บทที่ 19
ใข้เวลาทำให้ศักดี้สิฑธิ์
เราจะทำงานทุกวันเพื่อบำรุงเลี้ยงตนเองทางวิญญาณได้อย่างไร?
บทนำ
ประธานฮาโรลด์ บี. ลี สอนอยู่บ่อยๆ ถึงความสำคัญของการบำรุงเลี้ยงตนเอง ทางว๊ญญาณ ท่านกล่าวว่าร่างกายของเราเปรียบได้กับป้อมปราการที่ต้องเสริมให้อยู่ ในสภาพที่ดีเสมอเพื่อจะคงความแข็งแกร่งในช่วงที่ศัตรูโจมตี
“ศัตรูของ ‘ป้อมปราการ’มนุษย์เป็นทั้งฝ่ายร่างกายและฝ่ายวิญญาณ” ท่านอธิบาย ซึ่งอาจจะรวมถึง “ความเศร้าเลียใจที่คาดไม่ถึง ความอัปยศอดสูในครอบครัว ภาวะ จู่โจมทางการเงินของท่าน [ความไม่ซื่อ] ของคนที่ท่านนับถือเป็นเพื่อน หรือทำบาป ลับ ต่อด้านกฎของพระผู้เป็นเจ้า” เมื่อเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในชีวิตของเรา เราต้องมี “เสบียงเพิ่มเติมจากแหล่งช่วยทางวิญญาณ … ถ้าท่านขาดการติดต่อกับศาสนาจักร เพราะความไม่เอาใจใส่ และศรัทธาของท่านในพระผู้เป็นเจ้าเลี้อมถอย ถ้าท่านไม่เข้า ใจหนทางที่นำไปสู่การให้อภัยการล่วงละเมิดของตนเองโดยการสืกษาและเรียนรู้ หรือถ้าท่านไม่มั่นใจถึงรางวัลในอนาคตสำหรับการเลียสละและความเจ็บปวดโดย ทำความเข้าใจร่วมกับการสวดอ้อนวอน ก็เท่ากับท่านได้ตัดเส้นทางสะสมเสบียงทาง วิญญาณและพลังที่จิตวิญญาณของท่านต้องการจะไม่หลงเหลืออยู่เลย … ถึงวาระที่ ป้อมปราการของท่านต้องถูกเราพัฒนาทางวิญญาณโดยการปฏิบัติกองทัพของซาตานยึดไป ต่อจากนั้นท่านก็จะเป็นเหมือน คนโง่ที่สร้างบ้านบนทราย เมื่อพายุพัดมา บ้านก็พังทลาย [ดู มัทธิว 7:24-27]
“ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่าน … ดำเนินชีวิตในแต่ละวันจนท่านได้รับการบำรุง เลี้ยงและพลังที่เพียงพอแก่ความต้องการในแต่ละวันจากแหล่งของความสว่าง จงใช้ เวลาทำให้ชีวิตของท่านศักดี้สิทธึทุกวัน”1
คำสอนของฮาโรลด์ บี. ลี
เราจะบำรุงเลี้ยงตนเองทางวิญญาณได้อย่างไร?
ภายในตัวท่านมีวิญญาณที่เป็นพิมพ์เดียวกับร่างกายที่เติบโตเต็มที่ของท่าน เพื่อ ให้ร่างกายกระฉับกระเฉงมีพลานามัยดี ท่านต้องรับประทานอาหารและดื่มนํ้าสมา เสมอ เซลล์พื้นฐานทุกเซลล์ของร่างกายต้องเชื่อมต่อกับระบบประสาทจึงจะรักษา กระบวนการที่สำคัญยิงของชีวิตเอาไวํไต้ หากไม่รักษาการเชื่อมต่อกับระบบประสาท เอาไว้ หรือไม่จัดหาอาหารที่จำเป็นให้ร่างกายก็จะสีกหรอ อืดอาดเจ็บไฃํไต้ป่วย และ ถึงแก่ความตายในที่สุด
ร่างทางวิญญาณของท่านต้องการการบำรุงเลี้ยงอยู่เสมอเพื่อให้มีสุขภาพดีและ กระฉับกระเฉง อาหารทางโลกไม่สนองความต้องการนี้ อาหารที่สนองความต้องการ ทางวิญญาณของท่านต้องมาจากแหล่งอาหารทางวิญญาณ หลักธรรมแห่งความจริง นิรันดร์ ตามที่มีอยู่ในพระกิตติคุณ และการปฏิบัติอย่างเหมาะสมโดยมีส่วนร่วมใน กิจกรรมทางวิญญาณ ต่างก็มีความสำคัญยิ่งต่อการตอบสนองทางวิญญาณของตัว ท่าน กระบวนการอันสำคัญยิ่งของวิญญาณก็เซ่นเดียวกัน จะคงอยู่ไต้ก็โดยการเชื่อม ต่ออย่างเหมาะสมกับแหล่งความจริงทางวิญญาณ ความเจ็บป่วยและความตายทาง วิญญาณ ซึ่งหมายถึงการแยกจากแหล่งของความสว่างทางวิญญาณ สืบเนื่องมาจาก การที่ท่านขาดการเชื่อมต่อกับศูนย์ประสาททางวิญญาณ นั่นก็คือ ศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์2
เราพัฒนาทางวิญญาณโดยการปฏิบัติ … เราต้องฝีกตัวตนทางวิญญาณด้วยการ ดูแลแบบเดียวกับที่เราฝีกร่างกายของเรา หากเราอยากจะพัฒนาเต็มที่ เราต้องฝีก วิญญาณของเราทุกวันโดยการสวดอ้อนวอน ทำความดีทุกวัน และแบ่งปืนให้ผู้อื่น เรา ต้องป้อนอาหารใหํวิญญาณของเราทุกวันโดยการสืกษาพระคัมภีร์ทุกวัน [ลังสรรคใน ครอบครัว] เข้าร่วมการประชุม และรับส่วนดีลระลึก เราต้องหลีกเลี่ยงพิษภัยที่จะ เข้ามาในชีวิตของเราเมื่อเราละเมิดพระบัญญัติข้อหนึ่งข้อใดของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่ง เป็นพิษต่อร่างทางวิญญาณของเราเซ่นเดียวกับร่างกาย …
การตรวจสอบวิญญาณของเราเกิดขึ้นเมื่อเราถูกนำมาอยู่ต่อหน้าแพทย์ทางวิญญาณ ของพระผู้เป็นเจ้า—ในการสัมภาษณ์กับอธิการ ประธานสเตค และบางครั้งกับเจ้า หน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งมักจะกระทำโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้เราเตรียมรับความก้าว หน้าทางวิญญาณ ผลจากการสัมภาษณ์เหล่านี้ บางครั้งก็ต้องดำเนินการบางอย่างกับ วิญญาณของเรา3
ทุกสิงที่ตรงกันข้ามกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเสมือนยาพิษต่อชีวิต ทางวิญญาณของท่าน และต้องหลีกเลี่ยงเสมือนที่ท่านหลีกเลี่ยงยาพิษในตู้ยาที่บ้าน4
ขายที่ขอบธรรมพยายามปรับปรุงตนเองโดยรู้ว่าเขาจะต้องกลับใจทุกวันจากการ กระทำผิดหรือการละเลยของเขา เขาไม่ไต้เป็นห่วงมากนักกับสิงที่เขาไต้มา แต่ที่เป็น ห่วงมากกว่านั้นคือ เขาจะให้ผู้อื่นไต้มากแค่ไหน โดยรู้ว่าวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะพบความ สุขอันแท้จริงไต้ เขาพยายามทำให้ดีที่สุดทุกวันนั้งนี้เพื่อว่าเมื่อสินสุดวัน เขาจะเป็น พยานในจิตวิญญาณของตนเองและต่อพระผู้เป็นเจ้าไต้ว่าทุกสิงที่เขาทำในวันนั้น เขา ไต้ทำจนสุดความสามารถแล้ว5
การรักษาวันแซบัธให้ศักดี้สิทธิ์ำบำรุงเลี้ยงวิญญาณอย่างไร?
วันอาทิตย์เป็นมากกว่าวันแห่งการพักผ่อนจากงานอาชีพปกติของสัปดาห์ ไม่ไต้ เป็นวันแห่งความเกียจคร้านสันหลังยาว หรือเพื่อความพิงพอใจและหลงใหลทางโลก แต่เป็นวันที่จะหล่อเลี้ยงร่างวิญญาณของเรา สถานที่หล่อเลี้ยงทางวิญญาณคือในบ้าน แห่งการนมัสการ ที่นี่ ท่านจะสร้างสัมพันธภาพกับผู้ที่เป็นเหมือนท่าน คือผู้ที่กำลัง แสวงหาการบำรุงเลี้ยงทางวิญญาณ ท่านจะร่วมร้องเพลง สวดอ้อนวอน ถวายความ จงรักของท่านแต่พระผู้สูงสุด และรับส่วนคืลระลึกอันศักดี้สิทธิ์เพื่อเป็นเครื่องเตือน ถึงข้อผูกมัดของท่านในฐานะบุตรหรือธิดาของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตมตะนี้ เพื่อระลึก ถึงการซดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด และเพื่อให้คำรับรองอีกครั้งถึงความภักดีของ ท่านต่อพระนามของพระองค์ …
ไม่ว่าที่บ้านหรือที่โบสถ์ ความคิดและการกระทำของท่านต้องสอดคล้องกับวิญ-ญาณและจุดประสงค์ของวันแซบ้ธเสมอ สถานบันเทิงและลันทนาการ ถึงแม้จะสนอง ความต้องการในเวลาที่เหมาะสม แต่ไม่ไต้นำไปสู่การเติบโตทางวิญญาณ และสถาน ที่ดังกล่าวจะไม่ช่วยให้ท่าน “หมดจดจากโลก” แต่จะท่าให้ท่านไม่ไต้รับ “ความ บริบูรณ์ของแผ่นดินโลก” ตามที่สัญญาไว้กับผู้รักษากฎของวันแซบ้ธ [ดู ค.พ. 59:9, 16] ท่านที่ละเมิดวันแซบ้ธจนเป็นนิสัย ไม่ยอม “รักษาให้คักลี้สิฑธี้” กำลังสูญเลีย ความบริบูรณ์ของความปีติยินดีในจิตวิญญาณเพื่อแลกกับความพิงพอใจเพียงเล็ก น้อย ท่านเอาใจใส่ความปรารถนาทางกายภาพของท่านมากเกินไปจนทำลายสุขภาพ ทางวิญญาณของตนเอง ผู้ละเมิดวันแซบัธส่อให้เห็นเครื่องหมายของความอ่อนแอใน ศรัทธาโดยละเลยการสวดอ้อนวอนทุกวันเป็นครอบครัว จับผิดไม่จ่ายส่วนสิบและ เงินบริจาค ไม่นานนักบุคคลที่ความคิดของเขาเริ่มเข้าไปสู่ความมืดมัวเพราะความ อดอยากทางวิญญาณจะเริ่มมิความสงสัย และกลัวว่าตัวเขาจะไม่เหมาะแก่การเรียน รู้ทางวิญญาณหรือก้าวหน้าในความชอบธรรม นี่คือเครื่องหมายของการสิกหรอและ ความเจ็บไข้ทางวิญญาณ ซึ่งจะเยียวยาได้โดยการป้อนอาหารที่ถูกต้องให้แก่วิญญาณ เท่านั้น
นอกเหนือจากกิจกรรมการนมัสการของเราในวันของพระเจ้าแล้ว ในวันนั้นเราน่า จะลดงานน่าเบื่อจำเจในบ้านให้เหลือน้อยที่สุด รวมถึงงานนอกบ้านด้วย และจะทำ เฉพาะงานบ้านที่จำเป็นเท่านั้น จงทำวันนี๋ให้เป็นวันแห่งการสวดอ้อนวอน วันแห่งการ สืกษาไตร่ตรองพระคัมภีร์และหนังลืออื่นที่ดี ขณะที่เปียมไปด้วยความปีติยินดีของ แซบ้ธ จงเขียนจดหมายถึงหวานใจ หรือคนที่ท่านรัก หรือเพื่อนที่ด้องการพลังทาง วิญญาณจากท่าน ทำให้บ้านของท่านเป็นสถานทีแห่งการร้องเพลง และฟังเพลงที่ ไพเราะสอดคล้องกับวิญญาณของวันนั้น ก่อนสินสุดวัน ขณะอยู่ที่บ้านกับครอบครัว หรือกับเพื่อนๆ จงพูดคุยกันถึงความจริงอันลํ้าค่าของพระกิตติคุณ และปีดท้ายด้วย การสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว ประสบการณ์ของข้าพเจ้าสอนว่าการปลุกจิตสำนึก ให้กับสมาชิกทีซื่อสัตย์ของศาสนาจักรเป็นเครื่องชี้นำทีปลอดภัยทีสุดสำหรับลืงที่ตรง ข้ามกับวิญญาณแห่งการนมัสการในวันแซบ้ธ
… แต่อย่าคิดว่าการรักษากฎวันแซบ้ธอย่างเคร่งครัดก็เพียงพอแล้วต่อการรักษา ร่างทางวิญญาณให้มีสุขภาพดี ท่านต้องบำรุงเลี้ยงวิญญาณของตนเองทุกวัน การสวด อ้อนวอนเป็นครอบครัวและเป็นส่วนตัว การอ่านพระคัมภีร์ รักครอบครัว และการ รับใข้ผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวเป็นมานาจากสวรรค์ที่จะป้อนอาหารให้แก่จิตวิญญาณ ของเรา การจัดสังสรรค์ในครอบครัวทุกสัปดาห์เป็นพลังแก่กล้าอีกอย่างหนึ่งสำหรับ ความชอบธรรมในบ้าน …
ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอร้องท่านว่าอย่าทำลายพลังที่จำเป็นต่อวิญญาณของท่าน โดยการละเมิดวันแซบ้ธ แต่ขอร้องท่านด้วยความจริงใจให้ดำเนินชีวิตในแค่ละวันจน กระทั่งท่าให้ท่านได้รับการบำรุงเลี้ยงและพลังที่เพียงพอแก่ความต้องการในแต่ละ วันจากแหล่งของความสว่าง6
การอดอาหารและการจ่ายเงินบริจาคอดอาหาร เป็นประโยชน์ต่อเราอย่างไรทางวิญญาณ?
ข้าพเจ้าถามตัวเองว่า “กฎแห่งการอดอาหารคืออะไร” และพบคำำกัดความต่อ ไปนี้ของประธานโจเซฟ เอฟ. สมีธ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นการแปลความที่ดีทีเดียว
“ด้วยเหตุนี้จึงเป็นภาระหน้าที่ของสิทธิซนยุคสุดท้ายทุกคนทีจะให้อาหารซึ่งเขา หรือครอบครัวจะรับประทานในวันอดอาหารแก่อธิการ และอธิการจะมอบส่วนนี้ให้ แก่คนยากจนเพื่อเป็นพรและประโยชน์ของพวกเขา หรือ หากบุคคลนั้นรื่ารวย เขา อาจจะบริจาคเป็นเงินเท่ากับค่าอาหารแทน เงินส่วนนี้จะเก็บไวัมอบให้คนยากจน” [Gospel Doctrine, 5th ed. (1939), 243]
จากนั้นข้าพเจ้าถามตัวเองอีกว่า “อะไรคือพรของการอดอาหารและการบริจาค เงินอดอาหารตังที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับเรา?” ในคำอธิบายที่บันทึกไว้ ประธาน [สิเบอร์ เจ.] แกรนทํให้คำตอบแก่ข้าพเจ้าตังนี้: หนึ่ง พรทางการเงิน แล้วก็พรทาง วิญญาณ ท่านกล่าวถึงพรทางการเงินไว้ตังนี้
“ข้าพเจ้าสัญญากับท่านที่นึ่วันนี้ว่า หากสิทธิชนยุคสุดท้ายจะอดอาหารทุกเดือน และจ่ายเงินตามจำนวนที่เขาจะไข้ซื้ออาหารสองนี้อที่ไฝได้รับประทานไว้ในมือของ อธิการ ด้วยความซื่อสัตย์และจริงจังนับแต่วันนี้เป็นด้นไป … เธาจะมืเงินทั้งหมดที่ จำเป็นต่อการดูแลคนไม่มืงานทำและคนยากจนทุกคน” [Gospel Standards, comp. G. Homer Durham (1941), 123]
ท่านพูดถึงพรทางวิญญาณไว้ตังนี้
“จิตวิญญาณที่มืซีวิดทุกดวงในบรรดาสิทธิซนยุคสุดท้ายที่อดอาหารสองมื้อต่อ เดือน จะได้รับประโยชน์ทางวิญญาณ และได้รับการเสริมสร้างศรัทธาในพระกิตติคุณ ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์—ได้รับประโยชน์ทางวิญญาณในวิธีที่น่าอัศจรรย์ยิง” [Gospel Standards, 123]
เมื่อข้าพเจ้าอ่านข้อความนี้ข้าพเจ้าคิดถึงสิงที่ศาสดาอิสยาห์ประกาศไว้เกี่ยวกับพร ที่จะมาถึงคนที่จะอดอาหารและแบ่งปันอาหารให้แก่คนหิวโหย … ต่อไปนี้เป็นสัญญา ทางวิญญาณที่ยอดเยี่ยมกี่ประการซึ่งพระเจ้าทรงทำไว้กับผู้ที่จะอดอาหารและแบ่งปัน อาหารให้แก่คนหิวโหย ตังที่เขียนไว้ในอิสยาห์ คำสัญญาข้อแรกคือ
“แล้วความสว่างจะพุ่งออกมาแก่เจ้าอย่างอรุณ และแผลของเจ้าจะเรียกเนื้อขึ้น มาอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมของเจ้าจะเดินนำหน้าเจ้า และพระสิริของพระเจ้าจะ ระวังหลังเจ้า”
พระเจ้าทรงสัญญาต่อไปว่า
“แล้วเจ้าจะทูล และพระเจ้าจะทรงตอบ เจ้าจะร้องทูล และพระองค์จะตรัสว่า เรา อยู่นี่”
และพระเจ้าทรงสัญญาอีกครั้งว่า
“ล้าเจ้าทุ่มเทชีวิตของเจ้าแก่คนหิว และใท้ผู้ถูกข่มใจได้อิ่มใจ แล้วความสว่างจะ โผล่ขึ้นแก่เจ้าในความมืด และความมืดคลุ้มของเจ้าจะเป็นเหมือนเที่ยงวัน”
และสุดท้าย ทรงสัญญาว่า
“และพระเจ้าจะนำเจ้าอยู่เป็นนิตย์ และให้เจ้าอิ่มด้วยของดี และกระทำให้กระดูก ของเจ้าแข็ง และเจ้าจะเป็นเหมือนสวนที่มืนี้ารดเหมือนนั้าพุที่นี้าของมันไม่ขาด” [อิสยาห๙ 58:8-11]
พรดังกล่าวปรากฏในรูปของเหตุการณ์และปืญหาของชีวิต ซึ่งแสดงให้เห็นอย่าง ชัดเจนในเหตุการณ์ที่ประธานคณะเผยแผ่คนหนึ่งของเราเล่าให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ฟัง เมื่อหลายปีก่อน ขณะที่เรากำลังจะผ่านพ้นช่วงสงครามที่ยืดเยื้อมานาน คุณพ่อคนนี้ เล่าให้เราฟังว่า
วันนั้นเป็นวันอดอาหาร เขาตื่นแค่เช่าตรู่ เพราะมีงานเล็กๆ น้อยๆ ในฟาร์มที่ ต้องทำให้เสร็จ เขาจึงใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีไปที่ทุ่งนาก่อนจะไต้เวลาไปร่วมการประชุม ฐานะปุโรหิตในตอนเช่า
เช่านี้ขณะเดินไปที่ทุ่งนา ความคิดของเขาไม่ไต้จดจ่ออยู่กับลูกชายสองคนที่ออก ไปรบ แต่ทันใดนั้น ความรูสิกแรงกล้าอย่างหนึ่งทำให้เขาหยุดชงักขณะเดินไปที่ทุ่งนา คงมืเรื่องร่ายเกิดกับลูกชายคนใดคนหนึ่งของเขาเป็นแน่ เขากลับไปที่บ้าน เขาพูดว่า “ผมไม่ไต้เดิน แต่วิ่ง และร้องเรียกครอบครัวให้มาที่ห้องต้านหน้า พร้อมกับพูดว่า ‘พ่อไม่อยากให้คนใดในครอบครัเทานอาหารในวันนี้พ่ออยากให้ทุกคนอดอาหาร พ่อ อยากให้ทุกคนสวดอ้อนวอน และพ่ออยากให้ทุกคนคุกเช่ากับพ่อที่นึ่และสวดอ้อนวอน เป็นครอบคร่ว่ เพราะพ่อรู่สีกว่ามืเรื่องร่ายเกิดกับลูกชายคนหนึ่งของเราที่ออกไปรบ’”
ครอบครัวจึงมารวมกันและสวดอ้อนวอนในเช่านั้น เขาอดอาหาร และไม่ไต้หยุด อดอาหาร แต่ยังคงอดอาหารต่อไปหลังจากวันนั้น สิบวันแห่งความวิตกกังวลผ่านพ้น ไป ครั้นแล้วก็มืข่าวมาจากสภากาชาดว่า ในเช้าวันนั้น (และเมื่อคำนวณเวลา เช้านั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้เป็นพ่อมืความร้สิกดังกล่าว) ลูกชายของเขากับเพื่อนตกลง ไปบน “ทุ่นระเบิด” เพื่อนถูกระเบิดแหลกละเอียด ส่วนลูกชายไต้รับบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย
การอดอาหารและการสวดอ้อนวอน—“แล้วเจ้าจะทูล และพระเจ้าจะทรงตอบ เจ้า จะร้องทูล และพระองค์จะตรัสว่า เราอยู่นี่”7
การไตร่ตรองทำให้เราใกล้ชีดพระเจ้ามากขึ้นอย่างไร?
ประธาน [เดวิด โอ.] แมคเคย์กล่าวว่า “เราไม่ไดใช้เวลาไตร่ตรองเท่าที่ควร” ข้าพเจ้า ตื่นแต่เช้าตรู่ … ตีห้า ซึ่งเป็นเวลาทีความคิดและวิญญาณปลอดโปร่งแจ่มใสและไต้ พักผ่อนเต็มที่ จากนั้นข้าพเจ้าก็ไตร่ตรอง ท่านจะไกล่ชีดพระเจ้ามากเกินกว่าจะจึนตนา การไต้เมื่อท่านเรียนรู้ที่จะไตร่ตรอง ขอให้วิญญาณของท่านไต้รับการสอนจากพระ วิญญาณด้วยเถิด8
อัครสาวกสิบสองคงยังไม่ลืมคำเตือนที่ประธานเดวิด โอ. แมคเคยไห่ไร้ในการ ประชุมสภาของเราเช้าวันหนึ่งเมื่อท่านพูดถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดของการใช้เวลา ไตร่ตรองเพื่อให้เกิดความสอดคล้องทางวิญญาณ … “เป็นเรื่องดีที่จะตอบสนองต่อ สุรเสืยงกระซิบของพระวิญญาณ และเรารู้ว่าเมื่อสุรเสียงกระซิบเหล่านี้มาถึง นั่นคือ ของประทานและเป็นสิทธิพิเศษของเราที่จะมีสิงเหล่านี้ สุรเสียงกระซิบจะมาถึงเมื่อ เราผ่อนคลายและไม่อยู่ภายใต้แรงกดคันของการนัดหมาย”
จากนั่นประธานก็ถือโอกาสเล่าประสบการณในชีวิตของอธิการจอห์น เวลล้ส อดีต สมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายอธิการควบคุม ลูกชายคนหนึ่งของอธิการเวลส์สสังเวย ชีวิตบนทางรถไฟในเอมีเกรซั่นแคนยอน … ลูกชายของเขาถูกขบวนรถขนส่งสินค้าวิ่ง ทับ ซิสเตอร์เวลส์สทุกข์โศกเป็นอย่างยิ่ง เธอเศร้าโศกตลอดสามวันก่อนพิธีศพ เธอ ไม่รู้สีกดีขึ้นเลยเมื่ออยู่ที่งานศพ สภาพจิตใจของเธอแย่มาก วันหนึ่ง หลังจากพิธีศพ ขณะนอนพักอยู่บนเตยง และยังคงเศร้าโศกอยู่ เธอเล่าว่าลูกชายมาปรากฏต่อเธอ และพูดว่า “แม่ครับ อย่าเศร้าเสียใจไปเลย อย่าร้องไห้นะแม่นะ ผมสบายดี” เขาบอก ว่าเธอไม่เช้าใจว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นไต้อย่างไร เขาอธิบายว่าเขาส่งสัญญาณให้คนขับ รถจักรเคลื่อนขบวน จากนั่นก็พยายามโดดจับราวรถไฟตามปรกติ แต่เมื่อเขาพยา-ยามทำเซ่นนั่น เท้าเกิดก้าวพลาด เขาจับราวไม่ไต้ ร่างของเขาจึงร่วงลงไปอยู่ใต้รถไฟ เห็นไต้ขัดว่าเป็นอุบัติเหตุ เขาพูดว่าทันทีที่รู้คัวว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมอีกอย่างหนึ่ง เขาพยายามติดต่อกับพ่อแต่ไม่สามารถเช้าถึงท่านไต้ พ่อยุ่งกับงานในที่ทำงานมากจน ไม่สามารถตอบรับเสียงเรียกของเขาไต้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาหาแม่และพูดกับเธอว่า “แม่บอกพ่อด้วยนะครับว่าผมสบายดี ผมไม่อยากให้แม่เศร้าเสียใจอีก”
ประธานแมคเคย์กล่าวต่อจากนั่นว่า ข้อสรุปที่ท่านมีในความคิดคือ เมื่อเราผ่อน คลายในห้องส่วนคัว เราจะรับรู้เรื่องต่างๆ ไต้ง่ายขึ้น ในกรณีของท่าน ความคืดที่ดี ที่สุดเกิดขึ้นหลังจากท่านตื่นนอนในตอนเช้า ผ่อนคลาย และกำลังใคร่ครวญภาระ หน้าที่ของวันนั่น ความรู้สิกนั่นชัดเจนราวกับท่านไต่ยนเสียง และความรู้สิกเหล่านั่น ถูกต้อง ล้าเรากังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ และจิตใจว้าวุ่น การดลใจจะไม่เกิดขึ้น ล้า เราดำเนินชีวิตจนความคิดไร้กังวล สติสัมปชัญญะของเราแจ่มขัด และมีความรู้สีกที่ดี ต่อกัน การทำงานของพระวิญญาณของพระเจ้ากับวิญญาณของเราจะเป็นเหมือน ตอนที่เรายกหูโทรศัพท์ แต่เมื่อสิงนี้เกิดขึ้น จงจำไว้ว่า เราต้องกล้าหาญพอที่จะ ปฏิบัติตามดำแนะนำ …
ขอให้จดจ่าสีงนึ่ไว้—ท่านก็เซ่นเดียวกัน จงใช้เวลาไตร่ตรอง หลายครั้งที่ท่านจะ ต้องต่อรู้กับป้ญหา ทางออกของป้ญหาเป็นสิงที่ท่านหยั่งรู่ใต้ทางวิญญาณ9
อย่ายุ่งจนท่านไม่มีเวลาไตร่ตรอง จงใช้เวลา ประจักษ์พยานที่สำคัญที่สุดไม่ไต้ เกิดจากการมองเห็น แต่เกิดจากพยานภายใน พระครีสต้อาจจะอยู่ใกล้เกินกว่าเรา จะรู่ได้ “เราอยู่ท่ามกลางเจ้า และเจ้าจะเห็นเราไม่ได้ พระวิญญาณบริสุทธี้เป็นพยาน อันมั่นคง พระเนตรของเราจับจ้องอยู่ที่เจ้า วันจะมาถึงเมื่อเจ้าจะรู่’ว่าเราเป็นอยู่” [ดู ค.พ. 38:7-8]10
ข้อแนะบำสำหรับการคืกษาและการสนทนา
-
เหตุไดเราจึงต้องใช้เวลาบำรุงเลี้ยงตนเองทางวิญญาณ? เราทำอะไรได้บ้างในแต่ ละวันเพื่อพัฒนาวิญญาณภาพของเรา?
-
อะไรคือสิงที่ขัดขวางเราไม่ให้บำรุงเลี้ยงตนเองทางวิญญาณ?
-
เราจะทำให้บ้านของเราเป็นสถานที่บำรุงเลี้ยงวิญญาณภาพของสมาซิกแต่ละคน ในครอบคร้ว่ได้อย่างไร?
-
การยกย่องวันแซบ้ธช่วยท่านเติบโตทางวิญญาณในทางใด? กิจกรรมอะไรในวัน แซบ้ธที่ช่วยให้ท่านและครอบครัวรักษาวิญญาณแห่งการนมัสการไวํได้ตลอดวัน? เมื่อเราละเมิดวันแซบัธ ทำไมเราจึง “สูญเสีย ความบริบูรณ์ของความปีติยินดีใน จิตวิญญาณเพื่อแลกกับความพึงพอใจเพียงเล็กน้อย”?
-
พรใดมาถึงผู้ที่อดอาหาร? (ดู อิสยาห้ 58:8-11) ท่านเคยเห็นพรเหล่านี้เป็น จริงอย่างไร?
-
เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องของอธิการจอห์น เวลส์ส เกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ เวลาไตร่ตรองเรื่องทางวิญญาณ? ท่านสามารถรวมการไตร่ตรองเรื่องทางวิญญาณ เช้าไปในชีวิตของท่านได้อย่างไร?