บทที่ 24
กลับบ้านอย่างปลอดภัยในที่สุด
เราจะอยู่อย่างปลอดภัยบนเส้นทางที่นำไปสู่บ้านและ ชีวิตนิรันดรไนที่ประทับของพระบิดาได้อย่างไร?
บทนำ
ตลอดการปฏิบัติศาสนกิจของท่าน ฮาโรลค์ บี. ลีเน้นคำสอนนี้ “สิงที่เราต้อง พยายามคือ รักษาตัวเราและดำเนินชีวิตเพื่อว่าสักวันหนึ่งเราจะสามารถกลับบ้านไป หาพระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นผู้ประทานชีวิตแก่เรา —กลับไปยังที่ประทับของพระบิดาบน สวรรค์นิรันดรองค์นั้น”1
ท่านเล่าว่า “นานมาแล้ว ข้าพเจ้าอ่านบทความที่นักหนังสือพิมพ์ผู้มีซื่อเลียงคน หนึ่งเขียนไว่ซื่งอธิบายว่าเขาเตรียมการอย่างไรเพื่อให้การสนทนากับบุคคลที่เขาต้อง การสัมภาษณ์มีความหมายมาก เขาจะถามคำถามท่านองนี้ ‘กรุณาบอกผมหน่อยไต้ ไหมครับว่าคุณจะจารึกข้อความอะไรไว้บนแผ่นหินหน้าหลุมฝืงศพ’ เขารายงานว่า คนเป็นอันมากจะให้คำตอบอย่างเซ่น ‘ขอให้สนุกนะ’ ‘ไปการประชุมอีกที่หนึ่ง’ และอื่น ๆ จากนั้นก็มีคนถามนักหนังสือพิมพ์ผู้นี้ว่าเขาจะเขียนอะไรไว้บนแผ่นหิน หน้าหลุมฝืงศพของตนเอง เขาตอบอย่างอ่อนโยนและจรีงใจมากว่า ‘กลับบ้านอย่าง ปลอดภัยในที่สุด’
“เมื่อนัยโดยสมบูรณ์ของข้อความนี้จารึกอยู่ในใจเรา เราอาจจะถามตัวเราเองว่า ‘เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว ชีวิตเป็นอย่างไรกันแน่ และอะไรคือความหวังของเราหลังจาก ชีวิตนี้ โดยที่เราเชื่อในชีวิตหลังจากนี้?’ แทบทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม จะมองไปที่การดำรงอยู่ซึ่งอธิบายไว้หลายแง,ด้วยกัน หากข้อสรุปของข้าพเจ้าถูกต้อง เราทุกคนคงอยากจะจารึกไว้บนแผ่นหินหน้าหลุมฝืงศพเพื่อระลึกถึงงานในชีวิตของ เราว่า เรา ‘ถึงบ้านอย่างปลอดภัยในที่สุด’”2
คำสอนของฮาโรลด์ บี. ลี
อะไรคือจุดประสงค์ของชีวิตมตะของเรา?
อะไรคือจุดประสงค์ของชีวิต…? มีเพียงคำตอบเดียวในพระคัมภีร์ข้อหนึ่งซึ่งเขต เผยถึงจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในการประทานชีวิต และจุดประสงค์ดังกล่าว อธิบายไว้ในการเขตเผยต่อศาสดาโมเสส: “นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา— ที่จะทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ฃองมนุษย์” [โมเสส 1:39] ถ้าคนเรา ต้องหายใจเพียงชั่วขณะเดียวในชีวิตมตะแล้วก็จากไป หรือหากเขามีอายุเท่าต้นไม้ จุดประสงค์ของพระบิดาของเราคงจะสำเร็จแค่การไต่ชีวิตอมตะ และสิงที่เรืยกว่าชีวิต นิรันดรัคือ เขาต้องดำเนินชีวิตจนนับไต้ว่ามีค่าควรต่อชีวิตนิรันดรในที่ประทับของ พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตร3
มนุษย์ในโลกแห่งวิญญาณเป็นลูกหลานของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างและ จัดแผ่นดินโลกไว้เป็นที่อาศัยของวิญญาณสวรรค์ที่เกิดมาในร่างกายมตะเพื่อ “พิสูจน์ เขาพร้อมกันนั้น เพื่อดูว่าเขาจะทำสิงทั้งหมดอะไรก็ตามที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของ เขาจะบัญชาเขาหรือไม่” [ดู เอบราแฮม 3:25] จุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในการ ทำเซ่นนั้น คือ “ที่จะทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์” หรืออีกนัยหนึ่งคือ เพื่อน่าจิตวิญญาณแต่ละดวงกลับไปสู่ที่ประทับของ “พระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นผู้ประทาน ชีวิตให้เขา” อันเนื่องจากชีวิตมตะที่ประสบความสำเร็จ และอยู่ชั่วนิรันดรในที่ประทับ ของพระเจ้าพระอาจารย์ของเราและพระบิดาของเราทุกคนโดยมีร่างกายที่พื่นคืนชีวิต แล้ว ไม่อยู่ภายใต้ความตาย และสมบูรณเ,ม่มีที่ติ4
[ประธานจอร์จ เอฟ. ริชาร์ตสํ] เล่าเรื่องนี้ เรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยากจะ ศึกษาเล่าเรียนมาก บิดามารดาของเขาไม่สามารถล่งเสียให้รื่าเรียนมหาวิทยาลัยไต้ เขาจึงเดินทางไปยังเมืองที่มีมหาวิทยาลัย หลังจากเที่ยวถามไปทั่ว ก็พบสถานที่แห่ง หนึ่ง [ที่] เขาพอจะจ่ายค่ากินอยู่และค่าที่พักให้ตนเองไต้ ต่อมา อาจารย์คนหนึ่งของ มหาวิทยาลัยจ้างเขาทำงานดัดต้นไม้เพื่อจะมีเงินจ่ายค่าเรียน เมื่อมีคนทราบข่าว ความสำเร็จของเขาในฐานะคนตัดต้นไม้ หลายคนจึงว่าจ้างเขาให้ทำงานนี้ ในไม่ข้า เขาก็พบว่าตนเองไม่มีเวลาไปเรียนมหาวิทยาลัย และกลับกลายเป็นว่าเขาพอใจกับ ความสำเร็จของตนในฐานะคนตัดต้นไม้
เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพที่หลายคนในพวกเราเป็นอยู่ เรามาในโลกนี้เพื่อจุด ประสงค์พิเศษ—นั้นก็คือ เพื่อทำงานความรอดให้ตนเอง หรืออีกนัยหนึ่งคือ เพื่อ เตรียมรับชีวิตที่จะมาถึง ซึ่งคือชีวิตอันเป็นนิจ ดูเหมือนว่าพวกเราบางคนหลงลืมจุด ประสงค์ที่เราวางไว้ และพอใจกับการแสวงหาความมั่งคั่งและซื่อเสียงที่ชีวิตมอบให้ อีกนัยหนึ่ง คือ พอใจแค่ “การตัดต้นไม้”5
ขอให้เราผู้มีประจักษ์พยาน [ถึงพระเยซู]…ร้องทูลพระบิดาจากใจเราว่า “พระองค์ เจ้าข้า พระองค์ทรงประสงค์ให้ข้าพระองค์ทำสิงใดหรือ?” [กิจการ 9:6]
และหากเราสวดอ้อนวอนด้วยความจริงใจและศรัทธา จะมีค่าตอบของค่าถามนี้ จากพระคัมภีร์กลับมาถึงเรา ค่าตอบยํ้าอยู่บ่อย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า เราควรทำทุกสิง “ด้วยเห็นแก่รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเดียว” [ค.พ. 82:19] รัศมีภาพของ พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร? พระเจ้าทรงบอกโมเสสว่า
“…นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา-ที่จะทำให้เกิดความเป็นอมตะและ ชีวิตนิรันดร์ฃองมนุษย์” (ไข่มุกอันลํ้าค่า โมเสส 1:39)
โดยมีเป้าหมายตังกล่าวอยู่ตรงหน้าเราตลอดเวลา เราคงต้องใข้ป้ญญามากขึ้นใน เรื่องต่าง ๆ ของชีวิตเพื่อหาทางให้การกระทำทุกอย่างในชีวิตและการตัดสินใจทุก อย่างที่เราทำเป็นไปตามรูปแบบความอ้าวหน้าของชีวิต อันจะเป็ดโอกาสให้เราได้เข้า ไปสู่ที่ประทับของพระเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ ซึ่งก็คือการได้รับชีวิตนิรันดร์6
พระคัมภีร์ ข้อเชียนของผู้นำที่ได้รับการดลใจของศาสนาจักร และข้อคิดเห็นทาง โลกอาจให้คำจำกัดความว่า ชีวิตนิรันดรัคือชีวิตในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้านิรันดร ซึ่งคือพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ เพื่อให้คำจำกัด ความนี้สั้นลง เราอาจจะกล่าวได้ว่าชีวิตนิรันดรคือชีวิตของพระผู้เป็นเจ้า…
การบรรลุถึงความสั้าเลิศตังกล่าวในอาณาจักรสั้นสูงควรเป็นการแสวงหาอันไม่มี ที่สุดของมนุษย์มตะทุกคน7
เราพร้อมจะยืนหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระผู้เป็นเจ้าหรือไฝ?
ท่านทุกคน…ต้องยืนหน้า “บัลลังก์พิพากษาของพระผู้บริสุทขึ้ของอิสราเอล… และเมื่อนั้น…ต้องถูกพิพากษาตามการพิพากษาอันศักดิสิทธึ๋ของพระผู้เป็นเจ้า” (2 นิไฟ 9:15) จากภาพที่ยอห้นเห็น “หนังสืออีกเล่มหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือ หนังสือ ชีวิต และผู้ที่ตายไปแล้วนั้งหมดก็ถูกพิพากษาตามข้อความที่จาริกไวํในหนังสือเหล่า นั้น และตามที่เขาได้กระทำ” (วิวรณ์ 20:12) “หนังสือ” ที่พูดถึงคือ “บันทึก [เกี่ยวกับงานของท่าน] ซึ่งมีรักษาอยู่บนแผ่นดินโลก…หนังสือแห่งชีวิตเป็นบันทึกซึ่ง มีรักษาอยู่ในสวรรค์” (คำสอนและพันธสัญญา 128:7) ท่านที่ดำเนินชีวิตอย่างชอบ ธรรมและเสียชีวิตโดยไม่ได้กลายเป็นทาสของบาป หริอผู้ที่กลับใจอย่างแห้จริงจาก บาปจะเข้าสู่ “ความพักผ่อนของพระองค์” ซึ่งความพักผ่อนนั้น “คือความบริบูรณ์ แห่งรัศมีภาพของพระองค์” [ดู ค.พ. 84:24]8
เราทราบจากข้อเขียนที่ได้’รัชการดลใจว่า “คำพูดของเราจะกส่าวโทษเรา (หรือไม่ก็ ทำให้เราสูงส่ง) งานของเราจะกลาวโทษเรา (หรือไม่ก็ยกเราให้สูงขึ้น)…(ดู แอลมา 12:14] เมื่อเราถูกนำไปอยู่เบื้องพระพักตร์องค์พระผู้พิพากษาที่ยิ่งใหญ่ของเราทุกคน โดยหวังอย่างยิ่งวาจะได้รับคำสรรเสริญของพระอาจารย์ที่ว่า “ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดี และสัตยซอ” [มัทธิว 25:21] ตรงข้ามกับแนวคิดทั่วไปของนักศาสนาที่ว่าอัครสาวก เปโตร คือคนเฝืาประตูทางเข้าสู่ชีวิตหลังจากนี้ เราทราบว่า “คนเ]าประตูคือพระผู้ บริสุทธึ่ของอิสราเอล และพระองค์ไม่ทรงจ้างผู้รับใข้ที่นั่น” (2 นีไฟ 9ะ41)9
นรกอันน่ากลัวที่สุดที่ผู้คนจะต้องประสบคือการเผาไหม้ของจิตสำนึกของเขาเอง พระคัมภีร์กล่าวว่าความคิดทองเขาจะกล่าวโทษเขา เขาจะจำทุกอย่างในชีวิตนี่ใด้อย่าง ชัดเจน (ดู แอลมา 12:14; 11:43) ทำนคงจำไต้ว่าในพระคัมภีร์พูดถึงหนังสือแห่ง ชีวิตของพระเมษโปดก อันเป็นบันทึกเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์และเก็บรักษาไวํในสวรรค์… มนุษย์จะถูกพิพากษาตามบันทึกที่เชียนถึงชีวิตของเรา (ดู ค.พ. 128:6-7) เมื่อเรา พลาดรัศมีภาพระคับสูงสุดและสำนึกถึงสิงที่เราสูญเสีย จะมีการเผาไหม้ของจิตสำนึก ขึ้งจะเลวร้ายยิ่งกว่าการเผาไหม้ของไฟทางกายภาพที่ข้าพเจ้ไคิตว่าเขาอาจจะไต้รับ10
เมื่อเราฝานประตูแห่งความดาย…พระองค์จะตรัสกับเราว่า “เจ้ารับขึ้อฃองเราไว้ กับคัวเจ้าแล้ว เจ้าทำอะไรกับขึ้อของเรา? เจำเคยนำความเขึ้อมเสียมาสู่นามของพระ เจ้าพระเยซูคริสต์ในฐานะสมาชีกฃองศาสนาจักรของพระองค์หรือไม่?” ลองนึกภาพ พระพักตร์อันบึ้งตึง พระองค์ทรงส่ายพระพักตร์และห้นหลังเดนจากไป…แต่ลองนึก ภาพเมื่อเราพบว่ามีรอยแยมสรวลบนพระพักตร์พระองค์ พระองค์ทรงยื่นพาหุออก ต้อนรับเราและตรัสกับเราว่า “ลูกชายทองพ่อ ลูกสาวของพ่อ เจ้ไขึ้อสัตย์บนแผ่นดีน โลก เจ้ไมีศรัทธา เจ้าทำงานของเจ้ไเสร็จแล้ว บัดนี้เรามีมงกุฎเตรียมไว้โห้เจำในอาณา จักรของเรา” [ดู 2 ทเมธี 4:7-8] ข้าพเจ้าคิดไม่ออกว่ามีเรื่องใดในโลกนี้น่ายินดียิ่ง ไปกว่าการต้อนรับเช่นนั้นเข้าสู่ที่ประทับของพระผู้ทรงฤทธานุภาพในโลกที่จะมาถึง11
เราเตรียมพบพระเจ้าอย่างไร?
พระเจ้าทรงยอมให้เรามีวันมากขึ้นอีกหน่อย หรือมีสัปดาห์มากขึ้นอีกหน่อย หรือมี ปีมากขึ้นอีกหน่อยขณะที่เวลาดำเนินไป—ไม่สำคัญว่านานแค่ไหน—เพราะสำหรับพระ ผู้ทรงฤทธานุภาพแล้ว ทุกวันแห่งการเตรียมมีค่ายิ่ง ศาสดาท่านหนึ่งอธิบายว่า “ชีวิตนี้ เป็นเวลาสำหรับมนุษย์ที่จะเตรียมพบพระผู้เป็นเจ้า แห้จริงแล้ว ดูเถิดวันแห่งชีวิตนี้เป็น วันสำหรับมนุษย์ที่จะท่างานของตน…เพราะดูเถิด หากท่านผัดวันแห่งการกลับใจของ ท่านแม้จนถึงความตาย…มาร…ไต้ผนึกท่านไว้เป็นของเขา” (แอลมา 34:32, 35)12
เราต้องระลึกว่าไม่ว่าเราจะเสียชีวิตในวัยเด็กหรือวัยกลางคน สิงนั้นไม่ไต้ทำให้เกิด ความแตกต่างแต่ประการใดสิงสำคัญที่สุดไม่ไต้อยู่ที่ว่าธาเสียชีวิตเมื่อไรแต่อยู่ที่ว่าเรา พร้อมแค่ไหนตอนที่เราเสียชีวิต นี่เป็นวันที่มนุษย์จะเตรียมพบพระผู้เป็นเจ้าของเขา พระองค์ทรงเมตตาต่อเรามากเหลือเกิน จึงไต้ประทานช่วงเวลาแห่งการทดสอบแก่ เรา ซึ่งในระหว่างนี้มนุษย์จะไต้ท่าให้ตนเองดีพร้อม13
วันนี้เป็นวันที่เราจะเริ่มต้นหาจิตวิญญาณของเรา วันนี้ท่านคันพบหรือยังว่าบัญญัติ ข้อใดสำคัญที่สุดสำหรับท่าน?…ท่านจะเริ่มรักษาบัญญัติข้อนั้นให่ไต้ไนวันนี้หรือไม่? หรือท่านจะรอจนกระทั่งมันสายเกินไป? เด็กเล็กๆ พูดว่า “เมื่อผมโตแล้วผมก็จะท่า เองแหละ” แล้วเป็นอย่างไรหรือ เมื่อเขาโตขึ้น เขาก็จะพูดว่า “เมื่อผมแต่งงานแล้วผม ก็จะทำเองแหละ” และหลังจากที่เขาแต่งงาน ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด และ “เอาไว้ให้ ผมเกษียณก่อน” หลังจากเกษียณ ลมหนาวโจมดีเขาอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นเขาก็รู้ตัว ว่าไต้สูญเสียทุกสิงไปแล้ว และมันสายเกินไป ทั้งที่เขามีเวลาตลอดชีวิต แต่ก็ไม่ไต่ใช้ เวลานั้นให้เกิดประโยชน์เลยวันนี้เป็นวันที่เราจะเริ่มท่าบางสิงก่อนที่มันจะสายเกินไป14
[ข้าพเจ้านึกถึง] เรื่องหนึ่งซึ่งไต้ยินที่หมู่เกาะฮาวายเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วเกี่ยวกับเด็ก ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอพาเพื่อนมาเล่นที่บ้าน ขณะกำลังเล่นกันอยู่นั้น คุณย่าผู้สูงวัยก็ง่วนอยู่ กับการอ่านพระคัมภีร์ไบเบิล ทุกครั้งที่เด็กคนนี้มา เธอจะเห็นคุณย่าอ่านพระคัมภีร์ ไบเบิล ในที่สุดเธอก็ถามหลานสาวตัวน้อยว่า “ทำไมย่าของเธออ่านพระคัมภีร์ไบเบิล มากจัง” หลานสาวตอบว่า “อ่อ คุณย่าท่านกำลังเร่งอ่านเพื่อเตรียมสอบปลายภาค”
เธอพูดไม่ผิดหรอก ข้าพเจ้าคิดว่าคงจะดีทีเดียวหากเราทุกคนจะเอาใจใส่มากขึ้น อีกเล็กน้อยถึงความสำคัญของการเร่งอ่านเพื่อเตรียมสอบปลายภาค15
ท่านจะผัดวันแห่งการกลับใจจากการท่าผิดของท่านไปอีกนานแค่ไหน? ท่านจะ ต้องเผชิญการพิพากษาต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้พิพากษาที่ชอบธรรม ผู้ทรงสน พระทัยความสามารถและขีดจำกัดของเรา โอกาสของเราและอุปสรรคของเรา คนที่ ทำบาป กลับใจ และหลังจากนั้นเติมชีวิตด้วยความเพียรพยายามอันแน่วแน่ คนนั้น จะไม่สูญเสีย ในวันแห่งการพิพากษาอันชอบธรรมมากเท่ากับคนที่พลาดไปอย่างน่า เวทนา เนื่องจากเขาละเลยไม่ทำสิงที่ตนมีความสามารถและมีโอกาสที่จะทำ16
ขณะนั่งอยู่ที่นื่วันนี้ เราลองมาพิจารณาใคร่ครวญชีวิตของเรา สมมุติว่าจะมีบางสิง เกิดขึ้นเมื่อเราออกจากที่ประชุมนี้ และชีวิตของเราจบลงตรงนี้ มีธุรกิจที่ท่านด้องทำ ให้แล้วเสร็จก่อนเวลานั้นจะมาถึงไหม?…มีความผิดที่ท่านต้องแก่ไขก่อนเวลานั้นจะมา ถึงไหม? ท่านจะรู้สิกภูมิใจที่ได้พบคนในครอบครัวซึ่งกำลังรอคอยท่านอยู่อีกด้านหนึ่ง ไหมหากท่านยังไม่เสร็จงานที่ท่านต้องทำให้เสร็จวันนี้? ท่านพร้อมจะพบกับคนใน ครอบครัวที่นั้นไหม โดยท่าทุกสิงที่ท่าได้เพื่อความสุขในภายภาคหน้าของเขา? ท่าน มีบาปใดที่ด้องกลับใจก่อนจะกลับบ้านไปหาพระองค์ผู้ประทานชีวิตให้ท่านไหม?17
ที่นื่และเวลานี้ในชีวิตมตะ เราต่างก็มีโอกาสเสือกกฎตามแบบที่เราเลือกเชื่อพิง เวลานี้ เรากำลังดำเนินชีวิตและเชื่อพิงกฎชั้นสูงซึ่งจะท่าให้เรามีคุณสมบัติสำหรับรัศมี ภาพชั้นสูง หรือเรากำลังดำเนินชีวิตตามกฎชั้นกลาง ซึ่งจะท่าให้เรามีคุณสมบัติ…สำ หรับชั้นกลาง หรือชั้นด้น การเชื่อพิงกฎของอาณาจักรต่าง ๆ เหล่านี่ไนช่วงที่เราอยู่ที่ นี่ ในชีวิตมตะบนโลกจะเป็นตัวกำหนดที่ที่เราจะครอบครองในโลกนิรันดร18
ท่านเตรียมพบพระเจ้าอย่างไร?…พระเจ้าตรัสว่า “ฉะนั้น จงชำระตัวให้บรืสุทขึ้เพื่อ ความคิดของเจ้าจะกลับเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้าอย่างเดียว และวันเวลาจะมาถึง เมื่อเจ้า จะเห็นพระองค์…และมันจะเป็นในเวลาของพระองค์เอง และในทางของพระองค์เอง และตามพระประสงค์ของพระองค์เอง” (ค.พ. 88:68) ต่อไปนี้เป็นสูตรที่พระองค์ ประทานแก่เราในการเป็ดเผย…“ตามจริงแล้ว พระเจ้าตรัสตังนี้: เหตุการณ์จะบังเกิด ขึ้นคือ ทุกคนที่ทิ้งบาปของเขา และมาหาเรา และเรียกหานามของเรา และเชื่อพิง เสียงของเรา และรักษาบัญญัติของเรา จะเห็นหน้าของเราและรู้ว่าเราเป็นอยู่” [ค.พ. 93:1]19
อะไรเป็นรางวัลสำหรับคนทีดำเนินชีวิต “สมกับมีประจักษ์พยานว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์และพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์”?
สวรรค์ ตามที่เราเข้าใจมาดลอด คือ ที่อาศัยของคนชอบธรรมภายหลังออกจาก ชีวิตบนโลกนี่ไปแล้ว และเป็นที่ที่พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ประทับอยู่ อัครสาวก เปาโลพูดถึงสภาพที่มีความสุขนี้ว่า “สิงที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิงที่มนุษย์คิดไม่ ถึง คือสิงที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์” (1 โครีนธ์ 2:9)20
สำหรับคนส่วนใหญ่ความสำเร็จมีหลายอย่าง แต่สำหรับลูกทุกคนของพระผู้เป็น เจ้า ความสำเร็จคือการได้อยู่ในที่ประทับของพระองค์และอยู่กับพระองค์องค์ที่นั่น อย่างสุขเกษมเปรมปรด21
มีจุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวตราบที่เกี่ยวข้องกับงานของพระบิดาของเรา และ นั่นคือ ในที่สุดเมื่อเราทำงานบนโลกนี้เสร็จแล้ว หลังจากนั่นไม่ข้าก็เร็ว เราจะเอาชนะ โลก และมีสิทธี้เข้าไปในที่ที่เรียกว่าอาณาจักรชั้นสูง22
คนที่ดำเนินชีวิต…สมกับมีประจักษ์พยานว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์และพระ เยซูทรงเป็นพระคริสต์ และคนที่เต็มใจแสวงหาพระองค์ด้วยการทูลถามอยู่เสมอ เพื่อให้รู้ว่าพระองค์ทรงเห็นชอบหรือไม่ คือ คนที่กำลังดำเนินชีวิตเพื่อความอุดม สมบูรณ์ในโลกนี้และกำลังเตรียมรับโลกชั้นสูง เพื่ออยู่กับพระบิดาบนสวรรค์ของเขา ชั่วนิรันดร23
ข้าพเจ้าขอให้ท่านไตร่ตรองดำสัญญาอันน่าอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงใหํไว้กับทุกคน ที่ซื่อสัตย์
“และหากตาของเจ้าเห็นแก่รัศมีภาพของเราอย่างเดียว ทั้งร่างกายของเจ้าจะเต็ม ไปด้วยความสว่าง และจะไม่มีความมีดในเจ้า และร่างกายนั้นซึ่งเต็มไปด้วยความ สว่าง เข้าใจสิงทั้งปวง” (ค.พ. 88:67)
ขอให้ทุกคนที่แสวงหามีประจักษ์พยานอันนั่นคงของตัวเอง ซึ่งจะทำให้เท้าของ เขาตั้งนั่นอยู่บนเล้นทางที่นำไปส่เป้าหมายอันรุ่งโรจน์แห่งความเป็นอมตะและชีวิต นิรันดร นี่คือคำสวดอ้อนวอนที่ถ่อมใจของข้าพเจ้า24
ข้อ แนะนำ สำหรับการศึกษา และการสนทนา
-
บางคเงเราเป็นเหมือนชายหนุ่มคนตัดไม้อย่างไร?
-
อะไรช่วยให้เราคิดถึงเป้าหมายที่จะกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์อย่างปลอดภัย ทุกวัน?
-
เวลานี้ท่านกำลังเลือกที่ที่ท่านจะครอบครองในโลกนิรันดรอย่างไร? อะไรเป็นผล ของการผัดวันในการเตรียมของท่านเพื่อจะยืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระ ผู้เป็นเจ้า?
-
เราทำอะไรได้บ้างกับอีกวันหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้า?
-
ดำเนินชีวิตด้วยเห็นแก’รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างเดียวหมายความว่า อะไร? (ค.พ. 88:67-68)
-
รับเอาพระนามของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ มีความหมายอะไรต่อท่าน? เราท่า อะไรได้บ้างเพื่อให้เกียรติพระนามของพระองค์?
-
การสีกษาคำสอนของประธานฮาโรลค์ บี. ลี สอนอะไรท่านเกี่ยวกับการกลับบ้าน ไปหาพระผู้เป็นเจ้าอย่างปลอดภัย?