืกบาระดับชั้นประถมในห้อง ถิ่น โรงเรียนจอร์แดนแห่งซอลท์เลคเคาน์ตี้ และทำหน้าที่เป็นกรรมการระดับสูงของ สมาคมปฐมวัยด้วย บ้านที่เธอดูแลเป็นที่พำนักอันสงบสุขสำหรับสามีและเป็นที่ที่ เต็มไปด้วยอัธยาศัยไมตรีสำหรับทุกคนที่มีโอกาสเข้าไไ/ในนั่น

“ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ ทราบดีถึงความรอบรู้ของเอ็ลเดอร์สิเกี่ยวกับโปรแกรมต่าง ๆ ของศาสนาจักรและความรู้ความสามารถในการบริหารที่เห็นได้อย่าง เด่นซัดของท่านจึงแต่งตั้งท่านเป็นประธานกรรมการด้านความสัมพันธ์กันเพื่อประสาน หลักสูตรทั้งหมดของศาสนาจักร ทบทวนหลักสูตรการให้คำแนะน่าที่ใข้มาตลอด หลายปีอย่างละเอียด รวมทั้งวิเคราะห์องค์การและสิงอำนวยความสะดวกทั้งหมดใน การสอนด้วยความเพียรพยายามอย่างมากภายใต้การกำกับดูแลของท่านส่งผลให้ เกิดหลักสูตรที่สัมพันธ์กันซึ่งออกแบบไว้เพื่อถ่ายทอดความรู้ทุกชั้นตอนเกี่ยวกับ กิจกรรมและคำสอนของศาสนาจักร และเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางวิญญาณในหมู่ สมาชิก พลังการเป็นผู้นำของท่านประจักษ์ซัดในภาระหน้าที่นี้ ท่านแน่วแน่และนั่น คง วัตถุประสงค์ของท่านมีขอบเขตแน่ซัด ทั้งศาสนาจักรได้รับประโยชน์จากการรับ ใช้ของท่าน

“เนื่องด้วยการเสียชีวิตของประธานแมคเคย์ และโจเซฟ หิเลติง สมิธสืบทอดตำ- แหน่งในฝ่ายประธานของศาสนาจักร เอ็ลเดอร์สีจึงตำรงตำแหน่งประธานสภาอัคร สาวกสิบสอง และประธานสมิธเลือกท่านเป็นที่ปรึกษาที่หนึ่ง ถึงแม่ทิ้งนี้จะส่งผลให้ ท่านต้องถูกปลดจากการเป็นประธานกรรมการในกิจกรรมบางอย่างก่อนหน้านี้ แต่ วัตถุประสงค์ เติมยังคงตำเนินต่อไปภายใต้การเป็นผู้นำระดับสูงของท่าน โครงการ ต่าง ๆ ได้รับการ จัดตั้งขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของครูทั่วศาสนาจักร โครงการ อบรมอธิการมีผลบังคับใช้ โครงการผู้สอนศาสนาทั่วโลกมีประสิทธิภาพมากขึ้น…

“เมื่อประธานโจเซฟ หิเลดิง สมีธจากไปอย่างสงบในคืนวันที่ 2 กรกฎาคม 1972 สมาชิกในสภาอัครสาวกสิบสองไม่สงสัยเลยว่าใครควรสืบทอดตำแหน่งประธาน ศาสนาจักรต่อจากนั้น เช้าวันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม สภาอัครสาวกสิบสองมาประชุม กันในห้องคักดสิทธึของพระวิหารซอลท์เลค ในที่ที่เงียบสงบและคักดสิทธแห่งนั้น ด้วยใจที่สงบ และอ่อนโยน พวกท่านพร้อมใจกันแสวงหาสุรเสียงกระซิบของพระ วิญญาณ ใจทุกดวงเป็นหนึ่งเดียวกันในการตอบสนองสุรเสียงเหล่านั้น ฮาโรลด้ บิง- แฮม สิ ผู่ใด้รับการสั่งสอนตั้งแต่วัยเด็กถึงหลักธรรมของพระกิตติคุณที่ได้รับการ ฟ้นฟู ได้รับการอบรม และขัดเกลาตลอดสามสิบเอ็ดปีแห่งการรรับใช็ในฐานะอัคร สาวก ท่านได้รับเสือกจากพระเจ้าและได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ศาสดา ผู้พยากรณ์ และผู้เปีดเผยทุกคนในที่ นั้นวางมือบนคืรษะท่านและแต่งตั้งท่านในฐานะผู้ได้รับการเจิมของพระเจ้าล่การเรียก ที่สูงส่งและลํ้าเลิศดังกล่าว

“ท่านดำรงตำแหน่งมหาปุโรหิตควบคุมในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดิน โลก โดยได้รับการสนับสนุนจากศรัทธาและการสวดอ้อนวอนของสิทธิชนทั่วโลก”

ประธานฮาโรลต์ บี. ลี รับใช้ไนฐานะศาสดาของพระเจ้าเป็นเวลา 17 เดือน 19 วัน ในช่วงนี้ของการเปลี่ยนแปลงและการขยายคัว ประธานลควบคุมดูแลการสร้าง สเตคแห่งแรกในชิลี และบนแผ่นดินใหญ่ของภูมิภาคเอเชียในเกาหลี ท่านเป็น ประธานในการประชุมใหญ่ภาคครั้งแรกซึ่งจัดขึ้นในเม็กซิโก ชีตี้ เม็กซิโก และมิว’นก เยอรมนี ท่านขยายโครงการสวัสดิการของศาสนาจักรไปทั่วโลก ท่านเสียชีวิตวันที่ 26 ธันวาคม 1973 ด้วยวัย 74 ปี